จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
บ้านหลังใหญ่ทันสมัย เมื่อสามปีก่อนยังเป็นเรือนไทยสมัยโบราณสวยงาม แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปจึงถูกรื้อถอนทิ้งแล้วสร้างใหม่เป็นแบบบ้านปัจจุบัน และบ้านหลังใหญ่หลังนี้ตกแต่หรูหราแสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยของเจ้าของบ้าน แน่ละ ก็เนี่ยเจ้าของไร่กาแฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน และตอนนี้ไร่ระย้ามีผู้ดูแลบริหารคือนายน่านน้ำ เผาพงส์ หรือน่าน วัย 35 ปี เป็นหนุ่มหล่อล่ำมาดแมน ผิวกร้านแดดแบบหนุ่มชาวไร่ แน่นอนใบหน้าเขาหล่อไร้ที่ติเลยทีเดียว คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเรียวได้รูป ดวงตาสีทมิฬและมีหนวดเครารอบกรอบหน้าเป็นรูปทรงสวยงามเข้ากับรูปหน้าของเขา ยิ่งทำให้ดูดีน่าเกรงขามและแถมเขายังรวยมากด้วย ถือว่าเป็นหนุ่
มฮอตและเป็นที่ต้องการของสาวๆ ในจังหวัดเลยก็ว่าได้ สาวๆ เขาสนใจ ส่วนความร่ำรวยนั้นไม่ได้ทำให้เขาสนใจเลยสักนิด ในบ้านหลังใหญ่มีรถยนต์คันหรูเป็นสิบคันจอดเรียงราย แต่เขากลับไม่นึกสนใจอยากจะขับมัน เพราะเขามีบิ๊กไบค์คู่ใจอย่าง Ducati Panigale V4R สีแดงคู่ใจไปไหนไปกัน
“วันนี้จะไปไหนพ่อน่าน” เสียงเหนื่อยๆ ตามวัยของคุณย่าวัย 76 ปี เอ่ยถามหลานชายที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านและกำลังจะผ่านหน้านางไป
“ไปไร่ครับคุณย่า”
ตอบเสียงสุภาพ วันนี้เขาแต่งตัวด้วยเสื้อลายสก๊อตกับกางเกงยีนสีดำ และที่หัวก็มีหมวกแก๊ปสีดำด้วย และด้านในเสื้อสก๊อตก็มีเสื้อกล้ามสีเทาใส่ซ้อนด้านใน
“พอจะมีเวลาคุยกับย่าหน่อยไหมพ่อน่าน”
“มีสิครับ สำหรับคุณย่าผมมีเวลาให้ตลอดแหละครับ งั้นไปคุยกันในห้องนั่งเล่นดีกว่า” เดินมาโอบประคองร่างอวบของคุณย่าเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น และพอเข้ามาในห้องก็รินน้ำชาในกาให้ท่าน ส่วนของตัวเองก็รินน้ำในเหยือกใส่แก้วขึ้นมาดื่มบ้าง
“อือ คุณย่ามีอะไรจะคุยกับผมครับ”
“ปีนี้พ่อน่านอายุเท่าไหร่แล้วลูก”
“ก็สามสิบห้าปีย่างสามสิบหกครับ” เขาโตมากับคุณย่าและคุณอา เพราะพ่อกับแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถยนต์ตกเขาไปเมื่อตอนเขาอายุได้แปดขวบ มีคุณย่าระย้ากับคุณอาปิ่นที่เลี้ยงดูแลเขามาแต่เด็ก
“ก็ไม่น้อยแล้วนะ ย่าว่าถึงเวลาแล้วที่พ่อน่านจะต้องแต่งงานแล้ว”
“แต่งงาน?” เลิกคิ้วถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ใช่ แต่งงาน”
