คุณปู่ตายทิ้งมรดกเป็นไร่สุดโทรม 500 ไร่ให้สาริน แต่ความรู้ไม่มีต้องปลอมตัวไปฝึกงานที่ไร่คู่แข่งกลับกลายเป็นการป่วนหัวใจของเขมราชเจ้าของไร่ที่ขึ้นชื่อว่า 'ดุยิ่งกว่าราชสีห์’ "การทำงานในไร่อาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิด แต่การเรียนรู้เรื่องหัวใจ อาจจะยากยิ่งกว่า" ......................................................... หลังจากเขมราชฟื้นขึ้นจากการถูกตีบริเวณศีรษะ เขาหันไปถามพยาบาลประจำไร่สองคนด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่ายัยตัวต้นเรื่องที่ทำให้เขาบาดเจ็บอยู่ไหนซึ่งพวกเธอก็ชี้ไปด้านหน้าออฟฟิศ "เธอ..." เขาเอ่ยเสียงต่ำ แต่แฝงไปด้วยความเยือกเย็น ตอนนี้ชีวิตของเธอไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือเขา "ฉะ ฉัน... ฉันขอโทษค่ะ ก็เห็นคุณก้ม ๆ เงย ๆ คิดว่ามาขโมยของ" ริมฝีปากบางพยายามเอ่ยอธิบายทั้งที่ยังตื่นตกใจ เขมราชกัดฟันกรอด กำมือแน่น มองหน้าเธออย่างไม่เชื่อสายตา "ขโมยบ้าอะไร ฉันเป็นเจ้าของไร่ภูเคียงชล!" สารินหน้าซีด เธอรู้ว่าตัวเองทำพลาดครั้งใหญ่ ทีนี้จะทำอย่างไรดี หวังว่าเขาคงไม่ไล่ตะเพิดเหมือนที่คิดไว้ ทว่าคำพูดของเขาดันตรงกับสิ่งที่ตรงคิดไว้เป๊ะ "ออกไปจากไร่ฉันเดี๋ยวนี้" ซวยแล้วเขาไล่เธอจริง ๆ ด้วย สารินต้องรีบคิดหาวิธีขออยู่ต่อเพราะเธอไม่อยากสูญเสียโอกาสในการเรียนรู้การทำไร่ ในที่สุดสารินก็ทรุดตัวลงกอดขาของเขา "ฮืออออ คุณเขมราช!!! ได้โปรดเถอะค่ะ ฉันต้องการงานนี้จริง ๆ ฉันมาจากกรุงเทพ โดนไล่ออกจากงานแม่บ้านทำให้ต้องหางานที่นี่ ช่วยให้โอกาสฉันด้วย ฮึก ฮืออออออ" สารินแสร้งทำเป็นร้องไห้โฮทั้งที่ไม่มีน้ำตาสักหยด ไม่ว่าจะสาธยายความน่าสงสารของตัวเองมากแค่ไหน เขมราชก็ไม่สนใจ ตอนนี้เธอเหมือนคนบ้าในสายตาเขา รวมถึงคนงานคนอื่นที่มองมาอีกด้วย ตัวละครหลัก เขมราช ครองกิตติประเสริฐ หรือนายเขม อายุ 26 ปี เจ้าของไร่ภูเคียงชล หล่อ สูง หน้าคมเป็นผู้มีอิทธิพลและกว้างขวางในเขตภาคเหนือ เขาเป็นเจ้านายใจดี อ่อน โยนมีเมตตากับลูกน้อง ตั้งแต่อกหักรักจากนางเอกสาวทำให้เขาต้องเปลี่ยนเป็นคน ไม่ดูแลตัวเอง และดุขึ้นกว่าเดิม รอวันที่มีใครสักคนมาทลายกำแพงหัวใจ สาริน ปิ่นประดับเพ็ญ หรือ สา อายุ 23 ปี ดีไซเนอร์สาวถังแตกจากนอเวย์ ได้รับมรดกเป็นไร่ภิรมย์รินจากคุณปู่ แต่ทำไร่ไม่เป็นทำให้ต้องปลอมตัวไปฝึกงานในไร่คู่แข่งซึ่งการเจอกันระหว่างสารินกับเขมราชทำให้เขาสงสัยในตัวเธอและหาทางจับผิดสารพัด
ไร่ภูเคียงชล
