นพวรรณ ถูกบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าที่ติดการพนันอย่างหนักขายหักหนี้ให้กับ คิม ซีวาน หนุ่มลูกครึ่งไทยเกาหลีเจ้าของบ่อนคาสิโนหรูย่านใจกลางเมือง หลังจากรู้จักกับซีวาน นพวรรณ จึงได้รู้ว่าการตกนรกทั้งเป็น มันคือยังไง ชายหนุ่มปฎิบัติกับหญิงสาวเยี่ยงทาส นพวรรณจะทนได้นานแค่ไหน เธอจะหนีจากขุมนรกนี้ได้อย่างไร
“โบว์ วันนี้มึงไปไหน ไปกินหมูกระทะกันไหมร้านเปิดใหม่ ลดตั้ง 30%เลยนะเว้ย”
“ร้านไหน”
“ก็ร้าน Pig pig หมูกระทะไง”
“ไป...แต่ไม่ได้ไปกินนะไปทำงานน่ะ”
“ขยันโคตรๆ”
“ไม่ขยันแล้วจะเอาอะไรกิน ไปล่ะๆๆ กูไปก่อนแล้วเจอกัน”
ฉันชื่อโบว์ นพวรรณ เทพสิริ ปีนี้ฉันเรียนอยู่ม.6 แล้วปีสุดท้ายของชีวิตนักเรียนม.ปลาย ชีวิตฉันไม่ได้สวยหรูหรอก ลูกคุณหนูคงไม่เข้าใจ ฉันต้องเรียนและทำงานไปด้วย ถ้าฉันไม่ทำงานฉันก็ไม่มีจะกิน แล้วทำไมไม่ขอพ่อกับแม่น่ะเหรอ หึ!! ..พ่อกับแม่ฉันน่ะพึ่งพาอะไรไม่ได้หรอก คนแบบนั้นน่ะ
กริ้งงงงง
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันจึงล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงนักเรียนขึ้นมา โทรศัพท์เครื่องนี้ฉันใช้มันมาตั้งแต่ม.2 แล้ว เป็นเครื่องเดียว เครื่องแรกเลยที่มี ความใหม่น่ะเหรอไม่ต้องพูดถึง แค่รับสายได้ สายเข้า โทรออกได้ก็บุญแล้ว
"ฮาโหลว่าไงบี "
(พี่โบว์อยู่ไหนคะ บีเดินมาหาพี่ที่หน้าห้องแต่ไม่เจอ)
"อ๋อ!!! ..บีลงมาข้างล่างเลย พี่อยู่หน้าตึกแล้ว"
(ได้ค่ะ)
น้องบี น้องสาวฉันน่ะ ครอบครัวฉันมี 4 คนมีพ่อ แม่ ฉัน แล้วก็น้องบี น้องสาวฉันเรียนอยู่ชั้นม. 2 ห่างกับฉัน 4 ปีเลยล่ะ น้องสาวฉันเป็นคนเรียบร้อย เป็นเด็กที่น่ารัก ที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อน้องฉันทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่มีน้อง ฉันก็ไม่อยู่หรอกบ้านหลังนั้นน่ะ
"พี่โบว์..บีมาแล้วกลับกันเลยไหมคะ"
"น้องบีต้องกลับก่อนนะ พี่ได้งานใหม่น่ะ เป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ร้านหมูกระทะ Pig pig หมูกระทะไงรู้จักไหม"
"ค่ะ ได้ยินเพื่อนในห้องพูดถึงอยู่เหมือนกันค่ะ"
"อยากกินไหม"
"ไม่หรอกค่ะ ก็แค่หมูบางๆ เอาไปย่างไงไม่เห็นจะน่ากินเลย"
ฉันรู้ว่าน้องอยากกิน แต่น้องฉันน่ะเก่งมากไม่เคยร้องขออะไรเหมือนเด็กคนอื่นๆ หรอกนะ อะไรที่อดได้น้องฉันก็จะอด ฉันน่ะทนได้แค่ขอให้น้องฉันได้กินอิ่ม นอนหลับก็พอ เพราะฉันน่ะเลี้ยงน้องบีมาตั้งแต่เกิดแล้วน่ะ
"...โบว์ มึงมาดูน้องด้วยกูไปหาเงินก่อน"
"พ่อก็ไปแล้ว ทำไมแม่ต้องไปด้วยล่ะ แม่อยู่บ้านกับหนูกับน้องไม่ได้เหรอ"
"โอ๊ย อีโบว์มึงอย่ามาขัดลาภกูอีห่า กูบอกให้ดูน้องก็มาดู"
........