“จะให้ผมแต่งงานได้ยังไงครับ วันๆ ทำแต่งานกับอยู่กับไอ้เกอร์แล้วคุณย่าจะให้ผมแต่งงานได้ยังไง คุณย่าก็รู้ว่าผมไม่มีแฟน ไม่สนใจผู้หญิงคนไหนเลยตลอดหลายปีมานี่ อีกอย่างผมก็อยู่แต่ไร่กาแฟ ขับบิ๊กไบค์ เห็นทีจะยากครับ” และไอ้เกอร์ที่น่านน้ำเอ่ยถึงนั้นคือบิ๊กไบค์คู่ใจของเขานั้นเอง เขาตั้งชื่อให้มันว่า ‘เกอร์’
“ดีแล้วที่น่านยังไม่มีแฟน และย่าก็บอกอยู่นี่ไงว่าควรแก่เวลาแล้ว เราน่ะแก่แล้วนะน่าน อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ถ้าเราไม่แต่งงานพ่อเมฆน้องเราก็ไม่ได้แต่งงานกับแฟนเหมือนกัน” ระย้าเอ่ย เพราะเขาบอกหลานชายลูกของลูกสาวแล้วหากว่าน่านน้ำยังไม่แต่งงานเมฆก็ห้ามแต่งงานเหมือนกัน ต้องรอให้พี่ชายแต่งงานก่อน
“เดี๋ยวนะครับคุณย่า ไอ้เมฆจะแต่งงานก็ให้มันแต่งไปสิครับ ทำไมต้องรอให้น่านแต่งงานก่อนด้วย”
“ก็เราเป็นพี่ และตอนเย็นก็ไปบ้านของคุณยายฉวีกับย่าด้วย เพราะคู่หมั้นของเราย้ายกลับมาอยู่ที่น่านแล้ว”
“หา! คู่หมั้น เดี๋ยวนะครับคุณย่า ผมมีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนไหน ยังไง”
“ก็ตั้งแต่เด็กนั่นแหละ และตอนนี้หนูดากับครอบครัวก็ย้ายมาอยู่กับคุณยายของเขาแล้ว”
“คุณย่าล้อผมเล่นใช่ไหมครับ” เขาถามท่านพร้อมกับยิ้มขำเล็กน้อย แต่ก็ได้รับคำตอบกลับมาเป็นการส่ายหน้า เขาก็เบ้หน้าทันที
“ผมกับเธอเราไม่รู้จักกันแล้วจะให้แต่งงานได้ยังไงครับ แล้วทำไมผมต้องแต่งงานตอนนี้ด้วย ผมยังไม่พร้อม”
“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อม หรือจะรอพร้อมตอนย่านอนในโลงฮึตาน่าน”
“คุณย่า....”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ย่าบอกแต่งงานก็คือแต่งงาน ห้าโมงเย็นกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ด้วยล่ะ ย่าจะรอ ถ้าไม่มาเห็นดีกันแน่ตาน่าน” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนั่งเล่นทันที ทิ้งให้หลานชายสุดที่รักนั่งกุมขมับอยู่คนเดียว
เฮอะ!
“แต่งงานงั้นเหรอ ทำไมต้องแต่งด้วย ไม่มีทางหรอก ผมไม่แต่งงานกับคนที่ผมไม่รักหรอกคุณย่า” พูดกับตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินออกจากตรงนี้เหมือนกัน
บ้านหลังใหญ่ที่ปลูกติดกันตอนนี้กำลังเกิดการถกเถียงกัน พอมาถึงบ้านนั่งก้นยังไม่ทันร้อน คุณยายแสงฉวีก็เรียกหลานสาว ลูกสาวกับลูกเขยของตัวเองมานั่งรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นเพื่อพูดคุยเรื่องสัญญาของตัวเองกับเพื่อนรักอย่างระย้าทันที
“ไม่! ให้ตายหนูก็ไม่แต่งงานกับไอ้หนุ่มบ้านไร่นั่นเด็ดขาด อีกอย่างหนูมีแฟนแล้วนะคุณยาย”
เธอบอกอย่างใส่อารมณ์ ก็แน่ล่ะ พอมาถึงก็มีคู่หมั้น ใครจะรับได้และใครจะยอมรับ ตอนนี้พิมพ์มาดา ปิ่นหงส์ หรือดา วัย 28 ปี กำลังถกเถียงกับคุณยายคอเป็นเอ็นเลยทีเดียว ใบหน้าสวยรูปไข่ที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง และชุดเดรสรัดรูปแบรนด์เนมของเธอกับเครื่องประดับของเธอที่เป็นเอ็กเซสเซอร์รี่ไม่ได้ทำให้ความงามของเธอยามนี้ลดลงเลย แม้ว่ายามนี้ใบหน้าสวยกำลังบิดเบี้ยวด้วยความโกรธอยู่นั้นก็ตาม
