เล่ห์มายาลวง - เล่ห์กลแห่งความใคร่ที่นำพาสองครอบครัวต้องมาผูกแรงแค้นต่อกัน กลกามนั้นสร้างรอยแผลและความเจ็บปวด แต่ใดๆ นั้น ความรักจะเยียวยาเอง
สนามบินสุวรรณภูมิ
เริงฤดี เลอวาณิชกุล สาวน้อยร่างสูงโปร่ง ผิวขาวอมชมพูใบหน้าโฉบเฉี่ยวได้รูปถูกปิดบังไว้ครึ่งใบหน้าจากหมวกใบหนึ่งที่สวมพรางสายตาของผู้คน แว่นกลมโตสีชาคล้องสายห้อยอยู่ที่ลำคอระหง จังหวะก้าวเดินด้วยรองเท้าส้นเข็มสูง ๒ นิ้วราวกับนางแบบบนแคทวอร์ค ผิดก็เพียงแต่ในมือของเธอไสรถเข็นเพื่อจะมารับกระเป๋าเดินทาง เธอหยุดรอกระเป๋าใบโตที่สายพานลำเลียงกระเป๋าของสนามบิน ด้ามพัดจิ๋วในมือถูกคลี่ออกแล้วโบกเบา ๆ
“เดาว่าคุณคงกลับมาจากเมืองหนาว มาถึงเมืองไทย เปิดแอร์ขนาดนี้คุณยังร้อน”
เสียงร้องทักจากเบื้องหลังเป็นเสียงของชายหนุ่ม แต่เธอไม่เสียสายตาหันกลับไปมองแม้เพียงนิด ออกอาการเพียงแค่ขยับตัวไปข้างหน้า เป็นการแสดงว่าไม่ประสงค์จะพูดคุย เสียงหัวเราะหึๆ แว่วผ่านเข้ามาแล้วเดินจากไป เธอแค่นยิ้มแล้วพึมพำออกมาอย่างลำพองตัว
“เห็นคนสวยเป็นไม่ได้ ระริกระรี้เข้ามาเชียว ผู้ชายก็ยังงี้แหละ”
เริงฤดี ขยับตัวยกกระเป๋าใบใหญ่ ๒ ใบ ออกจากสายพานลำเลียงขึ้นรถเข็นด้วยตัวเอง แม้จะมีชายหนุ่มที่ขยับจะมาช่วย แต่ไม่ทันกับความว่องไวของเธอที่คุ้นชินกับการช่วยเหลือตัวเองมาตลอด
“สวย แต่ดูหยิ่งชะมัด”
เสียงพูดคุยเบาๆ ห่างออกไปจากชายหนุ่มที่หาญกล้าไปทักเธอก่อน
“หยิ่ง?"
ชายหนุ่มหน้าคมมีสีหน้าสงสัย เขาเพิ่งกลับมาจากดูงานในประเทศเพื่อนบ้าน วันนี้เครื่องดีเลย์ ทำให้กลับมาช้ากว่ากำหนดเดิม อารมณ์จึงค่อนข้างหงุดหงิดอยู่พอสมควร
“ฉันลองเข้าไปทักดู จะหันมามองหนุ่มหล่ออย่างฉันสักนิดก็ไม่มี หึ หึ”
“อ้อ พอไม่หันมามองนาย เลยว่าหยิ่ง ความหล่อของนายก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“กริช คนทักกันอย่างน้อยต้องหันมามองกันบ้าง นี่อะไร ไม่หันมามอง แถมขยับตัวหนี ทำยังกะเราเป็นพวกโรคจิต สักวันเถอะจะเจอดี”
เสียงคนพูดราวคับแค้น ยิ่งฟังคำพูดเรื่อยๆ ของคนเป็นเพื่อนยิ่งทำให้ดูเหมือนถูกดูแคลน
“นายจะพาลให้มันได้อะไรขึ้นมา แค่เขาไม่สนใจก็ปล่อยเขา ผู้หญิงในฮาเร็มนายมีตั้งมาก จะมาอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”
คมกริช อัครโอภาส ส่ายหน้าระอานิสัยของเพื่อน เบื่อหน่ายที่จะพูดคุยเรื่องผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าในแต่ละวัน แต่เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แถมยังเป็นคู่ค้าทางธุรกิจจึงต้องคบหากันเรื่อยมา ดุบ้าง ด่าบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ก็กลับมาสนิทกันเหมือนเดิม
“ยากๆ อย่างนี้ ฉันชอบ”
คมกริช มองตามร่างโปร่งที่ขยับย้ายสะโพกกลมกลึงไปกับย่างก้าวที่เดินออกไปทางประตูแล้วถอนใจ เสี้ยวหน้าที่เขาเห็นเพียงแวบเดียวนั้น บอกให้รู้ว่าเธอสวยมาก แต่ในกรุงเทพมหานคร มันไม่ได้เล็กๆ ที่เราจะเจอกันอีก
“ขอให้โชคดี เจอเขาอีกครั้งก็แล้วกัน”
คมกริชบอกเพื่อนอย่างไม่ใส่ใจ ก้าวนำไปรอกระเป๋าเดินทาง ซึ่งเริ่มลำเลียงเข้ามาแล้ว
“แล้วนายจะรู้ ฉันน่ะดมกลิ่นสาวๆ สวยๆ ไวเสมอ อยากรู้นักว่า ถ้าเจอหน้าหล่อๆ อย่างฉันจังๆ ยังจะกล้าเชิดใส่ฉันไหม”
“วุธ จะทำอะไรให้คิดถึงคู่หมั้นของนายไว้ให้ดี แค่สาวๆ ที่นายสับหลีกอย่างกับนายช่างรถไฟ คุณนุชเขาก็ปวดหัวจะแย่แล้ว”
อาวุธ พินิจนันท์ หัวเราะอย่างไม่ยี่หระ นงนุชเขาก็รัก แต่จะให้เขาเลิกกับสาวสวยรายอื่นๆ รอไปก่อน เพราะยังไง เขาก็ยังไม่แต่งงาน ฉะนั้นอย่ามาหึงหวงมากมาย เขาไม่ชอบ
กระเป๋าถูกลำเลียงมาจนถึงคิวของชายหนุ่ม ทั้งคู่จึงไสรถเข็นออกไปด้านนอก ตรงไปยังลานจอดรถที่จอดไว้ข้ามวันข้ามคืน คมกริชไม่ยอมนั่งแท็กซี่ แต่ยินดีที่จะขับรถมาเองโดยเสียค่าเช่าจอดรถดีกว่า แม้ว่าอาวุธจะบ่นพึมว่ากลับมาเหนื่อยๆ ยังจะต้องมาขับรถกลับบ้าน แถมยังต้องเสียเงินที่ไม่ควรจะเสียอีก
“เราแยกกันตรงนี้ ฉันนัดกับนุชเขาไว้ คืนนี้กลับมาจะฉลองกันหน่อย”
อาวุธบอกอย่างเจ้าเล่ห์ อารมณ์ดี คมกริชเข็นรถไปเพียงลำพัง มุมเลี้ยวที่เขาต้องไสรถเข็นไปนั้นสะดุดกับกระเป๋าใบใหญ่ที่วางนอนอยู่บนรถเข็นหน้าประตู ทำให้เขาชะงักแล้วหันกลับไปก้มหัว ขอโทษกับเจ้าของกระเป๋า
