เธออกหักรักผู้ชายคนนี้แค่ครั้งเดียวก็เกินพออยู่แล้ว ซ้ำยังมาตายเพราะอุบัติเหตุเหนือคาด แต่ทำไมต้องจะอกหักซ้ำซ้อนอีก หรือว่านี่คือความเมตตาจากสวรรค์ที่ให้วิญญาณเธอย้อนเวลามา เพื่อพบกับ “คุณเผิง” ป๊ะป๋าสายอ่อย และ “ลูกชายตัวน้อย” ในฐานะพี่เลี้ยงเด็ก(สาวใช้)อีกครั้ง แค่หน้าที่พี่เลี้ยงเด็กทำได้อยู่แล้ว แต่หน้าที่พี่เลี้ยง(ใจ)คุณป๊ะป๋าน่ะ เธอไม่ไหวหรอกนะ...ก็เพราะเขาดันพูดขึ้นว่า “มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?” เธอจะตอบเต็มปากได้อย่างไร ในเมื่อมีผู้หญิงอีกคนมาบอกว่า "ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !" นี่เป็นบทลงทัณฑ์จากสวรรค์หรือยังไงกัน—!?
บทนำ
เธอไม่ควรรักเขาตั้งแต่แรก...
หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบนั้น ใบหน้าหมองเศร้ามองไปยังต้นไม้และท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าแม้ขอบฟ้าตะวันตกดินจะสวยมากขนาดไหนแต่จิตใจที่เจ็บปวดในตอนนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความรู้สึกในใจตอนนี้ทรมานจนแทบทำอะไรไม่ถูก ดวงตากลมมองท้องฟ้าสีส้มที่ดวงอาทิตย์กำลังลับ ขอบฟ้าไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
“แม่หนู...ช่วยยายซื้อหน่อยสิ”
หญิงสาวเหลือบก่อนเดินกลับมามองขนมที่เรียงรายอยู่ในกระจาด
“ขนมชั้นดอกกุหลาบไหมจ๊ะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเห็นดอกกุหลาบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”
หญิงวัยสี่สิบปลายมองพลางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ขนมใส่ไส้” เธอพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน “แล้วก็ขนมตาลค่ะ”
“หนูทำงานอยู่แถวนี่เหรอ”
“เปล่าค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว “แค่มาเดินเล่นเฉย ๆ ค่ะ”
“สามสิบบาทจ้ะ”
เธอหยิบเงินจ่ายแล้วเอื้อมมือรับถุงขนมมาจากแม่ค้า
“เออ...เดี๋ยวสิหนู เพิ่งมาที่สวนนี้ครั้งแรกใช่ไหม”
“คะ ?”
“ยายมีเรื่องดี ๆ จะบอก...” ยายขายขนมเว้นวรรคเงียบก่อนพูดต่อไปว่า “ได้ยินมาว่า ศาลข้าง ๆ สวนนี้นะศักดิ์สิทธ์มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก คู่ครอง”
หญิงสาวยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อคำพูดของยายแม่ค้า
“หลานยายก็เคยขอและสมหวังด้วยนะ”
“หนูว่า...”
“มีคนบอกว่าหากอธิฐานอย่างแรงกล้า สิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริง”
“เออ...เอาไว้หนูจะมาลองค่ะ” เมื่อพูดจบก็รีบเดินจากไปในทันที จนกระทั่งเดินห่างออกมามากพอสมควรแล้ว จึงหยุดลงเพราะหัวใจที่สับสนกระวนกระวาย
ในใจเธอกำลังหวังอย่างนั้นเหรอ ? มันไร้สาระเกินไปหน่อยหรือเปล่า
หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอีกครั้งหนึ่ง
“บ้าชะมัด...” เธอพูดกับตัวเอง ขณะก้าวเท้ายาวเดินออกจากสวนไป ครั้นเงยหน้าจากพื้นมองตรงไปก็หยุดชะงักลง
นี่ศาลเจ้าที่ยายขายขนมพูดถึงใช่หรือไม่ ?
ศาลเจ้าขนาดกลางที่ตั้งอยู่ตรงข้างต้นไม้ใหญ่ มีดอกไม้และพวงมาลัยจำนวนหนึ่งที่คนนำมาวางไหว้บูชา หญิงสาวยกมือขึ้นลูบที่ต้นแขนเมื่อมีลมเย็นพัดผ่านราวกับมีบางสิ่งเข้ามาหาและผ่านไป เธอไม่ได้เดินเข้าไปแต่ยืนมองอยู่นาน เพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
แต่สุดท้ายก็ขอพรไปจนได้...หญิงสาวถอนหายใจขณะที่เดินห่างออกมาจากศาลเจ้า เธอหยุดเดินลงและหมุนตัวกลับไปมองในระยะไกลก่อนจะค่อย ๆ เดินต่อไป อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่กับคำบอกเล่าของยายขายขนม เพราะว่าสิ่งที่เธอขอนั้นยังไงก็ต้องเป็นจริงอยู่แล้ว
บ้าชะมัดเลย...!
เธอสะดุ้งจากภวังค์เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก้มตัวลงรีบหยิบขึ้นดูปลายสายที่โทร. เข้ามาก่อนกดรับ
[อ่านข้อความแล้วหรือยัง อย่าลืมที่นัดกันนะ]
“อืม...” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่ว ขณะที่มองไปยังถนนข้างหน้าที่หางไม่ไกลนัก
[แล้วนี่เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงดูเหมือน...]
คำถามสุดท้ายไม่ได้เข้าประสาทหูเลยสักนิด เพราะเสียงโวยวายกรีดร้องทำให้หญิงสาวส่งสายตามองไปข้างหน้ามองเหตุการณ์ที่กำลังชุลมุนจากการทะเละวิวาทกันของกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ไม่ไกลนัก เธอไม่ได้สนใจแต่ก็ยืนอึ้งอยู่นาน จนกระทั่งเห็นใบมีดลอยเข้ามาใกล้ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อกำลังลอยผ่านอากาศมายังใบหน้า
หญิงสาวรีบตั้งสติและเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดตายพอดี ไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ทุกคนต่างก้มตัวหลบหรือวิ่งหนีออกห่าง ในกลุ่มของเด็กวัยรุ่นอีกฝ่ายที่ไม่มีปืนก็วิ่งหลบแต่ไม่วายที่จะหยิบของอยู่ใกล้ปาใส่อีกฝ่าย จนคนที่ถือปืนอยู่นั้นก็หันมาและยกมือขึ้นเล็ง
เธอมองเหตุการณ์แบบงุนงง ขาและร่างกายนั้นไม่ตอบสนองราวกับว่ากำลังช็อกและตกใจอยู่ จนกระทั่งเสียงปืนอีกนัดดังขึ้นเรียกสติกลับคืนมา หญิงสาวมองเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนอีกหลายนัดยิงมาชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ต่างกันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวรีบวิ่งหนีเพื่อไปให้ไกลจากที่นี่มากที่สุดทว่า...อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ด้านหลังช่วงบริเวณอกก่อนจะค่อย ๆ ล้มลงที่พื้น แต่โชคก็ไม่ได้ดีมากนักเมื่อศีรษะของเธอล้มลงกระแทกกับของแข็งที่วางอยู่ตรงพื้นอย่างแรงด้วยเช่นกัน
เลือดสีแดงสดไหลไปทั่ว ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรียวแรงที่จะเอ่ยปากร้องของความช่วยเหลือ ดวงตาพร่ามัวมองไปยังรั้วของสวนสาธารณะ เห็นเป็นเงาราง ๆ ของคนที่มองมา ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักก่อนที่ดวงตาจะค่อยปิดสนิทลง
เธอกำลังจะตาย...
‘ความปรารถนาที่ขอมา ข้าจะรับมันไว้...’
เสียงเข้มแหบพร่าดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง ในตอนนี้เธอไม่มีแรงมากพอที่จะหันมองใบหน้าเจ้าของเสียง
ความปรารถนาของเธอ ?
หญิงสาวได้เพียงนอนนิ่งอยู่โดยที่ไม่ขยับไปไหน เบื้องหน้าคือความมืดมิดไร้แสงสว่าง ทว่าจู่ ๆ แสงสีขาวนั้นก็ปรากฏขึ้นสว่างจนแสบตา
เกิดอะไรขึ้นกัน?
‘มีคนมากมายที่อยากจะสมหวังกับความปรารถนาของตัวเอง แม้จะต้องแลกด้วยสิ่งที่รักมากที่สุด แต่กับเจ้าขอเพียงให้เขามีความสุข...’
ความหมายโดยนัยที่ฟังทำให้หญิงสาวพอจะเดาออกว่ามันคืออะไร...คำอธิฐานของเธอ
“ฉันไม่ควรรักเขาแต่แรกแล้วจริง ๆ ...” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ขอบตามีหยดน้ำใสปริ่มอยู่ เธอปล่อยให้มันไหล่ลงพร้อมกับหัวใจที่เจ็บปวด เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากจะอยู่ถ้าหากต้องรับรู้และทนเห็นหน้าเขาทุกวันหลังจากนี้
เสียงหัวเราะของชายปริศนาดังขึ้นหลายครั้งอย่างพึงใจ มีน้อยที่จะขอเรื่องแบบนี้ หากเป็นความรักมักจะขอให้กลับมารักกันเหมือนเดิม ขอให้แฟนหนุ่มทิ้งคนรักที่คบอยู่เสีย...หญิงสาวตรงหน้าช่างน่าสนใจเสียจริง
‘ดี!’
ดวงตากลมพยายามมองร่างและใบหน้าของเจ้าของเสียงนั้น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อมีแสงสีขาวบดบังเอาไว้อยู่
‘จนกว่าจะถึงแรมสิบห้าค่ำเดือนเก้าหวนกลับมาอีกครั้ง มีเวลาที่จะเริ่มต้นรักที่ผิดพลาด หากทุกอย่างเปลี่ยนแปลง เจ้าจะมีชีวิตอยู่เฉกมนุษย์ทั่วไปด้วยวิญญาณและร่างกายนี้ แต่หากทุกอย่างเป็นดังเดิม...จะต้องตายและหายไปจากความทรงจำทุกคนตลอดกาล’
หญิงสาวไม่อาจเข้าใจความหมายที่ฟังได้ รวมทั้งร่างกายนั้นก็เจ็บปวดทรมานมากกว่าที่จะใช้สมองตรองได้ เธอเพียงแค่หลับตาลงและไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป…
‘แย่ล่ะ ดันลบความทรงจำเดิมออก’ เสียงปริศนาดังขึ้นด้วยความตกใจแต่ก็คงไม่ทันเสียแล้วเมื่อส่งวิญญาณของหญิงสาวย้อนกลับมาไปซะแล้ว ‘ถ้างั้นก็เริ่มใหม่ไปแล้วกัน...’
1. โลภะพิศวาส เสียงสะท้อนในความมืด คือ ปีศาจที่ซ่อนเร้น หากปรากฏขึ้น ไฟพิศวาสอาจแผดเผาเป็นเถ้าธุลี "ครั้งแรกของคุณไม่ใช่เหรอ" เขาเอ่ยขึ้นราวกับเป็นเรื่องปกติ "ถ้าไม่เตรียมให้พร้อมคุณจะเจ็บเอานะ" -------------------------------- 2. ตัณหะราตรี ปีศาจ คือ ความมืดในใจของมนุษย์ หากมีแล้วปีศาจจะปรากฏขึ้น ท่ามกลางไฟราคะแห่งนิรันดร์ "เธอยั่วฉันเองนะ ห้ามพูดว่าไม่ไหว เพราะฉันจะทำให้เธอพูดแค่ว่าเข้ามาลึก ๆ สิ"
หวงรักซาตาน ความรู้สึกที่ต้องเก็บไว้เพียงคนเดียว มันอึดอัดมากขนาดไหนคนๆ นั้นไม่มีทางเข้าใจ ทั้งที่พยายามมาตลอด ทำทุกอย่างให้เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทำไมถึงต้องแสดงท่าทีแบบนั้นออกมา ได้โปรด...เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่นะ "พราว...ฉันขอนะ” เขากระซิบน้ำเสียงพร่าบอกเธอ แต่ทว่าหญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่เอานะ คิวคิว...เราเป็นเพื่อนกันนะ” เพื่อน...!! นครินทร์หยุดชะงักลงมองคนใต้ร่างที่ตัวสั่น มันเป็นที่เขาไม่อยากจะคิดถึงในตอนนี้ จะให้เขาหยุดทั้งที่เขาอยากจะเข้าไปอยู่ในร่างเธอจะตายอยู่แล้ว ไม่มีทางซะหรอก… "แล้วยังไง” ++++++++++++++++++++++ ซ่อนรักซาตาน ยิ่งหนียิ่งโหยหา ยิ่งพยายามดิ้นให้หลุดยิ่งผูกมัด “ฉันนอนกับนายไปแล้ว นายก็รักษาสัญญาบ้างสิ! ...” เธอกำลังกลัว “ฉันไม่เคยบอกว่าจะนอนกับเธอแค่ครั้งเดียว” “ณัฐ!...” เขายิ้มที่มุมปากในขณะที่มองท่าทางโกรธของอีกฝ่าย “นอนกับฉันจนกว่า ฉันจะพอใจแล้วจะไปตามคำที่เธอขอ” “คนใจร้าย...” ญาตาวีมองหน้าชายหนุ่มด้วยความเสียใจและขุ่นเคือง “นายต้องการอะไรอีก!! สนุกมากสินะ...สนุกที่แกล้งฉัน” “อืม...เธอน่าแกล้ง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในวงแขนแกร่ง “แล้วก็ น่าเอาด้วย”
เมื่อสาวสายอ่อยสิบแปดมงกุฎได้รับข้อเสนอของมาเฟียหนุ่ม เธอจะต้องทำอย่างไร เพราะเงินเป็นสาเหตุที่ทำให้หนีไม่พ้นจากพันธนาการเขา !
คราแรกไซเรนวัยเเรกผลิได้ลองฝึกใช้เวทย์มนต์กับมนุษย์ เพื่อลวงให้เขาหลงใหล ทว่ากลับหลงลีลาร่ายสวาทจากชายผู้นั้นเสียเองกระทั่งก่อเกิดเป็นความรัก...ทั้งที่รู้ว่าความรักระหว่างเธอเเละเขามิอาจสมหวัง เเต่เธอยังคงปรารถนาที่จะรัก... ไม่ว่าอย่างไรเธอไม่อาจทนกับการสูญเสียเขาได้ “ไม่ต้องถอยห่างข้าก็ได้ ข้าไม่ทำอะไรเจ้า ข้าสัญญา” ฟรานซ์ตอบพร้อมกับยกมือสองข้างขึ้น “ข้าคิดว่าไม่เหมาะ...อีกอย่างท่านมีคนรักอยู่แล้ว...” ไซเรนสาวตอบ ทว่ามือแกร่งชายหนุ่มกลับรั้งร่างอรชรเเนบชิดปะทะแผงอกแกร่งรับรู้ถึงเลือดเนื้อที่ร้อนเร่าดั่งเพลิงพายุ “ฟรานซ์!” “ข้าหนาวเจ้าไม่หนาวบ้างรึ?”
เพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าจะมาเป็นภรรยาคนใหม่ ทำให้บุตรชายเพียงคนเดียวอย่าง "จิรัฎฐ์" ไม่ยอมรับเเละพยายามข่มขู่หญิงสาวด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ออกไปจากชีวิตบิดา แต่กลายเป็นว่าเขากลับติดใจบทลงทัณฑ์ซะเอง
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเเละพบว่าได้เสียความทรงจำทั้งหมดไป ขณะที่เขาเดินเข้ามาหาเเละบอกว่า "ผมคือสามีของคุณ" ...เธอเชื่อหมดใจ เเละมอบร่างกาย หัวใจให้ จนกระทั่งวันที่เขาพูดขึ้นว่า "ที่รัก...เราหย่ากันไหม?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"