“ยังไงหนูก็ต้องแต่งงานกับพ่อน่าน เพราะหนูคือหลานยายและหนูเป็นหลานคนเดียวของยาย”
“ไม่มีทาง หนูมีแฟนแล้ว คุณแม่ คุณพ่อพูดอะไรหน่อยสิคะ ทำไมเงียบกันคะ” เมื่อพูดไปคุณยายก็ไม่ฟังจึงหันมาขอความช่วยเหลือจากพ่อและแม่
“เรื่องนี้แม่ช่วยหนูไม่ได้จริงๆ ดา” ตองอ่อนเอ่ยขึ้นพร้อมหลบตาลูกสาวที่จ้องมองมา
“คุณพ่อ...” เมื่อแม่หลบตาก็หันไปหาคุณพ่ออย่างคำรณ
“พ่อก็ช่วยหนูไม่ได้เหมือนกัน หนูทำตามที่คุณยายเถอะนะลูก ตอนนี้เราก็ย้ายกลับมาอยู่ที่น่านแล้ว”
คำรณลาออกจากราชการยอมกลับมาอยู่บ้านเกิดภรรยาเพื่อมาช่วยแม่ยายดูแลร้านผ้าไหม และเรื่องนี้ภรรยาและลูกสาวก็เห็นด้วย ร้านผ้าไหมสาขาในกรุงเทพฯ ก็ให้ผู้จัดการดูแลแทน ส่วนพวกเขาย้ายกลับมาดูที่สาขาใหญ่ที่จังหวัดน่าน
“หนูมีแฟนแล้ว ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับคนที่คุณยายหมั้นให้ค่ะ” เธอยืนยันเสียงแข็ง
“แล้วแฟนที่ว่าของดาน่ะเขาอยู่ไหนตอนนี้ ที่ยายพูดเรื่องนี้เพราะว่ายายเห็นว่ามันถึงเวลาสมควรแล้วที่เราจะต้องออกเรือน อีกไม่กี่ปีก็จะอายุสามสิบแล้วไม่ใช่เรอะแม่ดา” แสงฉวีเอ่ย
“แฟน...คือ...”
จะให้พูดยังไงดี ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีแฟนเลยสักคน จะว่าไปเธอไม่เคยสนใจและไม่เคยคิดจะมีความรักด้วย เพราะชีวิตของเธอมีแต่งานและเพื่อนเท่านั้น ส่วนแฟนเหรอ ไม่เลย ไม่เคยมีเลย และที่บอกไปเมื่อกี้ก็เพราะว่าคิดว่าคุณยายจะถอนหมั้นให้ แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์ แฟนที่แต่งเรื่องขึ้นมาก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไรได้เลย
“อย่ามาโกหกยายเลยแม่ดา ยายรู้เรื่องของเราหมดนั่นแหละ เราน่ะไม่มีแฟนเลย ตอนทำงานเป็นหัวหน้าการตลาดเราก็ทำแต่งานไม่สนใจใคร แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟน และพ่อน่านคนนี้ก็คนดียายเลือกไว้ให้เราแล้ว เราก็แค่รอสวมชุดเจ้าสาวก็พอแม่ดา”
“คุณยายจะคลุมถุงชนดาจริงๆ เหรอคะ” คิดว่าลาออกจากงานที่รักแล้วมาทำงานของครอบครัวจะมีความสุข แต่เนี่ยกลับมาโดนคุณยายจับคลุมถุงชน
“แต่งๆ ไปก็รักกันเองแหละแม่ดา ยายเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนก่อน แม่อ่อนกับพ่อรนจะไปดูร้านผ้าไหมและโรงงานก็ไปเถอะ ส่วนเราแม่ดาถ้าไม่รู้จะไปไหนก็ไปนวดให้ยาย อ้อ ลืมบอกไปว่าเย็นนี้บ้านนั้นจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านเรานะ ถ้าไปร้านและโรงงานก็กลับมาให้ทันด้วยล่ะ แม่ดามาประคองยายหน่อย” พิมพ์มาดาหน้างอลุกมาประคองคุณยายทันที ตอนนี้เธอก็เล่นตามน้ำไปก่อน ส่วนเรื่องแต่งงานค่อยว่ากันอีกที