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณไม่ได้ตั้งใจ”
เสียงหวานใสนั้นตอบกลับมาทันที คมกริชเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงอย่างสนใจ ผู้หญิงคนนั้นเอง ยามนี้เธอถอดหมวกใบโตออกแล้วสวมแว่นไว้เสียครึ่งหน้า แต่ก็ปิดบังความสวยงามของใบหน้าคมเฉี่ยวไว้ไม่ได้ คมกริชปรายตามองกระเป๋าใบโตสองใบและเครื่องแต่งกายที่หล่อนสวมอยู่ปราดเดียวก็พอประเมินว่าเธอกลับมาจากประเทศเมืองหนาวและรอคนมารับ เพราะในมือถือโทรศัพท์ไว้ คมกริชยิ้มให้เล็กน้อยขยับที่จะเดินต่อ
“ฉันจะไปรอแท็กซี่ได้ที่ไหนคะ”
เสียงนั้นคล้ายลังเล ไม่แน่ใจว่าจะถามเขาดีหรือไม่ แต่ก็ถามออกไปอย่างเก้อๆ เขินๆคมกริชชะงัก หันมามองหญิงสาวเต็มตา ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ด้านล่างนะครับ แต่คงต้องรอนานหน่อย และผมว่าค่อนข้างอันตรายกับผู้หญิงสวยอย่างคุณในเวลานี้”
คมกริชเปิดช่องให้ตัวเอง เสือซุ่มอย่างเขา อาวุธยังตามไม่ทัน
“ฉันโทรหาคนที่บ้าน ไม่มีคนรับ ยังไงก็ต้องไปแท็กซี่ค่ะ ขอบคุณนะคะที่บอก”
เริงฤดีหันตัวกลับจะเข้าไปในอาคารอีกครั้ง
“เดี๋ยวซิคุณ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมไปส่งให้ก็ได้นะครับ”
“คุณจะไปส่งฉันหรือคะ แล้วคุณปลอดภัยกว่าแท็กซี่?”
เริงฤดีแค่นยิ้ม ผู้ชายก็เหมือนกันทุกคน
“นี่ครับนามบัตรผม เผื่อคุณจะไว้ใจ”
คมกริชยื่นนามบัตรให้ ตำแหน่งในนามบัตรระบุถึงตัวตนของเขา เริงฤดีนิ่งคิด ชายหนุ่มคนนี้หน้าตาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปางบางเล็ก ไรหนวดเหนือริมฝีปากนั้นเย้ายวน ......บ้า เธอคิดอะไรนี่ เริงฤดีรีบสลัดความคิดของเธอออก บอกตัวเองว่าอย่าสนใจชายหนุ่มคนนี้
“เชิญเถอะครับ รถผมจอดอยู่ทางนี้”
คมกริชเดินนำหน้า โดยไม่ได้รีรอว่าเธอจะปฏิเสธหรือตอบรับ เริงฤดีนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนเข็นรถตามออกไป
“บ้านคุณอยู่แถวไหนครับ”
ซีรีย์รักต่างวัย เรื่องของความรักที่ไม่อาจหักห้าม แม้วัยต่างกันแต่หัวใจเร่าร้อนอยู่ด้วยกัน เสน่หาหญ้าอ่อน: มีนา หรือมีน สาวน้อยวัย 19 ต้องเข้าไปพัวพันธุรกิจของเหมืองนิลดีที่มี อรรคพล หนุ่มใหญ่ใจดีเป็นเจ้าของ เมื่อญาติของเธอทุจริต เธอจึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ แต่จะเป็นไรไปล่ะ เมื่อเธอก็ยินยอมพร้อมใจอยู่แล้ว เสน่หาโคแก่: พฆัคฆ์หรือเสือ นักธุรกิจพันล้าน หนีรักเข้าป่า จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้ชาวบ้านและเด็กสาวที่ชื่อ แป้งร่ำช่วยเอาไว้ และนั่นเป็นที่มาของโคแก่ที่เล็งหญ้าอ่อนไว้
ซีรีย์พ่อเลี้ยง สองเรื่องราว สองคู่ ระหว่างพ่อเลี้ยงที่แตกต่างความคิดกันอย่างสิ้นเชิง แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาเหมือนกันคือความรักให้คนที่ชื่อว่าเป็นลูกเลี้ยง จำเลยพ่อเลี้ยง /พฤศตะวัน - เมื่อหญิงสาวต้องกลายเป็นเครื่องมือการติดตามแม่ของเธอ จากชายหนุ่มที่เคยรักแม่ แต่...เสน่ห์ของจำเลยอย่างเธอ พ่อเลี้ยงหรือจะอดใจไหว พ่อเลี้ยงบำเรอรัก/ พฤศตะวัน - วิชนี เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เพื่อทวงมรดกของแม่คืนจากพ่อเลี้ยง ทว่า พ่อเลี้ยงที่เธอนึกเกลียดเขามาตลอดนั้นว่าแย่งแม่ของเธอไปจากพ่อ กลับกลายเป็นแค่ตัวหลอก และเป็นผู้ปกป้องเธอมาตลอด
ซีรีย์ดอกไม้สวาท ความแตกต่างคือความงาม ดอกไม้ 2 ชนิดที่ใช้ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เกสรดอกชู้ /พันตะวัน - ธีธัช หนุ่มหล่อผู้มีความสามารถกลับมาเมืองไทยกะทันหัน หลังจากแม่เสียชีวิต ต้นเหตุมาจากแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งเขาจะต้องเอาคืนให้ได้ และอันดาคือเหยื่อในความแค้นครั้งนี้ ผกากลีบทอง /พันตะวัน - บุหงาและอาทิตย์ ต้องแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่ แต่เส้นทางความรักของคนทั้งคู่ ต่างมีสิ่งที่ต้องปกปิดกันและกัน บุหงาสาวสวยเสนห์แรงจึงต้องเผชิญเรื่องรักในทิศทางที่เธอไม่อาจควบคุม
ซีรีย์บาป 2 เรื่อง 2 รส กับความรักที่ปนเปไปด้วยความใคร่และความรู้สึกผิด บาปหวาน / พฤศตะวัน - ผิดไหม? ที่เธอรักพ่อเลี้ยง สามีใหม่ของแม่ที่ตายไปนานแล้ว แต่เธอจะทำอย่างไรดี ในเมื่อพ่อเลี้ยงของเธอ ยังคงรักแม่ของเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะลืม บาปสวาท /พันตะวัน - เมื่อความใคร่เข้ายึดครองการใช้ชีวิต คู่แต่งงานที่ต่างก็หมดรักกัน จึงต้องหาทางออกเพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์
มนตราพญามาร - บ้านไร่ตะวันฉายของตฤณพบ ต้องต้อนรับผู้หญิง 2 คน คือ ไอรดา และปิยฉัตร ทั้งคู่ มีคำถามต่อเขาถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าสงสัย แต่ตฤณภพก็ใช้ความใคร่ปะปนไปกับความรักจนสยบเด็กสาวทั้งคู่ได้
ไฟปรารถนา เพลิงอาวุธ - อาวุธ เศรษฐีเจ้าของบ่อนคาสิโนและรีสอร์ตหรูบนเกาะส่วนตัว จำต้องยอมรับ แองจี้ หลานสาวของลูกจ้างคนเก่าแก่เข้ามาทำงานในอาณาจักรของเขาโดยไม่เต็มใจนัก เพราะทันทีที่เห็นหน้าเธอ เขาก็รู้ทันทีว่า เขาจะไม่เป็นสมภารกินไก่วัดเด็ดขาด แต่เขาจะทำได้หรือ?
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
ผู้หญิงที่ทำงานเก่งและประสบความสำเร็จทุกอย่างในชีวิต แต่กลับประสบอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด แล้วตื่นขึ้นมาในร่างของ “หลินจิ่วเอ๋อร์” ภรรยาคนที่สองของแม่ทัพซูเหยียนในทันทีที่นางเปิดตาขึ้นในร่างนี้...
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"