/0/4091/coverbig.jpg?v=d6de2076e3a914f4e77ef76721c8b7e5)
ท่ามกลางสงครามระหว่างแคว้น “กงอวิ๋นเทียน” รองแม่ทัพแคว้นเป่ยซีที่บาดเจ็บสาหัสถูกช่วยเหลือโดยหญิงเก็บสมุนไพร เขาสูญเสียความทรงจำ และตกหลุมรักนาง... เพราะรักมาก จึงหมายเอาเปรียบ เพราะรักเกินไป จึงเผลอทำร้ายอย่างแสนสาหัส เป็นเพราะความรักที่บดบังตาจนกระทำเรื่องเห็นแก่ตัว และไม่ตระหนักสักนิดเลยว่า เหตุใดตัวตนของนางจึงเป็นปริศนา คำตอบแน่ชัดอยู่แล้ว เพราะนางหาใช่มนุษย์ แต่เป็น...ปีศาจ!
สงครามแย่งชิงพื้นที่ชายแดนระหว่างแคว้นเป่ยซีกับแคว้นหนันดำเนินมาช้านาน สร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้านที่อาศัยตามชายแดน หมู่บ้านบางแห่งอพยพคนหนีสงคราม ย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากใหม่ ขณะที่บางหมู่บ้านพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เร่งผลิตเสบียงและสมุนไพรไว้สำหรับขายให้กับทางการ
ท่ามกลางความวุ่นวายเหล่านั้น กลับมีสตรีนางหนึ่งดำเนินชีวิตปกติ ไม่ร้อนรน ไม่หวาดผวา ทั้งที่เจ้าตัวอาศัยเพียงลำพังในบ้านหลังเล็กซึ่งอยู่ในป่าของชายแดนแคว้นหนัน
เช้ามืดของทุกวันนางจะออกบ้านเพื่อเก็บสมุนไพรในป่าลึก กลับเข้าบ้านอีกทีก็คือช่วงสาย บางวันก็เลยหลังเที่ยงมานานโข
บ้านหลังน้อยไม่เคยขาดกลิ่นยา เตาในครัวมีควันแทบตลอดทั้งวัน ตรงข้ามกับความเป็นจริงที่ว่า บ้านหลังน้อยนี้นานครั้งจะมีผู้มาเยือนสักคน
แต่แล้วกลางดึกในคืนหนึ่ง การมาเยือนของใครบางคนได้ทำให้ชีวิตของสตรีนางนั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
กระแสลมพัดหวีดหวิวนำพาเสียงร้องโอดครวญลอยมาแต่ไกล หากเป็นผู้อื่นคงตัวสั่นขวัญผวา แต่ ‘ซวีซิ่ว’ ไม่ใช่คนกลัวผี แม้เชื่อเรื่องหลังความตาย หากก็ไม่ได้หวาดกลัวภูตผีวิญญาณเท่าไร กับมนุษย์นั้น... หึ! ยิ่งแล้วใหญ่
หญิงสาวลองเงี่ยหูฟังดีๆ เสียงร้องโอดครวญนั้นยังดังต่อเนื่อง และดูเหมือนจะทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ
นางลุกขึ้นจากเตียง สวมถุงเท้า รองเท้า ก้าวเท้าเดินไปเปิดประตูโดยไร้ท่าทางของคนตาขาว เมื่อเดินมาถึงตำแหน่งที่มีเสียงร้อง กลิ่นคาวโลหิตเข้มข้นแข่งกับกลิ่นสมุนไพรบนตัวนาง พอหลุบตามองบนพื้นหญ้าก็พบร่างบุรุษนอนจมกองเลือด และร้องอย่างทรมาน
ซวีซิ่วรีบยกมือขึ้นปิดจมูกเหมือนคนรังเกียจ ยืนนิ่งเพื่อทำใจพักหนึ่ง ก่อนจะถอนใจด้วยรู้สึกสังเวชมนุษย์ผู้นี้นัก หากจะสาหัสขนาดนี้ สู้ตายๆ ไปเสียไม่ดีกว่าหรือ เมื่อคิดอย่างนั้น เท้าของนางขยับถอยออกมา เพื่อปล่อยให้เขาตายด้วยบาดแผลสาหัสเหล่านั้น
มิคาดว่า จังหวะที่นางขยับถอยหนึ่งก้าว มือชุ่มเลือดของเจ้าของร่างอันน่าสังเวชกลับยื่นออกมา คว้าจับข้อเท้านางด้วยความทุลักทุเล
“ชะ... ช่วย... ช่วยข้าด้วย”
ยังมีแรงพูด?
เท้าข้างที่ถูกมือเปื้อนเลือดนั้นจับสะบัดถอย จากนั้นซวีซิ่วค่อยนั่งยองๆ ตรวจสภาพร่างกายและลมหายใจของเขาด้วยสายตา แล้วคะเนว่าเขาจะมีชีวิตรอดได้อีกกี่วัน
“ช่วย... ข้า...”
เสียงที่เปล่งออกมาช่างทรมานสมกับสภาพใกล้ตาย หากก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ จึงขอร้องนางแม้ว่าการเปล่งเสียงแต่ละครั้งจะกระเทือนต่ออวัยวะภายใน และให้ชีวิตที่เหมือนกับเทียนไขของเขาหริหรี่ลง
ว่าก็ว่า ถ้ายังมีแรงพูดนั่นหมายความว่าเขามีความอดทนไม่น้อย และไม่ตายง่ายๆ
พอซวีซิ่วสรุปอย่างนั้น ก็ยื่นมือออกไปพยุงตัวเขาลุกขึ้น น้ำหนักมือของนางมิได้อ่อนโยนเหมือนรูปร่างที่บอบบาง นางเป็นคนเก็บสมุนไพรหาใช่หมอ อะไรคือการเบามือกับคนเจ็บนางไม่รู้หรอก รู้แค่ว่าช่วยแล้วจะรอดหรือไม่รอดเท่านั้นเอง
“โอย...”
เสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บดังจากปากของเขาตอนที่นางยกร่างเขาขึ้นจากพื้น แต่ชั่วอึดใจต่อมา เขาคงสำนึกได้กระมังว่าการทำอย่างนั้นเป็นการเสียมารยาทต่อผู้มีพระคุณ จึงกัดปากล่างเพื่อข่มกลั้นความเจ็บ กัดจนปากแตกและมีเลือดไหลจึงจะกลืนเสียงร้องโอดครวญลงคอได้
ริมฝีปากแดงปลั่งของซวีซิ่วยกขึ้นเล็กน้อย
น่าสนใจ น่าสนใจ! ซวีซิ่วคิด ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอเหมือนกำลังพยายามอดใจกับอะไรบางอย่าง แล้วยอมเบามือให้เขา พาเขากลับเข้าบ้านหลังเล็กของนาง
กลางดึกคืนนั้น ไฟในห้องเก็บสมุนไพรถูกจุด เตาไฟในครัวก็มีควันโขมง เป็นสัญญาณว่าบ้านหลังน้อยมีแขกมาเยือนแล้ว
เสือดำอย่าง 'เฮยอวิ้น' จู่ๆ ก็มีเจ้าสาววิ่งเข้ามาหาถึงถิ่น นานมาแล้ว หลังจากทำสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นทำให้เขาเลียริมฝีปาก คิดว่า.. งานนี้ได้มีอาหารอันโอชะตกถึงท้องแล้ว!
นาง...ศิษย์สำนักเต๋า เรียบร้อยดุจผ้าขาวที่พับไว้ เขา...เจ้าสำนักดินแดนตะวันตก ดิบเถื่อนและไม่ไว้หน้าใคร เมื่อนางต้องมาพบกับเขา ความอดทนและความเป็นกุลสตรีของนางต้องแตกออกเป็นเสี่ยงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ! “อยู่กับข้าไม่ดีตรงไหน ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักเสือขาว เป็นลูกบุญธรรมของข่านเผ่าทูเจวี๋ย หน้าตาหล่อเหลา มีวรยุทธ์สูงส่ง เจ้าคิดว่าข้ายังไม่ดีพอสำหรับเจ้าอีกหรือ” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าไม่สน” นางตอบกลับโดยไม่หยุดคิด คราวนี้เขาไม่พูดอะไรอีก ยอมปล่อยมือจากนางแต่โดยดี หนำซ้ำยังลุกขึ้นยืน มือเกี่ยวบนขอบกางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ชิ้นเดียวบนตัวของเขา ดวงตาก็มองจดจ่อบนใบหน้าของนาง ระหว่างที่นางมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาก็ถอดกางเกงของตนต่อหน้าต่อตานางโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า หญิงสาวลืมตัวเบิกตามองส่วนสงวนของเขาเต็มๆ คนเปลือยเปล่าล่อนจ้อยต่อหน้านางกลับไม่สะทกสะท้าน ยังหันกลับมากำชับนาง “ข้าจะอาบน้ำ อย่าแอบดูข้าล่ะ” หญิงสาวหน้าแดงแจ๋ เปล่งเสียงคำรามใส่ด้วยความเดือดดาล ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทันที “สายตาของข้าแปดเปื้อนแล้ว คนสารเลว!”
'เรนกิ ซูซูกิ' ทำงานเป็นบรรณาธิการให้กับสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง 10 ปีที่ทุ่มเทให้กับงาน ผลตอบแทนคือถูกเนรเทศให้ไปอยู่หมวด BL นอกจากต้องหงุดหงิดกับความมืดมนของนักเขียนนามว่า 'ยูโกะ' ยังต้องทนกับความตีสต์ขั้นเทพ แต่ในที่สุด ความทรมานใจเหล่านั้นก็จบลง เมื่อเรนกิประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปอพาร์ตเม้นต์ของยูโกะ ทว่า.... "ขอต้อนรับสู่โลกใบใหม่" เจ้านักเขียนตีสต์แตกพูดกับเขา ในขณะที่เรนกิแตกตื่น วิญญาณของเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างของจอมมาร ในมังงะ Yaoi 18+ และยังเป็นฝ่ายรับ ถูกผู้กล้าข่มเหงตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อเรื่องเรท 18+ อย่างไร แต่คนที่เข้ามาพัวพันกับเขาก่อนมักจะเป็นผู้กล้าทุกครั้ง และอีกอย่าง เขาได้พบความลับของโลกใบนี้ ซึ่งที่จริงแล้ว....
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"