"... อีโบว์ ไหนเงินเดือนมึงออกแล้วใช่ไหม"
"ยังเลยพ่อ เจ้านายยังไม่มาเขาเลยยังไม่ได้เบิกให้"
"กูไม่เชื่อไหนมาดูสิ "
อำนาจย์ บิดาของนพวรรณเดินมากระชากกระเป๋านักเรียนของนพวรรณ ซึ่งในขณะนั้น นพวรรณอยู่เพียงม.3 เท่านั้นน้องสาวของเธอก็อยู่เพียง ป.5 นพวรรณยื้อกระเป๋านักเรียนตัวเองไว้ไม่ยินยอมให้บิดาได้เอากระเป๋าตนเองไปได้ แต่เด็กหญิงก็สู้แรงบิดาของตัวเองไม่ได้ กระเป๋านักเรียนหลุดออกจากมือของหญิงสาว อำนาจย์รีบรื้อค้นหาเงินค่าเงินอันน้อยนิดที่นพววรรณไปทำงานเป็นเด็กล้างจานที่ร้านข้าวมันไก่ที่หน้าปากซอย เจ้าของร้านข้าวมันไก่สงสารและเอ็นดูเด็กหญิงจึงให้ทำงาน ซึ่งจริงๆ ที่ร้านไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานเพิ่มด้วยซ้ำเพราะลูกๆ หลานๆ ของอาเจ๊กลีเจ้าของร้านข้าวมันไก่ ก็ช่วยงานกันอยู่แล้ว
"ไหนเงินมึงวะอีโบว์ ไปทำงานเหี้ยอะไรไม่ได้เงิน กูจะไปด่าไปเจ๊กไอแก่เบี้ยวค่าแรงลูกกู"
"อย่าไปด่าอาเจ๊กเลยพ่อ เดี๋ยวเงินออกหนูเอามาให้ "
เด็กหญิงนพววรณเอื้อมมือไปดึงกระเป๋ามาจากบิดาของตน เด็กหญิงกำลังจะเดินหนีเข้าไปในห้องที่เด็กหญิงใช้นอนกับน้องสาวของตน
"เดี๋ยวอีโบว์ ปริ้นกระเป๋ามึงมาดูสิ"
"กระเป๋าอะไรพ่อ พ่อก็ดูไปแล้วนี่มันไม่มี"
"กระเป๋ากระโปรงมึง"
เด็กหญิงนพวรรณหน้าเสียเมื่อได้ยินบิดาเอ่ยมาเช่นนั้น เธอพยายามเดินหนีออกมาให้ไวแต่ไม่ทันที่บิดาคว้าแขนเธอไว้ อำนาจย์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากระโปรงลูกสาว เงินค่าจ้างจำนวนหนึ่งถูกหยิบออกมา
"นี้อะไรอีโบว์มึงโกหกกูหรอ อีลูกเวร 1 2 อะไรทำไมแค่สองพัน ค่าแรงมึงสามพันนี้"
"พ่อเอาคืนมานะ หนูต้องเอาเงินนั้นพาน้องไปหาหมอนะ น้องบีไม่สบายพ่อก็รู้"
"น้องมึงมีบัตรทอง อีโง่ ไม่เสียสักบาทมึงจะไปให้มันเสียเงินทำไม"
"แต่ที่คลินิกนี้เขาบอกว่าดีหมอเก่งนะพ่อ ไปโรงพยาบาลรัฐต้องรอคิวนานหนูสงสารน้อง"
เด็กหญิงนพวรรณพยายามกระโดดแย่งเงินจากมือของบิดา อำนาจย์ยกมือขึ้นสูงทำให้เด็กหญิงนพวรรณไม่สามารถหยิบมันถึง เด็กหญิงทั้งพยายามทั้งดึงบิดาตนเอง จนอำนาจย์โมโห พลั้งมือตบเข้าไปที่ใบหน้าของบุตรสาวตนเอง
เพี๊ยะ!!!!!!
เสียงฝ่ามือที่กระทบกับแก้มของลูกสาวดังเข้ามาในโสตประสาทของคนเป็นพ่อ วูบหนึ่งในแววตาของอำนาจย์สั่นไหว แต่แค่เพียงวูบเดียวเท่านั้น เด็กหญิงตัวน้อยล้มลงนอนเอามือจับหน้าตนเองที่พื้น
"ก็บอกแล้วว่าเอามาให้กูดีๆ มึงจะได้ไม่เจ็บตัวแบบนี้ไง เอานี่ 500 มึงเอาไปใช้ ที่เหลือ 1500 กูจะเอาไปต่อทุน เดี๋ยวได้เงินมากูจะมาคืนให้ แล้วจะซื้อของอร่อยๆ ให้มึงกับน้องมึงกินด้วย"
"พี่โบว์ พี่โบว์เป็นอะไร พ่อทำอะไรพี่โบว์"
"อีบี มึงพาพี่มึงเข้าบ้านไป"
อำนาจย์รีบเดินออกไป นวพร หรือน้องบี น้องสาวแท้ๆ ของนพวรรณรีบเข้ามาประคองพี่สาวแล้วพาเข้าห้องไป นวพรเด็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่เธอก็ไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออกว่าพี่สาวโดนบิดาตี
"พี่โบว์ เหม่ออะไรอยู่ แล้วพี่ไม่กลับกับบีเหรอ"
นพวรรณ ได้สติหันมามองหน้าน้องสาว หลังจากที่ตนเองเผลอคิดไปถึงอดีต เพราะการพนันตัวเดียวทำให้ครอบครัวเธอเป็นอย่างนี้
"พี่ต้องไปทำงาน เอานี่เงิน เราไปกินข้าวมันไก่ร้านเจ๊กลีนะ แล้วก็เข้าห้องล็อกห้องให้ดีรู้ไหม"
"ข้าวมันไก่อีกแล้ว กินจนบีจะเป็นเก๊าแล้วนะ อิอิ"
"เออ!! ..งั้นอยากกินอะไรก็ไปกินเถอะ พี่ไปทำงานก่อนนะ"
"ค่ะพี่โบว์ สู้ๆ นะคะ"
"อืม"
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
เพราะความผูกพันที่มีมาตั้งแต่เกิด ทำให้หทัยชนกไม่อาจหักห้ามความรักที่มีต่ออาหมอสิงได้อีกต่อไป และแม้รักนี้พ่อจะไม่ปลื้ม แต่หญิงสาวจะขอฝ่าฟันและไม่มีทางยอมแพ้ให้อุปสรรคในครั้งนี้เด็ดขาด
เพราะคำสัญญาของผู้ใหญ่ ทำให้ ศิรวิช จำใจต้องแต่งงานกับ สุทธิดา ชายหนุ่มทำทุกทางให้หญิงสาวทนไม่ไหว แต่เพราะความรักตั้งแต่แรกเจอ ทำให้สุทธิดาทนอยู่กับคนใจร้าย จนวันที่หญิงสาวทนไม่ไหวในวันที่สายไป ศิรวิชต้องเสียเธอไปพร้อมกับลูกแฝดที่เขาไม่เคยรับรู้
ต่ำศักดิ์ ไร้ค่าแล้วอย่างไร ในสายตาของนาง เขาคือยอดบุรุษผู้สง่างาม ความอัปยศที่เขาเคยได้รับ ความเจ็บช้ำที่เขาเคยต้องอดทน วันนี้นางจะทวงคืนให้เขาเอง "บุรุษของข้า ใครกล้าแตะต้องก็ลองดู"
ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตบุรุษแปลกหน้ากลางป่าในวันนั้น จะย้อนกลับมาช่วยชีวิตนางในวันนี้ "บุญคุณช่วยชีวิต วันหน้าข้าจะชดใช้ให้" "เช่นนั้นก็ชดใช้เสียวันนี้... มาเป็นสามีของข้าเถิด" ------ เยี่ยนหลิง : หญิงสาวชาวบ้าน นางเกือบถูก บังคับให้แต่งงานกับบุตรชายหัวหน้าหมู่บ้าน เพื่อแลกกับยารักษาร่างกายให้พี่ใหญ่ แต่แล้วที่นางเก็บบุรุษแปลกหน้าได้ที่กลางป่า ชีวิตนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เซียวชินหย่วน : ซื่อจื่อจวนเซียวกั๋วกง ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร แต่ถูกลอบทำร้ายจนพลัดตกเขา โชคดีที่ได้เยี่ยนหลิงช่วยชีวิตเอาไว้
อดีตที่เธอเคยทำร้ายจิตใจเขาเอาไว้ ยังคงเป็นรอยแผลใจยากจะสมานกลับคืนได้ คนเคยร้ายอย่างเธอต่อให้เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดียังไง เขากลับมองเป็นเพียงผู้หญิงร้ายกาจไม่เปลี่ยนแปลง
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายสุขนิยม ปมไม่ซับซ้อน อ่านฟิน ๆ นะคะ โฉมงามของอ๋องอสูร นางตายเพราะโรคมะเร็งและได้เข้าไปอยู่ในร่างขององค์หญิงผู้หนึ่ง และไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะตกเป็นพระชายาของอ๋องผู้ที่โหดเหี้ยมเอาแต่ใจและยังมีอนาคอนดายักษ์เป็นอาวุธที่แสนน่ากลัว ชินอ๋องโหย่วเฉา ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบปีศาจแห่งต้าถัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า พระชายาที่มีนิสัยขี้กลัว ทว่ากลับดื้อเงียบคนนี้จะทำให้เขาถึงกับหัวใจปั่นป่วน ทั้ง ๆ ที่เขาเคยคิดว่า ชาตินี้จะไม่รักใครอีกแล้วก็ตาม! กราบขอบพระคุณค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง