ในอ้อมแขนซาตานซึ่งกลายเป็น... รักนิรันด์ +++++++++++++++++ นิยายรักเบาสมองของปัทมนต์ ที่ชีวิตนี้อยากอยู่เป็นโสด เก็บเงินขึ้นคานสวยๆ แต่กลับมาผู้ชายหลายคนเข้ามาวุ่นวายในชีวิต กว่าจะเจอรักแท้ก็มีอุปสรรคและบททดสอบนิดหน่อยพอให้นักอ่านลุ้นเอาใจช่วยพร้อม ๆ กันนะคะ ++++++++++++++++++ “ผมอยากฟังคำตอบ” เขายืนประจันหน้ากับเธอตรง ๆ ปัทมนต์กลืนน้ำลาย รู้สึกบรรยากาศในห้องช่างเย็นเยียบ “ขอ...ขอเวลาฉันอีกหน่อยได้ไหม อย่างที่คุณรู้ พี่สาวฉันอยู่โรงพยาบาล อะไรหลายอย่างยังวุ่น ๆ อยู่” เสียงตะกุกตะกัก หายใจไม่ทั่วท้อง เด็กสปาแอบไปยืนดูอยู่ห่าง ๆ ข้างตู้เย็น “ผมว่ามันเป็นปัจจัยที่ดีช่วยในการตัดสินใจ ว่ายังไงล่ะครับ เยสหรือโน” เร่งเร้าราวไม่รับรู้ความลำบากใจของอีกฝ่าย หญิงสาวสูดลมหายใจเชิดหน้าขึ้น “งั้นฉันตอบว่าโนะ...” “อ้อ อีกอย่าง ผมให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ” พูดยังไม่ทันจบเขาก็แทรกขึ้น “ค่ารักษาพยาบาลคุณปรียาภัทรยังไม่มีใครมาดูแล รู้หรือยังว่าทำไมพี่คุณถึงขึ้นแท็กซี่จากสนามบิน” ปัทมนต์ตาโตกับข้อข้องใจที่ชักเลือนไปแล้ว ด้วยมัวแต่ห่วงพี่สาวอยู่หน้าห้องไอซียู “เพราะภรรยาคุณไพรัชตามไปอาละวาด เธอรู้เรื่องแล้วไม่พอใจที่เขากำลังจะมีลูก อุบัติเหตุอาจมีผลกระทบกับเด็กเกินกว่าคาด ค่ารักษาคงหลายแสน สถานการณ์ยังไม่ค่อยดีนัก” “คุณรู้ได้ยังไง” “บอกแล้วไงครับ ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจผมก็จะรู้ คำตอบล่ะ” ชายหนุ่มยื่นหน้ามาใกล้ยิ้มมุมปาก ปัทมนต์รู้สึกตนเป็นอีฟ และคนตรงหน้าเป็นซาตานในร่างงูเจ้าเล่ห์ กำลังยื่นแอปเปิลสีแดงสดให้ “เยสหรือโนครับ” เธอกำลังจะเป็นลม หายใจติดขัด แต่ความเข้มแข็งสุดท้ายร้องบอกให้ประคองสติไว้ ภาพปรียาภัทร สปา และไพรัช ผุดขึ้นมาในสมอง “เวลาผมมีไม่มากนะ” กลิ่นน้ำหอมชั้นดีลอยอ่อนจากกายสูงกระตุ้นภายในอกเต้นระรัว ให้รู้ว่าเหตุการณ์ต่อหน้านี้คือความจริงไม่ได้ฝัน ใบหน้าขาวซีด ไหล่หนักดังมีเหล็กทับไว้ “ตอบครับ” ซาตานที่กำลังเล่นสนุกกับชีวิตเธอและพี่เร่งเร้า “คำตอบคุณรู้อยู่แล้วนี่” การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อช่วยไพรัช แต่เป็นปรียาภัทร หญิงสาวกัดฟัน จ้องหน้าเขาราวจะแผดเผาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง “ผมไม่ใช่ผู้วิเศษ เดาใจคนไม่ได้หรอกครับ โดยเฉพาะผู้หญิง” รุทระหัวเราะหึ ++++++++++++++++++++++++++++++
“แป๋งตัดผมได้แล้วนะ มันยาวแล้ว” หญิงสาวหน้าตาสวยผิวขาวจัดเปรย ทำให้คนที่ถูกพาดพิงมือจับปอยผมยุ่ง ๆ ที่ตกลงมาเคลียแก้มนวลเพราะรวบขึ้นไปบนศีรษะไม่หมด
“ยังไม่ยาวเสียหน่อย เดี๋ยวค่อยตัดก็ได้”
ปรียาภัทรย่นจมูกเพลียใจกับคำตอบเดิม ๆ “ตัดออกเสียหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปร้านประจำ”
ปัทมนต์แอบเบ้ปากเมื่อนึกถึงร้านตัดผมประจำของพี่ ราคาแพงและอยู่ในห้างหรู
“ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวแป๋งไปตัดเองดีกว่า” เธอตัดบท รู้ดีว่าไม่เพียงจะให้ตัดผมอย่างเดียวแน่ คงตามมาด้วยการโมดิฟายเสียใหม่
พี่มักบ่นเสมอว่า “ไม่รู้ทนได้ยังไง ผมก็ยุ่ง รวบเป็นซาลาเปากลางหัว หน้าก็ไม่แต่ง เวลาใส่ชุดนักศึกษา หน้าก็กลืนกับชุดเลย เสียดายน้องพริตตี้เก่าหมด”
พี่เป็นคนสวย เคยเป็นพริตตี้รถยนต์และเบียร์ยี่ห้อดัง บางครั้งนึกสงสัยเหมือนกัน ทำไมพันธุกรรมช่างโหดร้าย ถึงไม่ได้ความสวย สูงยาวเข่าดีสักเสี้ยวหนึ่งของพี่
แม้เธอจะรูปร่างเล็ก สูงคาบเส้นหนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตร ผิวออกเหลืองจนเพื่อน ๆ ล้อว่าเป็นดีซ่าน หน้าตากลาง ๆ ค่อนไปทางธรรมดา ไม่มีอะไรน่าจดจำ เว้นเสียแต่ดวงตากลมโตสุกใสและผมยาวเฟื้อยถึงเอว ถักเปียสองข้างเป็นบางคราเท่านั้น
“เรื่องงานล่ะว่าไง มีที่ไหนตอบกลับมาบ้าง” พี่เสเปลี่ยนเรื่อง
ปัทมนต์เดาะลิ้นเบา ๆ อย่างครุ่นคิด “ยังไม่มีที่ไหนตอบเลย”
คนได้ยินคำตอบถอนหายใจเหนื่อยหน่ายกับความหัวแข็งของน้องสาว “บอกให้ไปทำงานบริษัทของคุณไพรัชก็ไม่เชื่อ พี่จะได้คุยให้”
หมายถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของผู้อุปถัมภ์
“ไม่เอา แป๋งไม่อยากใช้เส้น” หญิงสาวปฏิเสธเสียงยาน
เหตุผลจริง ๆ คือไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณกับผู้ให้การอุปถัมภ์หรือพี่เขยนอกกฎหมายไปกว่านี้ เธอไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ทำ แต่เด็กผู้หญิงสองพี่น้อง ญาติซึ่งเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเพิ่งเสีย ต้องอยู่กันตามลำพัง ช่างลำบากไม่ใช่น้อย
พี่สาวสู้อุตส่าห์กัดฟันเรียนจนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) โดยทำงานเป็นพริตตี้ไปด้วย ทำให้เธอมีโอกาสได้เจอกับไพรัช ซึ่งคบกันยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน แถมยังให้ทุนการศึกษาแก่เธอที่ตอนนั้นยังเด็กอยู่
‘เพราะศักดิ์ศรีไม่ได้ทำให้อิ่มท้อง’ ปรียาภัทรให้เหตุผลในการกระทำอันผิดศีลนื้ ‘อีกอย่างจะได้ส่งให้แป๋งเรียนสูง ๆ มีความรู้ เอาตัวรอดได้ ไม่ต้องมาลำบากเหมือนพี่’
ข้อนั้นยอมรับ ไพรัชค่อนข้างยุติธรรม นอกจากซื้อรถ ซื้อคอนโด ออกค่าเล่าเรียนส่งเสียน้องจนใกล้จบมหาวิทยาลัยแล้ว ยังใจป้ำควักเงินลงทุนให้เปิดสปาเล็ก ๆ ไว้แก้เหงา พี่สาวทั้งสวยทั้งฉลาด อยู่กับไพรัชมาหลายปีแล้วแต่ยังดึงเขาไว้อยู่หมัด
“เรื่องโปรเจกต์จบว่ายังไง อาจารย์บอกจะผ่านไหม” ปรียาภัทรถามต่อ
“อาจารย์บอกผ่านแล้ว แค่ให้แก้ไขจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ นิดหน่อย”
ศีรษะงามได้รูปผงกรับรู้ “พี่ล่ะคิดว่าเราจะไม่ผ่าน เห็นแต่ทำรายงานจนตาโหล”
หญิงสาวยิ้มแหย ๆ อุบเงียบไม่ยอมบอกว่าที่ตาโหลเพราะทำงานส่งอาจารย์ให้ดนัยวุธ เพื่อนร่วมคณะด้วยค่าตอบแทนแสนแพง ถ้าพี่รู้คงถูกดุ เหมือนตอนเธอแอบเม้มเงินที่ให้เวลาไปซื้อเสื้อผ้าหรือตัดผม
‘แป๋งทั้งงกทั้งเขียม’ ปรียาภัทรค่อนขอดนิสัยนี้ของเธออยู่บ่อย ๆ
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อโลกหมุนไปด้วยอำนาจเงิน ตอนนี้ยังหนุ่มสาวมีกำลังก็เก็บเอาไว้ให้เยอะ ๆ ตราบใดที่ไม่ได้ไปฆ่าไปปล้นใครมาก็สบายใจแล้ว
ยามเช้าของต้นเดือนมีนาคม แดดยังทอแสงอ่อน ปัทมนต์ถือถาดเปล่าสีเงินขึ้นลิฟต์ไปยังห้องพักในคอนโดหรู
“ไปใส่บาตรกลับมาแล้วหรือ” ปรียาภัทรใส่เสื้อคลุมแพรเนื้อดีเดินมาที่โต๊ะกินข้าวขนาดกะทัดรัด ที่แยกออกเป็นสัดส่วนกับห้องนั่งเล่น
“เรียบร้อยแล้ว พี่ปรีกินข้าวเช้าเลยหรือเปล่า เดี๋ยวแป๋งจัดให้”
“เอาสิ แป๋งทำอะไรใส่บาตรล่ะเช้านี้ หอมเชียว” คนเป็นพี่ยกมือปิดปากหาว หย่อนก้นลงบนเก้าอี้
“ผัดผักบุ้งกับแกงจืดผักกาดกระป๋อง ของหวานเป็นวุ้นกะทิ”
เดาได้เหมือนเคยว่าอาหารชุดนี้คงเคยเป็นมื้อกลางวันและเย็นของน้องด้วย เธอรู้ซึ้งนิสัยน้องดีว่าพยายามใช้ของที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด
ตอนเด็กเธออาศัยอยู่กับป้าแท้ ๆ ซึ่งรับข้าราชการครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง นับตั้งแต่แม่บังเกิดเกล้านำพวกเธอพี่น้องมาฝากแล้วหนีหน้าหายไปไม่กลับมา แถมเงินเดือนครูระดับประถมนั้นน้อยนิด แต่ป้าก็พยายามสรรหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับหลานทั้งสองเสมอ
เวลาอยากกินอะไรแพง ๆ ป้ามักไปหาวิธี แล้วมาทำให้ ซึ่งกินได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่หลังจากลองผิดลองถูกมาเยอะ อาหารของป้ากลายเป็นอร่อยทุกครั้งที่ลงมือทำ รสฝีมือนี้ถ่ายทอดมาสู่ปัทมนต์เต็ม ๆ
‘กับข้าวน่ะไปซื้อเขากินทำไม ทำกินเองดีกว่า สะอาดด้วย จะกินเยอะเท่าไรก็ได้’
น้องให้ความเห็นเรื่องอาหารคล้ายป้าเพ็ญ อีกเหตุผลคือความประหยัด เธอมองดูมือบอบบางเหลืองลออหยิบโน่นทำนี่คล่องแคล่วอยู่ในครัว ผมยาวรวบติดกิ๊บหนีบตัวใหญ่ เจ้าตัวไม่ค่อยอยากตัด พอให้เงินไปยายตัวดีก็แอบเก็บไว้
‘เสียดายตังค์น่ะพี่ปรี รอให้ยาวกว่านี้ดีกว่าค่อยไปตัดทีเดียว’ นี่แหละปัทมนต์ ‘ทำบุญไว้ดีนะพี่ สบายใจชาตินี้แถมไปถึงชาติหน้า แป๋งอธิษฐานให้เราสองคนไม่ว่าชาติไหน ๆ ขอมีชีวิตที่ไม่ลำบากอย่างนี้’
หลังป้าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชน เธอเริ่มกรวดน้ำให้ญาติผู้อันเป็นที่รัก เมื่อพี่สาวผิดศีลข้อสามยิ่งพยายามทำบุญมากขึ้น
‘แป๋งไม่หวังชาติหน้าแล้วล่ะ ขอให้ชาตินี้เราอย่าสร้างบาปกรรมกับใครมากกว่านี้อีกเลย’
น้องเคยบอกด้วยน้ำเสียงจืดเจื่อนจนเธอสะท้านใจ บาปจากการผิดศีลทำให้อยู่สุขสบายกาย แต่ใจนั้นไม่ใคร่สบายเลย จึงไม่เคยห้ามแถมสนับสนุนเรื่องการทำบุญ
ปัทมนต์มักตักบาตรเช้าด้วยอาหารที่ทำเอง แม้ต้องตื่นขึ้นมาแต่ไก่โห่ก็ตาม ด้วยความเชื่อมาจากป้าผู้ล่วงลับ
‘อาหารถวายพระถ้าทำเอง ทำด้วยใจจะส่งผลบุญมาก ถ้าทำบุญด้วยอาหารอะไรเวลาตายจะได้กินอาหารที่เราใส่บาตรไป’
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"