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
หอบผ้าหอบผ่อนข้ามน้ำทะเลเพื่อมาบอกเขาว่า "ท้อง" กับเขา นึกว่าเขาจะดีใจเธอคิดผิด เพราะสิ่งที่ได้รับกลับมาหลังจากนั่นคือความใจร้ายของเขา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงจงเกลียดจงชังเธอนัก --------------- “พี่จะแน่ใจได้ยังไงว่าเธอท้อง” “พี่มาร์คก็พาไวน์ไปตรวจสิคะ และก็พาฝากท้องด้วย ที่ไวน์มาที่นี่เพราะไวน์มาหาพ่อให้ลูก ไวน์ยังไม่ได้บอกทุกคนหรอกค่ะว่าไวน์ท้อง” “ยังไงพี่ก็รับผิดชอบเธอไม่ได้ พี่ไม่ได้รักเธอไวน์ ได้ยินไหม พี่ไม่ได้รักเธอ พี่มีแฟนแล้วและพี่ก็รักเธอมาก ถึงไวน์จะท้อง พี่ก็จะรับแค่ลูก แต่ตัวไวน์ พี่ไม่ต้องการ เรื่องลูกถ้าท้องจริงพี่ยินดีรับแน่นอน” เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พูดตามที่สมองประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว เขาไม่อาจยอมรับวรนิษฐ์ได้ เขาไม่ได้รักเธอและไม่เคยคิดจะรักด้วย “หมายความว่ายังไงคะ พี่มาร์คจะไม่รับผิดชอบไวน์เหรอคะ พี่มาร์คได้ไวน์แล้วและพรากพรหมจรรย์ไวน์ไปด้วย” “ผู้ชายสมัยนี้เขาไม่แคร์พรหมจรรย์กันแล้วไวน์ ไวน์เองก็น่าจะรู้ดีว่ายุคนี้มันยุคไหนแล้ว ไวน์ก็โตที่เมืองนอก ไวน์น่าจะรู้ดี” “สำหรับคนอื่นไวน์ไม่รู้ แต่สำหรับไวน์มันสำคัญมาก ยังไงพี่มาร์คก็ต้องรับผิดชอบไวน์ แต่งงานกับไวน์ ถ้าพี่มาร์ครับผิดชอบ ไวน์จะบอกคุณย่ากับคุณพ่อว่าไวน์ท้อง” “อย่ามาขู่พี่” “ไม่ได้ขู่ ไวน์พูดจริงทำจริง” “คิดว่าพ่อกับคุณย่าจะบังคับพี่ได้งั้นเหรอ จำไว้ว่าพี่ไม่มีวันรักเธอ เรื่องลูกพี่จะรอเขาคลอดแล้วเอามาเลี้ยงเอง ผู้หญิงคนเดียวที่พี่รักคือแพร” พูดจบแล้วเขาก็ลุกเดินออกจากห้องของเธอไปด้วยความเดือดดาล กล้านัก กล้าขู่เขาว่าจะบอกพ่อกับคุณย่า คิดว่าเขาแคร์เขาสนใจรึไง เชิญเลย แต่ถ้าจะให้รับผิดชอบไม่มีทาง เขาไม่ได้รักวรนิษฐ์ --------- “นี่มันอะไรกันไวน์” เมื่อปลายสายกดรับสาย เขาก็กระชากเสียงถามไปในสายทันที “อะไรคะ?” เธอถามเขาอย่างงงๆ ไม่เข้าใจในความหมายของเขา “ก็หมายศาลไง ฟ้องหย่าเหรอ” “อ้อ...ค่ะ ก็พี่บอกไม่ยอมหย่าเอง ไวน์เลยต้องพึ่งศาล” “นี่เอาจริงเหรอ?” “แล้วไวน์บอกเหรอคะว่าพูดเล่น ถ้าไม่อยากให้ถึงศาลก็ยอมเซ็นใบหย่าให้ไวน์สิคะ เรื่องจะได้จบๆ” “ไม่มีทาง! ยังไงพี่ก็ไม่หย่าหรอก ไม่รักพี่แล้วเหรอ?” เขาถามเธอในท้ายประโยคและหวังว่าเธอจะตอบกลับมาว่า ‘รัก’ แต่กลับตรงกันข้าม
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!