ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
1
เด็กหญิงชเนตตีหรือน้องเนยวัยสิบสองปีเดินถือสมุดพกหรือสมุดประเมินผลการเรียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เธอตั้งใจว่าจะนำผลการเรียนไปอวดบิดาที่อาศัยอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งกับภรรยาน้อยและลูกสาวอีกสองคน
เธอเดินเรื่อยมาจนถึงบ้านหลังดังกล่าวที่มีความใหญ่โตไม่แพ้กับบ้านที่ชเนตตีและมารดาอาศัยอยู่ แต่จะต่างกันตรงที่ว่า บ้านหลังนี้มีความรักและความอบอุ่นเนื่องจากอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ต่างกับบ้านที่เธออาศัยอยู่ลิบลับเพราะบ้านหลังนั้นมีเพียงเธอกับสุภัทราผู้เป็นแม่เพียงสองคน บ้านหลังใหญ่ที่มีห้องหับถึงแปดห้อง กว้างเกินไปในความรู้สึกของเธอ
“อ้าว คุณหนูเนย มาหาคุณผู้ชายเหรอคะ” ป้าอุไรแม่บ้านวัยสี่สิบเจ็ดปีของบ้านกิตติธรรมเอ่ยทัก ชเนตตีที่กำลังจะเดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ค่ะป้าอุไร เนยจะมาอวดคุณพ่อค่ะ เนยสอบได้ที่หนึ่งค่ะป้า” ชเนตตีได้ทีอวดอุไรที่ยิ้มกว้าง ยินดีกับผลการเรียนของอีกฝ่าย
“เก่งจังเลยค่ะ คุณสินต้องดีใจและภูมิใจในตัวคุณหนูเนยแน่ๆ เข้าไปบอกคุณสินเลยค่ะ คุณสินอยู่ในห้องรับแขกค่ะ”
แม้ว่าปากของอุไรจะพูดว่า สิโรจน์จะดีใจและภูมิใจกับผลการเรียนของลูกสาวคนโต แต่ในใจของนางรู้ดีว่า มันไม่เป็นเช่นนั้น
“เนยไปหาคุณพ่อก่อนนะคะ”
ชเนตตีเองก็หวังว่าบิดาจะภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้ และจะมอบรางวัลให้ตนตามคำมั่นสัญญา ด้วยความดีใจเธอจึงรีบวิ่งไปยังห้องรับแขกทันที
“คุณพ่อขา คุณพ่อ” เสียงของชเนตตีดังมาก่อนตัว ทำให้คนถูกเรียกละสายตาจากหนังสือพิมพ์ เหลือบตามองเจ้าของเสียงที่วิ่งเข้ามาหาตนเพียงนิด ก่อนจะสนใจหนังสือพิมพ์ที่ตนอ่านต่อไป “คุณพ่อคะ เนยสอบได้ที่หนึ่งค่ะ”
พอมาทรุดกายลงนั่งข้างร่างบิดา ชเนตตีก็รีบบอกพร้อมกับยื่นสมุดพกให้สิโรจน์ที่ปรายตามองสมุดเล่มนั้นแล้วตวัดดวงตามองลูกสาวคนโต แต่ไม่คิดจะหยิบสมุดมาเปิดดูความสำเร็จของลูก แม้แต่จะยิ้มหรือแสดงออกให้เห็นว่าเขาภูมิใจและดีใจ เรียบเฉยราวกับว่าไม่ได้ยินดียินร้ายกับเรื่องที่ได้รับรู้
“อืม เก่งดี” จะมีเพียงคำพูดสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น พูดจบก็หลุบตาอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป
ชเนตตีหน้าสลดลงทันตา หัวใจของเธอห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะชินกับความห่างเหินของบิดาที่มีต่อตน แต่พอได้เห็นและสัมผัสครั้งใด ความรู้สึกดังกล่าวก็กระจายเต็มหัวใจดวงเล็กๆ ทุกครั้ง
“คุณพ่อสัญญากับเนยว่า ถ้าเนยสอบได้ที่หนึ่ง คุณพ่อจะให้รางวัลเนยค่ะ” ชเนตตีทวงสัญญา คนถูกทวงอึ้งไปชั่วครู่ เมื่อรู้ว่าตนเองสัญญาไว้กับลูกสาวคนโต
“แล้วอยากได้อะไรล่ะ” สิโรจน์ถามอย่างเสียมิได้
“เนยอยากได้…” ยังไม่ทันที่ชเนตตีจะบอกสิ่งที่ตัวเองอยากได้ เสียงของชนกนันท์ก็ดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของเสียงที่วิ่งเข้ามา
“คุณพ่อคะ คุณพ่อ” ชนกนันท์วิ่งเข้ามากอดร่างของบิดาที่รีบพับหนังสือพิมพ์ในมือตั้งแต่ได้ยินเสียงของลูกสาวคนรอง แล้วอ้าแขนรับร่างของคนเรียก “คุณพ่อขา นกสอบได้ที่สิบเอ็ดค่ะ นกเก่งไหมคะคุณพ่อ”
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผลการเรียนของชเนตตีกับชนกนันท์ออกพร้อมกัน เป็นเพราะทั้งคู่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกันแต่ต่างห้อง และวันนี้ก็เป็นวันที่ทางโรงเรียนประกาศผลการเรียนกับนักเรียนทุกคน
“ลูกสาวพ่อเก่งจังเลยครับ เก่งที่สุดเลย”
สิโรจน์ไม่เพียงแค่พูด ใบหน้าของเขายังเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม หอมแก้มของลูกสาวคนรองทั้งซ้ายและขวา ก่อนจะรั้งมากอดไว้แนบอก การกระทำของเขาต่างกับที่รู้ว่าชเนตตีสอบได้ที่หนึ่ง ต่างกันลิบลับก็ว่าได้ ทั้งที่ผลการเรียนของบุตรสาวคนโตดีกว่าชนิดเทียบไม่ติด
“คุณพ่อจะให้อะไรนกเป็นรางวัลคะ” ชนกนันท์ถามบิดา
“แล้วนกอยากได้อะไรล่ะลูก บอกพ่อมาสิ พ่อจะรีบไปซื้อให้” เขาเอ่ยถามทันควัน
“นกอยากได้ตุ๊กตาบลายธ์ตัวใหม่ค่ะ” เธอตอบของที่อยากได้
“เอาแค่ตัวเดียวเหรอลูก พ่อซื้อให้สองตัวเลยนะ ให้รางวัลคนเก่งของพ่อ”
ผู้เป็นพ่อใจดีเพิ่มให้อีกหนึ่งตัว คนที่กำลังได้ตุ๊กตาตัวใหม่ดีใจยกใหญ่ หอมแก้มบิดาหลายครั้ง
“คุณพ่อน่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ นกรักคุณพ่อค่ะ”
ผู้พูดกอดร่างของบิดา ใบหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกถึงความสุข จนทำให้ลูกที่ถูกลืมรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแกมอิจฉาน้อง รวมทั้งเสียใจอยู่ครามครันกับความเฉยเมยของบิดาที่มีต่อตน
“มาอ้อนอะไรคุณพ่อล่ะลูก”
หทัยชนกภรรยาน้อยของสิโรจน์และเป็นแม่ของชนกนันท์พูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องรับแขก สายตาของนางมองแต่สองพ่อลูก ไม่ได้ชายตาแลมองลูกของเมียหลวงเลยแม้แต่น้อย
“นกมาอวดคุณพ่อค่ะว่า นกสอบได้ที่สิบเอ็ดแล้วคุณพ่อก็จะซื้อน้องบลายธ์ให้นกสองตัวค่ะ” คนเป็นลูกตอบด้วยรอยยิ้ม
“ที่ห้องของนกก็มีตั้งหลายตัวแล้วนะลูก จะเอามาทำไมเยอะแยะคะ แม่ว่าเปลี่ยนเป็นซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ดีไหมลูก”
คนเป็นแม่เห็นว่า ตุ๊กตาบลายธ์ที่ลูกสาวมีอยู่นั้นมีร่วมยี่สิบตัว เธอจึงคิดว่า หาซื้ออย่างอื่นบ้างจะเหมาะกว่า
“อย่าไปห้ามลูกเลยปิ่น นกเป็นผู้หญิงก็ต้องชอบตุ๊กตาไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าซื้อหุ่นยนต์สิถึงต้องห้าม”
สิโรจน์รักและตามใจลูกสาวทั้งสองคนที่เกิดกับหทัยชนกมาก เขาจึงค้านความคิดของภรรยา
“คุณพี่ก็ตามใจลูกแบบนี้ระวังเถอะจะเคยตัว”
หทัยชนกพูดเสียงติดงอน สิโรจน์จึงรั้งตัวภรรยามานั่งข้างๆ โดยดันร่างของชเนตตีให้ออกห่างร่างของตน เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากพอให้ภรรยาน้อยนั่ง ก่อนจะใช้ลำแขนโอบกอดและหอมนางอย่างเอาใจ
ชเนตตีที่รู้สึกตัวว่าตนเองเป็นส่วนเกิน หน้าเศร้าหมอง น้ำตาเอ่อคลอ หัวใจดวงน้อยสั่นไหว ความเสียใจน้อยใจอาบไปทั่วและลามลึกทุกอณูความรู้สึก มองร่างของหทัยชนกและชนกนันท์ที่อยู่ในอ้อมแขนของสิโรจน์ด้วยความเสียใจ
เด็กหญิงชเนตตีอยากไปอยู่ตรงนั้น อยู่ในอ้อมแขนของสิโรจน์ ต้องการให้ผู้เป็นพ่อกอดและหอม อยากรู้เหลือเกินว่า อ้อมแขนของสิโรจน์จะอบอุ่นสักเพียงใด เธอปรารถนาจะซึมซับความรู้สึกนั้นมานานตั้งแต่จำความได้ แต่ไม่เลย ไม่เคยได้สัมผัส วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเด็กหญิงที่จะได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ต้องการสัมผัส ทว่ามันคงไม่ได้เป็นไปตามที่คาดคิด
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!