เสียงนกร้องในยามเช้ากับกลิ่นหอมของไอดินสลับกับกลิ่นต้นไม้ลอยมาแตะจมูก เขมราช ครองกิตติประเสริฐ เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำกับกางเกงยีน ยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจี
สายลมเย็นสบายพัดผ่านใบหน้าหล่อคมขับให้สันกรามที่ชัดเจนยิ่งดูโดดเด่น จมูกโด่งที่เชิดขึ้นเล็กน้อยเหมือนดั่งราชสีห์หนุ่มซึ่งมั่นใจในตัวเองทำให้คนงานสาวน้อยสาวใหญ่ที่ยืนอยู่ระแวกใกล้เคียง ถึงกับต้องเหลียวหลังมองเมื่อเขาเดินผ่านไป
ร่างสูงขับรถ ATV ไปตามเส้นทางถนนรอบนอกจนใกล้ถึงไร่ภิรมย์รินซึ่งเป็นไร่คู่ขัดแย้งกับไร่ของเขา เจ้าตัวจอดรถยืนมองห่าง ๆ พลางหยุดคิดสักครู่
สายตาของเขมราชเหม่อมองไปยังแนวรั้วเก่าซึ่งชำรุดทรุดโทรมขาดการฟื้นฟู
ภาพในอดีตเมื่อสิบปีที่แล้วก่อนย้อนกลับมาในความทรงจำ
เขาเห็นตัวเองในวัยเด็กกำลังแอบมุดรั้วเข้าไปในไร่ภิรมย์รินเพื่อชวน ‘สาริน’ หลานสาวของคุณบวรทัตผู้เป็นเจ้าของไร่วิ่งเล่นในทุ่งหญ้าด้วยกัน
ในตอนนั้นเขาพยายามจะแกล้งเธอด้วยการเอาสัตว์ตัวเล็ก ๆ มาใส่ในมือ เริ่มจากกบแล้วก็ไต่ระดับความแสบด้วยหนอนและกิ้งก่า
สารินที่ขี้กลัวอยู่แล้ว เมื่อเห็นบรรดาสัตว์หน้าตาน่ากลัวพวกนี้ก็ตกใจจนกรีดร้องวิ่งเตลิดหนีไป
สุดท้ายเด็กหญิงตัวน้อยลื่นไถลลงไปในแอ่งโคลนจนเนื้อตัวเปื้อนไปหมด เขายังจำได้ดีถึงน้ำเสียงของเธอที่สั่นด้วยความโกรธและเสียงสะอื้นร้องไห้ลั่นไร่ภิรมย์ริน
ด้วยความรู้สึกผิดเขมราชตัดสินใจกลับไปทำกำไลดอกไม้เพื่อนำมาง้อเธอ
ทว่ากำไลดอกไม้ที่เขาตั้งใจถักทอยังไม่ทันได้มอบให้กับสาริน ลุงสมทรงลูกน้องของคุณบวรทัตออกมาบอกเขมราชว่าสารินกลับกรุงเทพไปแล้ว
และหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เดินทางไปเรียนต่อที่นอร์เวย์ไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกเลย
ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความทรงจำที่เกี่ยวกับสารินเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยลืม
ทุกครั้งที่เขามองไปยังไร่ภิรมย์ริน ภาพของสารินในวัยเด็กก็ยังคงสดใสและตราตรึงอยู่ในใจเขาเสมอมา
ครืดดดดด
ในขณะนั้นเองเสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นหนึ่งครั้ง เมื่อกดเปิดโทรศัพท์ ปรากฏเป็นชื่อของพิมพี่(แฟนสาว)ขึ้นมาบนหน้าจอ
“คุณเขมคะ เราเลิกกันเถอะค่ะ...”
หืม? เรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย
เขมราชขมวดคิ้วด้วยความงุนงง หรือจริงแล้ว ๆ พิมพี่แค่ต้องการแกล้งเขาเล่นมั้ง ไม่ก็อาจจะเตรียมเซอร์ไพรส์บางอย่างไว้ก็ได้ เขมราชบอกตัวเองให้คิดในแง่ดี
“คุณล้อผมเล่นใช่ไหม…?”
15 นาทีผ่านไป
“ไม่ได้ล้อเล่นค่ะ ฉันคิดว่าเราสองคนคงไปกันต่อไม่ได้ ขอโทษนะคะที่ฉันไม่กล้าพอมาเจอหน้าคุณ จากนี้ไปอย่าติดต่อกันอีกเลยค่ะ”
มือหนาพยายามกดโทรศัพท์ต่อสายหาพิมพี่ แต่คราวนี้ได้รับข้อความจากระบบว่า
‘ผู้ใช้งานคนนี้ไม่สามารถติดต่อได้’
พร้อมกับข้อความแจ้งเตือน ‘บล็อกการติดต่อ’
ความเงียบงันกลายเป็นเหมือนเสียงระเบิดในหัวใจ เขมราชยืนอึ้งอยู่สักพัก ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อ เขาพยายามหาคำตอบว่าเขาทำผิดอะไร ทำหน้าที่แฟนขาดตกบกพร่องตกไหนหรือไม่
ดวงตาคมที่เคยเต็มไปด้วยความมั่นใจกลับเต็มไปด้วยความสับสนและความเสียใจ เขาหันไปมองฝั่งไร่ภูเคียงชลพลันคิดถึงภาพพิมพี่ที่เคยยิ้มให้เขาในทุก ๆ วัน
เมื่อตั้งสติได้ ร่างสูงก็หันหลังขับรถ ATV ไปเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมายปลายทาง หวังว่าสักวันชื่อของพิมพี่จะถูกลืมเลือนออกไปจากใจเขา
หลังจากที่เขมราชขับรถไปเรื่อย ๆ กระทั่งวนมาถึงไร่ภูเคียงชล เขาหย่อนกายลงบนเก้าอี้ไม้ท่ามกลางแสงไฟริบหรี่จากโคมไฟสมัยโบราณพลางมองไปที่ขวดเหล้าที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
เขาเรียกลูกน้องในไร่ให้มานั่งก๊งเหล้าเป็นเพื่อนอีกด้วย
“นายเขมครับ อย่าเศร้าไปเลย อกหักก็หาคนรักใหม่เถอะครับ” ลูกน้องคนหนึ่งที่ถูกชวนมาก๊งเหล้าพยายามปลอบใจเขมราช
“คนหน้าตาหล่ออย่างเจ้านายผมเนี่ย แค่เดินก้าวเดียว สาว ๆ ก็เหลียวมองกันเป็นแถบ” ชายหนุ่มหน้าทะเล้นอีกคนกล่าวสำทับพลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มตามประสาคนคอแข็ง
“หาแฟนใหม่หรอวะ เข็ดโว้ย! พอกันทีกับความรักบ้าบอ” เขมราชพูดจบก็หัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“รักแรกในวัยเด็กไงครับ เจ้าของกำไรวงนี้คงโตพอ ๆ กับคุณเขมแล้ว” นายหมอกผู้ช่วยคนสนิทเอ่ยถามขึ้นบ้างเผื่อจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเจ้านายตัวเอง
เขมราชส่ายหัวไปมาพลางเงยหน้ามองบนท้องฟ้าที่มืดมิดมีเพียงกลุ่มดาวประประดาเป็นจุด ๆ
“น้องสารินอยู่ถึงนอร์เวย์ ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาได้เจอกันอีกไหม ถ้าเจอกันอีกครั้งอาจจะจำกันไม่ได้ จากกันไปตั้งสิบกว่าปีแล้ว”
บรรดาลูกน้องฟังแล้วก็ยิ้มพลางหันไปหยิบขวดเหล้าขึ้นมาเทเพิ่มให้เขมราช จากนั้นก็ร้องเพลงล้อเลียนเสียงดัง
“ห่างกันไกลคนละขอบฟ้า ถ้าคนเป็นคู่กันก็วนรักมากลับเจอกันอยู่ดี ฮิ้ววววว!”
เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นท่ามกลางวงเหล้าทำให้บรรยากาศที่เจ้านายของพวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์เศร้ากับเหล้ากลับมีชีวิตชีวาเล็กน้อย
เขมราชดื่มเหล้าจนเมาไม่ได้สติ หวังว่าจะช่วยบรรเทาแผลใจที่รักษาไม่หาย ถึงแม้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ต้องพบเจอ แต่มันไม่อาจทำให้ความเจ็บปวดจากความรักจางหายไปอย่างง่ายดายตามที่เขาหวังไว้
ปัณกรณ์'ต้องการที่ดินของ'ณิชา' เขาทำทุกอย่างโดยไม่สนวิธีการ วันที่เธอรู้ตัวว่ากำลังท้องและความจริงถูกเปิดเผยว่าเขาเข้ามาเพื่อประโยชน์ทำให้เธอเดินจากเขาไปด้วยความเสียใจ กระทั่งวนมาเจอกันอีกครั้ง! ตัวอย่าง "แม่ครับ โปรดจะได้มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่นไหมครับ" "น้องโปรดครับ อยู่กับแม่ คุณตา คุณยาย แล้วก็น้าชยานิด มีความสุขไหมครับ" "มีครับ" "ถ้าอย่างนั้นเราอยู่กันแค่นี้ได้ไหมลูก" "ได้ครับ" ลูกชายสุดที่รักพยักหน้าหงึกเพราะรู้ว่ายังไงแม่ก็คงพาพ่อมาหาตัวเองไม่ได้ ภาพหญิงสาวจูงลูกชายที่สะพายกระเป๋าเป้ออกจากโรงเรียนทำให้ปัณกรณ์ที่นั่งสังเกตการณ์ในรถขมวดคิ้วชนกัน ความเคลือบแคลงสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ หากมองดูดี ๆ เด็กผู้ชายคนนั้นหน้าตาเหมือนเขาตอนเด็กไม่มีผิด
เพราะปาฏิหาริย์ทำให้ กัญญา' ครูสาวผู้แสนดีฟื้นขึ้นมาในร่างของ 'สรานี' ภรรยาที่ร้ายกาจของคุณนาวี เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาเกลียดภรรยาตัวเองมาก และพยายามหาทางหย่าเพื่อจบความสัมพันธ์อัน toxic นี้ "คุณนาวี" เสียงเรียกในลำคอกับรอยยิ้มเบาบางที่ค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าไฮโซสาว ภายในใจอยากตะโกนบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่สรานี แต่เธอคือครูต่ายคนที่เขาช่วยหาบน้ำที่หมู่บ้านบนดอย แต่กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อ ทว่าสีหน้าท่าทางของหญิงสาวที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลค่อนข้างแปลกจนทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับคิ้วขมวดมุ่น ที่ผ่านมาสรานีไม่เคยยิ้มให้เขาแบบนี้มาก่อน "ไหนว่าความจำเสื่อมไง ก็จำชื่อพี่ได้นี่" คำพูดที่ดูดุดันเย็นชาทำให้กัญญาชะงักไปชั่วขณะ คุณนาวีที่เธอรู้จักเป็นผู้ชายที่สุภาพ อ่อนโยน ไม่น่าพูดจาแข็งกร้าวราวกับเธอเช่นนี้ ที่สำคัญสายตาของเขาไม่เหมือนสายตาของคนใจดีที่เคยช่วยเหลือทุกคนบนหมู่บ้านบนดอย มีเรื่องอะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปกันนะ "คือฉัน" "ถ้าไม่ได้ความจำเสื่อมก็ดี งั้นก็เซ็นใบนี้ให้พี่ที" เขาหยิบใบหย่าที่พกติดตัวขึ้นมาวางบนโต๊ะรับแขกเพื่อให้สรานีเซ็น ห๊ะ! อะไรกันเนี่ย? หญิงสาวถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก จู่ๆ มาให้เซ็นใบหย่า แล้วเธอจะเซ็นได้อย่างไรในเมื่อเธอไม่ใช่คุณสรานี มันตัดสินใจแทนกันได้ที่ไหน ซวยชะมัดที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์บ้าๆแบบนี้ ตัวละครหลัก ‘นาวี’ ลูกชายวัยสามสิบของหม่อมหลวงอรัญเขาเป็นชายหนุ่มลูกผู้ดีผู้เพียบพร้อมทุกอย่าง ทว่าถูกบังคับให้แต่งงานกับ ‘สรานี’ ลูกสาวเจ้าสัวสายปาร์ตี้ซึ่งนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว ความสัมพันธ์อัน TOXIC ทำให้เขาเกลียดเธอจนต้องขอหย่าให้ได้ ทว่าสรานีดันรถชนความจำเสื่อม เธอกลายเป็นอีกคน…. ‘กัญญา’ นักศึกษาจบใหม่วัยยี่สิบสามเธอขึ้นฟื้นขึ้นจากความตายมาอยู่ในร่างของคุณสรานี ก่อนหน้านี้เธอเป็นครูอาสาจากบนดอย อัธยาศัยดีหน้าตาน่ารัก สุภาพ อ่อนโยน มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว
"เควิน" เจ้าพ่อมาเฟียและนักสะสมของเก่าผู้ทรงอิทธิพลได้มาเจอกับ "นาลัน" นักศึกษาสาวฐานะยากจนที่ได้นำของปลอมมาขายให้เขา หลังจากที่ถูกจับได้ทำให้นาลันตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เควินยื่นข้อเสนอให้นาลันจดทะเบียนสมรสกับเขาเพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องมีคดีความ
คุณหนูไฮโซยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขารัก แต่ก็สุดท้ายก็ไม่ได้ผล เธอยอมแพ้ และเลือกเดินจากไปพร้อมของขวัญที่เขาทิ้งไว้ให้คือลูกในท้อง! ตัวอย่าง อติกานต์มองไกลๆก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคราผู้หญิงคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก... มือหนาถอดแว่นกันแดดออก เขาขยี้ตาอีกครั้ง และพบว่าผู้หญิงที่กำลังคุยกับชาวต่างชาติคนนั้นคืออิงชนา! เธอก็กำลังท้องอยู่... ที่สำคัญเธอท้องโตจนใกล้จะคลอดแล้วด้วย! อติกานต์แทบทรุดเมื่อรู้ว่าอิงชนากำลังท้อง คำถามมากมายผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด ทำไมเธอถึงไม่บอกเขาสักคำ ทั้งๆที่เด็กในท้องก็คือลูกเขาเช่นกัน!
'คุณหมอเกี่ยวก้อย' บุกไปตามน้องชายที่ทำตัวเกเรเป็นลูกน้อง 'พุฒิธร' นักเลงหน้าหล่อขวัญใจสาวๆ แต่ตามไปตามมาดันพลาดท้องซะงั้น! ตัวอย่าง ขณะที่กำลังจะก้าวออกจากร้านกาแฟ ประตูร้านถูกผลักออกไปอย่างแรงโดยไม่ทันระวัง หมอเกี่ยวก้อยชนเข้ากับใครบางคนอย่างจัง "ขอโทษค่ะ!" เธอรีบกล่าวคำขอโทษทันทีทำให้เอกสารที่อยู่ในมือปลิวกระจัดกระจายไปทั่วพื้น "ไม่เป็นไรครับ ผมช่วยเก็บ" เสียงของชายคนนั้นฟังดูสุภาพและใจดีเกินกว่าที่เธอคาดไว้ เขาก้มลงช่วยเก็บเอกสาร เมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากัน หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น พุฒิธร! เขาคือพ่อของลูก! คนที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดหลายปี ร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตแบรนด์หรู กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าหนัง ดูภูมิฐานราวกับคนละคนกับในอดีต เขาเคยเป็นนักเลงทวงหนี้แห่งบ้านดอนนาหอมแน่เหรอ "คุณ...มาที่นี่ได้ยังไง?" หมอเกี่ยวก้อยถามเสียงสั่น
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
คนอื่นเขาข้ามมิติมาเป็นนางร้ายแล้วได้กับพระเอก ทว่าหวางเสี่ยวเหยาเข้าร่างนางร้ายแล้ววิ่งตามตัวประกอบชายแสนจืดจาง เพื่อตามเขามาปลูกผักซะงั้น…
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา