ทำไมคนอื่นถึงได้ไปพบฮองเต้ แต่ทำไมเธอกลับได้พบแต่เจ้าพ่อ ไม่ใช่เจ้าพ่อตลาด แต่เป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เขาทั้งดุ ทั้งโหด ทั้งหื่น แล้วเธอจะทนไหวไหม ถาม ตอบ!
ทำไมคนอื่นถึงได้ไปพบฮองเต้ แต่ทำไมเธอกลับได้พบแต่เจ้าพ่อ ไม่ใช่เจ้าพ่อตลาด แต่เป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เขาทั้งดุ ทั้งโหด ทั้งหื่น แล้วเธอจะทนไหวไหม ถาม ตอบ!
กรรณิกา หรือตัวเธอในตอนนี้ก็คือ ชิงเถา ลูกสาวคนสุดท้องของสกุล หลี ตอนที่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองได้ตายจากอดีตชาติที่แล้วไม่รู้ตัว รู้เพียงว่าเธอมาเที่ยวเมืองจีนโรงถ่ายละครเหิงเตี้ยน กำลังเดินอยู่ถนนเมืองกวางโจว ฮ่องกงสมัยที่เขาถ่ายละครเซี่ยงไฮ้
แล้วเจอกับผู้หญิงสาวสวยใส่ชุดจีนกี่เพ้า เดินผ่านเรียกได้ว่าสวยจนเธอต้องมองตามหลัง หญิงสาวมีรูปร่างที่ผอมเพรียว
ผิวขาวกระจ่าง ดวงตาเรียวยาว จมูกเล็ก ปากได้รูป คิ้วโค้งสวยมน
เธอจำได้ว่าเธอเพียงหยุดนิ่งดูความสวยของเธอ อีกฝ่ายก็หันมามองเธอเช่นกัน จากนั้นหญิงสาวก็ส่งยิ้มให้เธอ ทำให้เห็นรักยิ้มตรงแก้มสองข้าง หากบอกว่าเธอเป็นดาราจีนมาถ่ายทำหนังเธอจะเชื่อโดยไม่สงสัย
หญิงสาวคนนั้นโค้งคำนับ ก่อนส่งสร้อยประคำในมือในเธอ กรรณิกาปฏิเสธไม่รับจากเธอ แต่หญิงสาวยืนยันจะให้จนได้ ก่อนดึงมือแล้วสวมสร้อยประคำหยกสีเขียวให้ ก่อนเดินจากไป
กรรณิกาหันมองสร้อยข้อมือ หากมองให้ชัดจะเห็นเกล็ดสีทองอยู่ภายในเหมือนมันกำลังวิ่งไปมาคล้ายกับสายน้ำ ของมีค่าแบบนี้ไม่ควรให้คนอื่นง่าย ๆ เมื่อเงยหน้ามองก็ไม่เห็นหญิงงามแล้ว จึงเดินต่อไปจนกระทั่งถึงสะพานกำลังจะไปดูพระราชวังต้องห้าม จากนั้นก็มาโผล่ตรงนี้
มันคืออะไร เธอฟื้นมาได้หนึ่งเดือนแล้ว เริ่มทำใจได้ว่าทุกอย่างไม่ใช่ฝัน แต่เป็นเรื่องจริง ตอนแรกคิดว่าจะฟื้นมายุคจิ๋นซีจะได้เป็นฮองเฮา กุ้ยเฟย ซูเฟย หรือไม่ก็ได้กิ๊กกับท่านอ๋อง แต่ทำไมถึงได้มาโผล่เอาแค่ครึ่งทาง แถมมายังตอนที่เจ้าพ่อครองเมืองในเมืองกวางโจว ณ นครเซี่ยงไฮ้
และที่น่าเจ็บใจก็คือ ตอนนี้เธออยู่ในร่างผู้หญิงที่ให้สร้อยประคำแก่เธอ
มันคืออะไร เธอจะบ้าตาย ขอตายแล้วไปเกิดเป็นฮองเฮาได้ไหม ไม่เอาแบบนี้อยากเจอท่านอ๋อง อยากรักฮ่องเต้ ไม่ใช่เป็นคนขายผัก
ไม่ทันขาดคำเสียงอาม่าชิงหลินในร่างนี้ก็เรียกเธอ
“ชิงเถา ตื่นได้แล้ว ตะวันจะตรงหัวแล้ว” เธอมองไปยังฟ้ายังไม่สว่างเลย ตอนนี้คงประมาณตี 5 อยู่ ถ้าสมัยเธอเรียกว่ายังไม่เช้า แต่ที่นี่เรียกว่าสาย
ว่าแล้วก็ลุกจากเตียงหันมองพี่สาวอีกสองคนที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้วพร้อมสำหรับไปทำงานรดน้ำผัก พรวนดินตอนเช้า
พี่สาวของเธอ คนโตชื่อว่า ชิงลี่ คนที่สองชื่อชิงหรู ส่วนเธอที่อยู่ในร่างเป็นลูกสาวคนสุดท้อง ชื่อ ชิงเถา มีป๊าหรือบิดาชื่อชิงลู่ ครอบครัวนี้มีเพียงห้าคน ส่วนมารดาของร่างนี้จากไปตั้งแต่ยังเล็ก
ว่าด้วยบิดาของร่างชิงเถานั้น มีอาชีพขายผักในตลาด
ซึ่งทุกเช้าตรู่จะตัดผักใส่รถเข็นส่งตามร้านอาหาร ไนต์คลับ จากนั้นที่เหลือก็จะตั้งขายในถนนกวางโจวที่เธอเคยเดินเที่ยวในชาติก่อน
เธอหันมองพวกพี่สาวที่เรียกให้รีบ ก่อนที่จะโดนอาม่าเฆี่ยนหากไม่ลงจากเตียงอีก ใครใช้ให้เธอเป็นหญิงใช้แรงงานกัน ว่าแล้วก็รีบลุกเพราะยังจำรสของหวายพิฆาตของอาม่าได้ดี
ตอนที่เธอฟื้นขึ้นมาพบว่าร่างนี้ตกน้ำตรงสะพานที่เธอข้ามภพชาติที่แล้ว และเมื่อนอนซมด้วยพิษไข้ไม่นานก็ตาย ส่วนเธอก็มาสวมร่างนี้แทน ตอนแรกพวกเขาต่างตกลงแล้วว่าจะไม่รักษาเพราะบ้านหลังนี้ไม่มีแม้แต่ซื้อข้าวสารกรอกหม้อ เรียกได้ว่าจนแสนจนได้อีก
และเมื่อเธอฟื้น เธอก็ได้รับการต้อนรับอย่างดี พอหายไข้พวกเขาก็ใช้งานเธอเหมือนเดิม ยังจำได้ว่าวันแรกเธอต้องถอนวัชพืชอยู่ครึ่งวัน มันเป็นอะไรที่น่าจดจำมากที่สุดมองสองมือที่สากก็บอกได้ว่าร่างนี้ทำมาตั้งแต่เด็ก
ทำไมเธอไม่สังเกตว่ามือเธอหยาบ จะได้ระวังตัวไว้ก่อน ทำไมไม่เจอกุ้ยเฟยแต่เจอลูกสาวคนขายผัก เธอไม่เข้าใจ สวรรค์บอกฉันที!
“ชิงเถารีบหน่อยอาม่าออกมาแล้ว” เท่านั่นแหละ คนที่คร่ำครวญโทษสวรรค์ก็รีบลุกจากเตียงแล้วรีบวิ่งออกไปรับผักจากพี่สาวทั้งสอง มองไปยังบิดาที่กำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจ
เฮ้อ เบื่อระบบผู้ชายเป็นใหญ่จัง หลังจากตัดผักใส่รถเข็นเต็มแล้ว ก็ได้เวลาบิดาลุกขึ้นแล้วลากรถเข็นไปตามทาง วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้ตามบิดาออกไปขายผัก เพราะพี่สาวทั้งสองคนเกิดเป็นประจำเดือนพร้อมกัน คนที่ไม่มีประจำเดือนอย่างเธอเลยถูกใช้งานแทน ใช่เด็กสาวร่างนี้อายุแค่สิบสามปี ที่ยังไม่โตเป็นสาว
ว่าด้วยอายุเธอในยุคก่อน อายุยี่สิบห้าแล้ว ต่างกับในร่างนี้ถึง 12 ปี สวรรค์เมตตาเธอมากเลยอยากให้เธอใช้ชีวิตลำบากเพื่อทดสอบชีวิต
เธออยากตาย เข็นไปพลางก็โทษสวรรค์ไปพลาง จนถึงร้านอาหารที่เป็นลูกค้าประจำจึงวางมือ กรรณิกามองมือที่แดง ระเรื่อ หันมองเถ้าแก่เนี้ยออกมารับผัก ก่อนส่งเงินให้บิดา เมื่อได้เงินบิดาก็รีบเก็บเข้าในแขนเสื้อ
จากนั้นเธอก็เข็นรถที่เต็มไปด้วยผักไปส่งยังไนต์คลับต่อ มองไปยังไนต์คลับใหญ่ที่สุดในถนนกวางโจว เหมือนกับในหนังที่เธอเคยผ่านตา ทางด้านที่พวกเขามาเป็นถนนเส้นหลัง ซึ่งเป็นทางออกประตูหลังสำหรับพวกคนงาน พ่อครัว และนักร้องที่ใช้เดินเข้าออกเท่านั้น
เธอมองกลุ่มนักร้องสาวสวยชุดสีแดงกี่เพ้าจีนที่ออกมาจากหลังประตู พวกเธอสวยละลานตามองไปยังสีปากแดง และผมที่ดัดเข้าทรง
ทำไมเธอไม่เข้าร่างพวกเธอนะ เฮ้อ! ว่าแล้วก็ได้ยินเสียงบิดาดังจึงจับรถเข็น เข็นมันต่อไป
เมื่อออกจากซอย บิดาเธอก็ชี้ให้เห็นถึงแผงขายที่ประจำ เธอจึงเข็นข้ามถนน หันมองอีกทีก็ตอนได้ยินเสียง เอี๊ยดดดด ยาวลากพร้อมเสียงแตรรถ เธอหันมองยืนค้างแล้วปิดตา โครมไม่ทันแล้ว เมื่อลืมตาจึงเห็นรถเข็นถูกชนจนล้อหลุด ผักที่เหลือที่จะขายก็เทลงบนพื้นไม่เหลือ
“ข้ามถนนมองทางบางสิ” ว่าแล้วรถคันที่ว่าก็เลี้ยวออกไปอีกทาง
คิดจะหนีแม่เหรอ ไม่รู้จักฤทธิ์เจ้าแม่ในชาติที่แล้วซะแล้ว เธอวิ่งตามรถจนกระทั่งถึงไนต์คลับมองไปยังเจ้าของรถที่ลงมา จึงรีบเข้าไปหาความรับผิดชอบ แต่โดนขวางจากพวกชุดดำเสียก่อน ถึงกั้นเธอก็มีปาก ว่าแล้วเธอก็ตะโกนลั่นถนน
“คนไม่รับผิดชอบ คิดจะชนแล้วหนีใช่ไหม ขับรถหรูแต่จิตใจต่ำตม ไม่ต่างจากขอทานข้างถนน แต่งตัวดีเสียเปล่าคนเฮงซวย คน…” กำลังจะด่าแต่ดันเห็นปืนพวกที่ขวางเธอไว้ เมื่อเงยหน้ามองคนในรถที่คิดว่าเป็นเจ้านายลงจากรถแล้ว
เธอกลืนน้ำลายมองเจ้าพ่อตัวจริง สวมใส่ชุดสูทสีดำยาว สวมหมวกสีดำ เมื่อเจ้าพ่อหันมา เธอมองตาค้างมองเจ้าพ่อที่หล่อเหมือนหยางหยางหลุดจากมาจากละคร ชายหนุ่มหันมองเพียงปลายตาก่อนกระซิบกับคนที่อยู่ข้างตัว แล้วเดินเข้าไนต์คลับ
ฟางเทียนฉิน เดินมาหาเธอแล้วล้วงเข้าไปในเสื้อ เท่านั้นแหละเธอรีบยกมือขึ้นกั้นใบหน้า อย่ายิงใบหน้าเชียวนะ ขอฉันตายแบบสวย ๆ
“คุณ คุณ” ได้ยินเสียงเขาเรียก กรรณิกาจึงลดมือลง มองเงินปึกใหญ่จำนวนหนึ่งในมือเขา ถ้าเธอรับเรียกได้ว่าสบายไปเดือนหนึ่ง หญิงสาวรับมาคำนวณค่าเสียหายแล้วหยิบออกมาสิบใบ ก่อนส่งกลับให้ชายหนุ่ม
“ฉันไม่เคยเอาเปรียบใคร ที่คุณให้มันมากกว่าค่าเสียหายที่ฉันได้รับ” เมื่อได้เงินพอที่จะซื้อรถเข็นคันใหม่เธอก็หันหลังทันที
ฟางเทียนฉินมองร่างบางที่สวมเสื้อกี่เพ้าเก่าเดินจากไป คนแบบนี้เขาพึ่งเคยเจอ คนที่ไม่โลภโดยเฉพาะคนจน ปกติแล้วมักจะมีคนเข็นรถมาขวางประจำ แต่เจ้านายของเขาก็ไม่เคยเอาเรื่อง เพียงแต่ให้เงินไป แต่ทุกรายเมื่อได้เงินปึกนี้ก็จะขอเพิ่มอีก แต่วันนี้หญิงสาวคนนี้กลับส่งเงินคืนให้ เป็นเรื่องแปลกแบบนี้เขาไม่พลาดที่จะรายงานเจ้านายของเขา มองไปยังเจ้านายที่กำลังนั่งอยู่ด้านบนตรงห้องส่วนตัวกับคุณเจียวมิ่ง คนคุ้มไนต์คลับแห่งนี้ ตอนนี้เจ้านายกำลังมองไปยังตัวเลขบัญชี
จางเฟยหมิง หรี่ตามองจนแทบจะถึงจมูกก็ยังไม่เข้าใจตัวเลขที่เจียวมิ่งเขียนมาให้ สายตามองไปยังคนที่แน่นทุกคืน แต่ไอ้หมอนี่ดันสรุปว่าขาดทุน
ปัง! เสียงสมุดถูกวางลงโต๊ะเสียงดัง
“ไปหานักบัญชีมา”
“ครับ” เจียวมิ่งหยิบสมุดขึ้นมาแล้วรีบออกไปทันที มองไปยังผู้ช่วยฟางเทียนฉินที่เดินสวน เขารีบตรงไปเทเหล้าให้เจ้านาย ก่อนส่งซิก้าจุดส่งให้เจ้านายแล้วล้วงเงินที่เหลือบนโต๊ะ
จางเฟยหมิงมองไปยังผู้ช่วย รอคำจากเขา
“ลูกสาวคนขายผักบอกว่าเธอรับเฉพาะที่เสียหายเท่านั้น นอกนั้นเธอไม่รับ”
ชายหนุ่มหันมองผู้ช่วยเขาวางซิก้าลง ก่อนยกเหล้าขึ้นมาดื่มไม่ได้สนใจลูกสาวขายผักอีก ตอนนี้เขากำลังสนใจนักร้องกลางเวที
เจียลู่ฟาง นักร้องคนดังประจำคลับที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดง กำลังโพกพัดสีแดงที่มีขนนกระย้า ยั่วยวนแขกอยู่หน้าเวที ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วสั่งผู้ช่วย
“ให้ลู่ฟางไปพบฉันที่บ้านด้วย”
“ครับ” เขามองนักร้องสาวแสนสวย ก่อนมองเจ้านายหนุ่มที่เดินออกไปแล้วจึงหันไปสั่งเจียวมิ่ง ก่อนตามออกไป
“ไม่ต้องตาม ฉันจะขับเอง” เมื่อมีเรื่องสำคัญจางเฟยหมิงจะไม่ยอมให้ใครติดตามแม้สักคนเดียว เขามองคืนวันนี้เป็นเดือนมืดสนิท รู้สึกห่วงเจ้านายมากกว่าปกติ
จางเฟยหมิงขับรถออกจากถนนกวางโจวไปตามเส้นทางถนนลูกรัง มองไปรอบข้างทางมีเพียงพืชสวนและนาข้าว เมื่อไปถึงเนินเขาสูงก็มีคนที่นัดหมายรออยู่แล้ว เสียงรถที่ค่อนข้างดังทำให้คนที่คอยหันมอง ขยับมือเข้าไปยังเสื้อสูทยาวเพื่อเตรียมการเมื่อแสงไฟถูกปิดลง จึงได้เห็นว่าเป็นคนที่นัดเจอ
คนพึ่งมาลงจากรถ สองมือล้วงกระเป๋าเดินไปหาจางเฟยหลง น้องชายคนสุดท้องของบ้านที่กำลังยืนพิงรถตัวเองอยู่ เขาเดินไปแล้วเอาหลังพิงรถเช่นกัน ก่อนรับซิก้าจากน้องชาย
“เรื่องไปถึงไหนแล้ว”
“ใกล้แล้ว รอเพียงใกล้เป้าหมายอีกนิด”
“รีบหน่อยไม่เช่นนั้นพวกมันจะหาเรื่องมาอีก” เขาย้ำอีกครั้งก่อนอธิบายแผนการกำลังคุยไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดัง ปัง!
“หลบเร็ว” ทั้งสองหลบลงด้านล่าง จางเฟยหมิงมองดูแขนที่เต็มไปด้วยเลือดบอกให้น้องชายรีบหนีไป
จากนั้นเสียงปืนก็ดังไปทั่ว เขาหันมองป่าไผ่ข้างทางจึงวิ่งเข้าไปเพื่อเป็นตัวล่อไม่ให้พวกมันตามน้องชายตัวเอง หันมองไปยังป่าไผ่เสียงฝีเท้าพวกมันเข้ามาใกล้จากนั้นพวกมันก็โผล่หัวออกมา
ตอนนี้เขาถูกล้อมโดยพวกชายชุดดำปิดหน้าปิดตา เขามองไปยังอาวุธดาบที่ถือ พวกเหมาเจ๋อตง
“คิดจะฆ่าคนอื่น แต่ไม่กล้าเปิดหน้าเปิดตา ช่างมีศักดิ์ศรีดีจริง ๆ” เสียงจางเฟยหมิงเอ่ยเย้ยพวกมัน ก่อนเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าส่งเสียงฮึ แล้วใช้ดาบฟันทันที
เขาพยายามสู้กลับแต่จะสู้พวกมันที่มีถึงสามคนได้ยังไง หลังจากถูกฟันไป 5 ครั้ง เขาพยายามวิ่งหลบเข้าป่าไผ่และแอบซ่อนตัว อาจเพราะเป็นคืนเดือนมืดพวกมันจึงหาเขาไม่เจอ ชายหนุ่มทรุดลงที่บ้านเก่าโทรมหลังหนึ่ง มองไปยังแสงเทียนกำลังจะยกมือเรียกให้ช่วยแต่ก็สลบไปก่อน
นางถูกขับไล่ออกจากสกุลสามี คนพวกนั้นให้เหตุผลว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีสอบไม่ผ่าน หากแต่ออกมาได้สามวัน เขากลับแขวนโคมไฟสีแดง รับเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน!!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
ในชาติก่อน นางได้ต่อสู้เพื่อประเทศชาติเป็นเวลาห้าปี แต่ความดีความชอบทางการทหารกลับถูกน้องหญิงยึดไป คู่หมั้นที่นางรักหมดใจนั้นกลับนิ่งเฉยและร่วมมือกับอีกฝ่ายผลักนางตกลงสู่ห้วงลึกจนต้องเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจในคืนที่หนาวเย็น หลังจากได้เกิดใหม่ นางสาบานว่าจะทำให้ทุกคนที่รังแกนางได้รับผลกรรมที่สาสม เมื่อเผชิญหน้ากับครอบครัวที่เสแสร้งและผู้ชายเจ้าชู้ นางยิ้มเยาะ : ความดีความชอบทางทหาร? รางวัล? คู่หมั้น? เอาไปให้หมด นางหันหลังกลับและคุกเข่าในงานเลี้ยงในวังอย่างน่าตกใจโดยชี้ตรงไปยังมุมมืดที่มีอ๋องอวี้นั่งอยู่บนรถเข็น“ขอฝ่าบาททรงโปรดพระราชทานการสมรสระหว่างหม่อมฉันกับอ๋องอวี้เพคะ” ทุกคนต่างตกตะลึง อ๋องอวี้เซียวจือ ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้และมีนิสัยเย็นชา เป็นคนที่ทุกคนหลีกเลี่ยงเสมือนปีศาจที่มีชีวิต ทุกคนหัวเราะเยาะนางว่าคงบ้าไปแล้ว ถึงรนหาที่ตายเช่นนี้ แต่ไม่มีใครรู้ว่านางเห็นถึงความโดดเด่นและพลังที่ซ่อนอยู่ลึกในตัวชายคนนี้ นางช่วยให้เขาฟื้นฟูความแข็งแกร่งและรักษาขาที่เป็นพิการ เขาสัญญาว่าจะให้ชีวิตที่มั่นคงแก่นางและเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดให้นาง เมื่อน้องหญิงที่แอบอ้างนำความดีความชอบทางทหารของนางไปอวดความเก่งกล้า และแม่แท้ ๆ ยังคงใช้กลอุบายควบคุมชะตากรรมของนาง… นางและอ๋องอวี้ร่วมมือกันวางแผนอย่างรอบคอบทุกขั้นตอน เปิดโปงกลโกงและแสดงความกล้าหาญในสนามรบ! จนกระทั่งอ๋องอวี้ยืนขึ้นได้อีกครั้งและมีอำนาจครอบครองราชสำนัก จนกระทั่งนางแสดงตราประทับที่แท้จริงข และให้ทหารทั้งหลายยอมรับ ทุกคนเพิ่งรู้สึกตระหนักว่า คนที่พวกเขาเคยทิ้งไปไม่ต่างจากขยะนั้น ทั้งคู่ได้จับมือกันแล้วครองแผ่นดินไว้ด้วยแล้ว
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
... ในวันครบรอบแต่งงาน ฮั่วเยี่ยนสือ สามีผู้มั่งคั่งทิ้งเธอไป แล้วหาคนรักแรกของเขา ผู้ชายที่ไม่รักนวลสงวนตัวก็เหมือนสิ่งไร้ค่า ผู้ชายที่เธอเคยอ่อนข้อให้แต่ก็ไม่สนใจเธอ งั้นเธอไม่ต้องการแล้ว จึงขอหย่าทันที ฮั่วเยี่ยนสือไม่สนใจ ซูหว่านหนิงกลับเข้าสู่วงการบันเทิงและเฉิดฉาย รักแรกในอุดมคติชอบแกล้งอ่อนแองั้นเหรอ งั้นก็ให้เธอเผยธาตุแท้จริงให้ทุกคนได้เห็น อดีตสามีที่เป็นคนปากแข็งที่สุด "เมื่อเธอเบื่อแล้วเธอจะกลับมาหาฉัน" แต่ภรรยาที่เคยเต็มใจทำทุกอย่างให้เขานั้นไม่กลับมาอีกแล้ว ไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีคนมากมายมาตามจีบเธออีก ดาราระดับโลกแสดงความรักอย่างแรงกล้า ผู้บริหารบริษัทสื่อพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เธอยิ้ม แม้แต่ทายาทเศรษฐีอันดับหนึ่งก็ต้องการเธอเท่านั้น จากนั้นฮั่วเยี่ยนสือเริ่มตระหนก เปลี่ยนจากคนเย็นชากลายเป็นคนที่คอยติดตามไม่ห่าง ใช้ทุกวิถีทางเพื่อตามจีบภรรยา ซูหว่านหนิงไม่แม้แต่จะมอง "เมื่อก่อนคุณเฉยเมยกับฉัน ตอนนี้คุณไม่คู่ควรกับฉันแล้ว" ฮั่วเยี่ยนสือขอร้องเธออย่างบ้าคลั่ง "หนิงหนิง เราแต่งงานใหม่เถอะ" ซูหว่านหนิงแสดงท่าทางหยิ่ง "คุณฮั่ว ฉันไม่เคยกลับไปหาของที่ทิ้งไปแล้ว"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
ที่งานหมั้น มู่ซินยวี่ดื่มเหล้าเข้าไปจนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว เมื่อเห็นเงาร่างที่คุ้นเคย เธอจึงพุ่งเข้าไปหาและจูบอย่างหลงใหล “คุณสามีจ๋า ฉันอยาก...” หลังจากเกิดอะไรบ้าคลั่งมาคืนหนึ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าชายที่อยู่ข้างกายเธอคือ เสิ่นเจียสวี่ ลูกพี่ลูกน้องนักบินของคู่หมั้น! “ตอดรัดแน่นมาก ชอบมากเลยเหรอ?”พอเสียงแหบ ๆ เบา ๆ นี้ลอยเข้าหูมา ที่น่ากลัวกว่านั้นคือเสียงคู่หมั้น เสิ่นเจียหวิน ตะโกนโวยวายอยู่หน้าประตู เสิ่นเจียสวี่เอาเสื้อสูทคลุมหัวเธอเพื่อพาเธอออกมาแต่ก็ยื่นเงื่อนไขโหดร้าย “มาเป็นกิ๊กของฉัน ไม่งั้น...ลองเดาดูสิว่าตระกูลเสิ่นจะมองเธอเป็นหญิงสำส่อนยังไง ?” มู่ซินยวี่กัดฟันรับข้อเสนอ แค่อยากจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ แต่กลับพบว่าเสิ่นเจียสวี่คือกัปตันเครื่องบินของเธอ ในห้องพักบนเครื่องบินสูงหมื่นเมตร เขาจับเอวเธอ "คิดหนีเหรอ? เที่ยวบินนี้ฉันเป็นเป็นหลัก" เธอกล้ำกลืนเอาไว้เพื่อรักษาบริษัทที่แม่ทิ้งไว้และพ่อที่ป่วยหนักของเธอ แต่กลับได้ยินเสิ่นเจียหวินเยาะเย้ยว่า “คุณหนูที่ตกอับ เล่นสนุกแค่แป๊บเดียวก็เบื่อแล้ว!” และเห็นเขากอดมู่อยู่อู่ น้องสาวบุญธรรม พร้อมทุ่มเงินฟุ่มเฟือย! มู่ซินยวี่รู้สึกใจหาย เอาล่ะ การหมั้นนี้ เธอไม่เอาแล้ว เธอหันหลังไปหาเสิ่นเจียสวี่ที่มีอำนาจมากกว่า “ช่วยฉันถอนหมั้น ฟื้นฟูบริษัท แล้วฉันจะยอมตามใจคุณ” ชายหนุ่มมีประกายตาแห่งความต้องการเป็นเจ้าของ “ตกลง จำไว้ จากนี้ไป เธอต้องเป็นของฉันเท่านั้น” ตั้งแต่นั้น ชีวิตของมู่ซินยวี่ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY