เพราะความแค้น... เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อให้เธอเจ็บ เพราะความรัก... เธอถึงยอมตกเป็นเหยื่อรักของเขา ความเข้าใจผิดของเขา... ทำให้เธอต้องกลายเป็นหมากในเกมส์ล้างแค้นอย่างไม่มีทางเลือก รัชชานนท์ไม่เคยคิดเลยว่า...ผู้หญิงที่ตั้งหน้าตั้งตา สั่งสมองให้เกลียดชัง จะทำให้หัวใจกระด้างของตนเองเต้นแรงที่สุดในชีวิต นทิชามีเสน่ห์ หอมหวานเย้ายวน จนเขาไม่อาจจะปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้ ดังนั้น... นอกจากจะหลอกล่อให้เธอเดินตามเกมส์แค้นแล้ว เขาก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำให้เธอ ปีนขึ้นจากหลุมรักไม่ได้เช่นกัน...
ร่างสูงหกฟุตสามนิ้วยืนสงบนิ่งอยู่หน้าเจดีย์ของน้องสาวเพียงคนเดียวที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยสายตาอาลัยเศร้าหมอง ชุดสูทไร้ที่ติกลืนไปกับเส้นผมสีดำสนิทที่ถูกสายลมโชยพัดแผ่วๆ จนปรกหน้าผาก
ไหล่กว้างซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวช่วยเน้นให้เห็นกล้ามเนื้อกำยำแสดงถึงความแข็งแรงและมีพละกำลังอย่างน่าทึ่ง แสงตะวันกล้ายามสนธยาที่อาบไร้ลงสู่พื้นเบื้องล่าง ช่วยเน้นรูปหน้าหล่อเข้มคมคายให้คล้ายกับหินสลักที่ไร้ชีวิต
ดวงตาสีนิลถูกห้อมล้อมด้วยขนตาดกดำเป็นประกายดุดันพร้อมจะฟาดฟันกับผู้ที่เป็นศัตรูให้ย่อยยับอย่างไม่ปรานี สันจมูกโด่งตรงช่วยเสริมให้ใบหน้าหล่อกระชากใจนั้นสมบูรณ์แบบราวกับถูกปั้นแต่งโดยจิตรกรเอกของโลก
โหนกแก้มสูงและกรามสี่เหลี่ยมมีไรเคราเขียวครึ้มที่ทำให้เขาดูแกร่งกระด้าง น่ากลัว และต่ำลงไปกว่านั้นคือริมฝีปากหยักสีสดบางได้รูปที่ปราศจากรอยยิ้มแห่งความสุขมาเนิ่นนาน นับตั้งแต่การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ด้วยการกระทำที่น่ารังเกียจของหญิงชายคู่นั้น
รัชชานนท์ วนิชเจริญกุล ทายาทที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของโรงแรมหรูห้าดาวในเครือ วนิชกรุ๊ป ชายหนุ่มสูญเสียบิดาและมารดาไปกับอุบัติเหตุบนท้องถนนเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเขาพึ่งจะเรียนจบปริญญาโทจากมหาลัยชื่อดังในอังกฤษใหม่ๆ และเมื่อไม่นานมานี้เอง เขาก็ต้องสูญเสียญาติสนิทที่เหลือเพียงคนเดียวไปอีกคน
รฎาพร วนิชเจริญกุล น้องสาวอันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ต้องมาตายจากไปอย่างไร้ค่าเพราะความโลเลและสับปลับของผู้ชายคนนั้น
กรามแกร่งขบกันเป็นสันจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว ดวงตาที่ดุกระด้างจ้องมองรูปหน้าเจดีย์เก็บกระดูกของน้องสาวนิ่ง ก่อนจะฝืนยิ้มน้อยๆ ให้กับรูปของรฎาพร
“พี่มาแล้ว... พี่มาเยี่ยมพรแล้ว...”
สายพระพายที่พัดแผ่วๆ มาปะทะผิวสีคล้ามแดดไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหนาวสั่นแม้แต่น้อยทั้งๆ ที่อากาศยามเย็นย่ำและใกล้กับชายทะเลแบบนี้จะเหน็บหนาวแค่ไหนก็ตาม
“วันนี้พี่นำของที่พรชอบมาให้พรด้วย ข้าวต้มกุ้ง แล้วก็...”
น้ำเสียงห้าวขาดช่วงไปไม่อาจจะฝืนพูดจนจบได้ เมื่อก้อนสะอื้นมันจุกที่ลำคอ ความเจ็บปวดกับการสูญเสียที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มแปลงร่างเป็นอสูรร้ายเลือดเย็นได้ในทันที และเขาได้เตรียมแผนการทุกอย่างไว้เพื่อชำระแค้นกับศัตรูที่ทำลายชีวิตของน้องสาวให้ย่อยยับคามือ
“พะโล้... องุ่นแดง...น้ำส้มคั้น...”
รัชชานนท์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เศร้าหมองเอาไว้อย่างที่สุด แม้มันจะผ่านมาปีกว่าแล้ว กับอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากรฎาพรไปจากเขา แต่เขาก็ไม่อาจจะลบเลือนมันออกไปจากสมองได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
‘พวกเขาหลอกพร... พวกเขาทำร้ายพร พรเกลียดพวกเขา...’
รฎาพรคร่ำครวญไปตลอดทางขณะที่ขับรถอยู่ในวันที่เกิดโศกนาฏกรรม ทั้งๆ ที่เขาพยายามหว่านล้อมเพื่อที่จะเป็นคนขับเองหลายต่อหลายครั้ง แต่น้องสาวก็ไม่ยินยอม จนทุกอย่างสายเกินแก้
ภาพที่รฎาพรนอนร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดหลังจากที่รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางยังฝังแน่นอยู่ในสมอง เลือดสดๆ ของน้องสาวไหลออกมาจากปากและจมูก ตอนนั้นกระจกได้บาดดวงตาของเขาทั้งสองข้างจนไม่อาจจะช่วยเหลือน้องสาวได้เลย...
‘พี่นนท์...พร...เจ็บเหลือ..เกิน...พร...เจ็บ...”
แต่คำพูดของเธอยังฝังลึกอยู่ในใจ และเขาก็คงไม่อาจจะลืมมันไปได้ ถ้าความแค้นนี้ยังไม่ได้รับการชำระ เขาจะทำให้พวกมันย่อยยับราวกับตายทั้งเป็น และเมื่อถึงวันนั้นเขาจะลากพวกมันมากราบหลุมศพรฎาพรให้จงได้
“พี่สัญญา ว่าพี่จะทำลายไอ้ผู้ชายคนนั้น และคนที่มันรักทุกคน ให้มันทรมานกว่าที่พรได้รับร้อยเท่าพันเท่า” ชายหนุ่มยิ้มให้รูปอยู่นาน ก่อนรอยยิ้มจะค่อย ๆ จางลงพร้อมกับแววตากร้าวจัด
“พี่จะให้พวกมันชดใช้ทุกอย่างที่ทำไว้กับพร...!”
ชายหนุ่มเน้นหนักทุกคำพูด พร้อมกับยิ้มให้กับรูปอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเป็นรอยยิ้มที่ดูโหดเหี้ยมและน่ากลัวที่สุด
มือหนาสีแทนตวัดแว่นดำขึ้นปกปิดดวงตาคมกล้าราวกับคมมีดของตนเอง ก่อนจะหมุนตัวเดินจากเจดีย์ของรฎาพรออกมาช้าๆ ริมฝีปากหยักสีสดที่บางเฉียบเม้มเข้าหากันแน่น ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
เขาจะทำให้ไอ้คนที่ทำลายชีวิตที่กำลังสวยงามของรฎาพรให้มันย่อยยับไม่มีชิ้นดี เขาจะทำให้โลกใบนี้คือบ้านที่ไม่น่าอยู่ของพวกมัน
“อดิเทพ... นทิชา ถึงเวลาแล้วที่พวกแกจะต้องชดใช้...”
เสียงเครื่องยนต์ที่คำรามเข้ามาใกล้และดับสนิทลงในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที นทิชาพยุงร่างบอบบางที่พึ่งฟื้นไข้ของตนเองถลันมาเกาะขอบหน้าต่างในห้องหอของตนเอง...
ร่างสูงใหญ่ กำยำ น่าเกรงขามของรัชชานนท์ก้าวลงมาจากรถลีมูซีนสีดำเงาวับ หัวใจสาวเต้นระรัวแทบจะกระดอนออกมาจากอก ลมหายใจชะงักติดอยู่แค่ลำคอ จะมองกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขา... รัชชานนท์ก็ยังคงทำให้ร่างกายของเธอมีปฏิกิริยาแปลกประหลาด คลื่นความร้อนเดือดพล่านไปทั่วร่างสาว
เหตุการณ์เมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมากลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง คล้ายกับสายน้ำเชี่ยวที่ไหลเปลี่ยนทิศทาง มันน่าจะมีแต่ความยินดีไม่ใช่หรือ... หากว่าการแต่งงานในครั้งนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความใจร้ายของผู้ชายที่ชื่อ รัชชานนท์
‘อย่าคิดว่าที่ฉันจัดงานแต่งงานในครั้งนี้เพราะฉันรักเธอ...ฉันแค่ต้องการทำให้ไอ้อดิเทพมันรู้เท่านั้นแหละของสิ่งไหนคือของๆ ฉัน และมันไม่มีสิทธิ์แตะต้อง...!’
นี่คือคำพูดของเขาที่กระซิบแผ่วเบามาที่ใบหูของเธอ และมันก็ทำให้หัวใจที่เบิกบานอยู่เมื่อครู่นี้แฟบลงได้ทันตา หญิงสาวจำได้ว่าต้องฉาบใบหน้าด้วยรอยยิ้มหวานทุกครั้งที่มีแขกเดินเข้ามาในงาน และเมื่อไม่อาจจะทานทนต่อความเจ็บปวดจากคมมีดที่รัชชานนท์จ้วงใส่อกได้อีกต่อไป น้ำตาก็ไหลเอ่อล้นขอบตาจนหล่อนต้องรีบเช็ดมันออกไปอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศภายในงานแต่งที่แขกเหรื่อทุกคนร่วมกันอวยพรให้เขาและเธอมีความสุข แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่าจริงๆ แล้วผู้ชายที่แสร้งทำเป็นยิ้มอบอุ่นให้กับหล่อนนี้จะร้ายกาจราวกับอสูรร้าย
เพราะหลังจากที่ผู้ใหญ่ส่งตัวบ่าวสาวทั้งคู่เข้าหอแล้ว เธอและเขาก็ถูกทิ้งให้อยู่ในห้องหอที่จัดแต่งด้วยสีชมพูทั่วทั้งห้องตามลำพัง กลิ่นดอกกุหลาบหอมละมุนทำให้นทิชาอดเคลิ้มฝันถึงคืนวิวาห์อันแสนโรแมนติกไม่ได้ แต่สำหรับรัชชานนท์มันคงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเพียงไม่นานเขาก็เผยธาตุแท้ออกมา
คำพูดที่เต็มไปด้วยความขยะแขยงชิงชังระดมกันโพยพุ่งออกมาจากริมฝีปากหยักสวยสีสดของเขาไม่ขาดสาย และทุกคำพูดมันก็ทำให้หล่อนได้แต่ปล่อยน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวด
‘เธอจะต้องอุ้มท้องลูกของฉัน และเมื่อคลอดแล้วเธอก็ต้องไปจากชีวิตฉันกับลูกในทันที...’ น้ำเสียงกระด้างที่เต็มไปด้วยความรังเกียจของเขาในวันนั้นยังฝังใจไม่คลาย
‘และอย่าได้กลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก เพราะฉันเกลียดเธอ...!’
ลำคอตีบตันรวดร้าวเพราะน้ำตาที่นทิชาพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ หล่อนไม่เข้าใจเลยว่าแค่หล่อนติดหนี้เขาเพียงแค่สามแสน ทำไมรัชชานนท์ถึงได้ใจร้ายกับหล่อนมากนัก ทำไมถึงต้องเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกันมากมายขนาดนี้
ทั้งๆ ที่ตอนแรกที่เขาเอ่ยปากบอกว่าจะจัดงานแต่งงานให้นั้น หล่อนคิดว่าเขาเริ่มรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ผิดคาด เพราะนอกจากเขาจะตอกย้ำถึงจุดประสงค์ที่จัดงานแต่งแล้ว เขายังทำให้ความฝันของหล่อนที่มีเขาอยู่ในนั้นพังทลายลงอย่างไม่เหลือชิ้นดี
หล่อนโง่เองที่หลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ ปิดหูปิดตาไม่สนใจความจริงที่ชายหนุ่มแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังเวลาที่เผชิญหน้ากันว่ารังเกียจและขยะแขยงหล่อนเพียงไหน
นทิชายกหลังมือขึ้นป้ายน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมาจากดวงตากลมโตที่ตอนนี้ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำใสๆ ที่มันจะไหลออกมาพร้อมๆ กับความเสียใจเสมอด้วยความรวดร้าว ถึงเวลาแล้วที่หล่อนควรจะต่อต้านเขาเสียที หล่อนจะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้ผู้ชายที่ทั้งตาบอดและหัวใจบอดคนนี้ทำราวกับว่าหล่อนไม่มีหัวใจอีกแล้ว
หญิงสาวตลบผ้าม่านลงอย่างรวดเร็ว เมื่อรับรู้ถึงกระแสสายตาคมกล้าที่ถูกปิดบังด้วยแว่นตาสีดำแหงนเงยขึ้นมายังตำแหน่งที่หล่อนยืนอยู่ แม้เขาจะยังคงมองไม่เห็น แต่กระนั้นอิทธิพลจากเขาก็ทำให้หล่อนสั่นสะท้านได้อย่างง่ายดาย
ระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์หลังจากแต่งงาน หล่อนป่วยเป็นไข้ทับระดูทำให้รัชชานนท์ไม่ทวงสิทธิ์กับร่างกายของหล่อนได้ แต่วันนี้ประจำเดือนก็ได้หมดลงแล้ว และไอ้อาการตัวร้อนจากพิษไข้ก็ทุเลาลงจนแทบจะเรียกได้ว่าหายสนิทแล้ว เนื้อตัวสาวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
คืนนี้รัชชานนท์จะใช้สิทธิ์นั้นกับเรือนร่างของหล่อนไหมนะ...
แล้วถ้าเขาคิดจะใช้สิทธิ์นั้นจริงๆ หล่อนควรจะทำยังไงดี... หล่อนจะทำใจได้แค่ไหนกันกับการที่ต้องปล่อยให้ผู้ชายที่เกลียดหล่อนเต็มหัวใจทำลายสิ่งล้ำค่าของชีวิตผู้หญิง...
แต่หล่อนมีทางเลือกอย่างนั้นหรือ...
เงินจำนวนสามแสนบาทที่หล่อนขอยืมไปจากเขา โดยใช้เรือนร่างของหล่อนและการผลิตลูกให้เขาเป็นเครื่องรับประกัน เขาคงดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้สิ่งที่หวัง แต่สำหรับหล่อนมันคือฝันร้ายที่คงจะเฝ้าหลอกหลอนไปตลอดชีวิต จนกระทั่งบัดนี้หญิงสาวยังคิดไม่ออกเลยว่าตัวเองจะทิ้งลูกน้อยไว้กับผู้ชายที่เห็นหล่อนเป็นเพียงขยะข้างทางที่ซื้อหาได้ด้วยเงินได้อย่างไร
หล่อนจะใจร้ายถึงขั้นนั้นเลยหรือ... จะทอดทิ้งสายเลือดของตัวได้จริงๆ หรือ...
ยาคุมกำเนิด...!
ทางออกเพียงทางเดียวที่พระเจ้าประทานใส่มือมาให้ ใช่... หากหล่อนไม่ต้องการที่จะเจ็บปวดในอนาคตด้วยการที่ต้องระเห็จไปอยู่ในฐานะแม่ใจร้ายที่ทอดทิ้งลูกน้อยไว้กับพ่อใจยักษ์ล่ะก็ หล่อนก็จะต้องคุมกำเนิด และก็จะให้เขาล่วงรู้ไม่ได้...
และในระหว่างที่อยู่ด้วยกัน หล่อนก็จะต้องหางานทำ ต้องเก็บเงินมาใช้หนี้รัชชานนท์ให้ครบทั้งต้นและดอก เพื่อชีวิตของหล่อนจะได้หลุดพ้นจากเจ้าบ่าวอสูรอย่างเขาเสียที
“แม้มีนจะรักคุณ แต่มีนก็ยอมทำตามความต้องการของคุณไม่ได้ค่ะ คุณนนท์...”
เมื่อหลุดจากภวังค์สาวน้อยที่แสนจะอาภัพนักอย่างนทิชาก็พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง หัวใจปวดร้าวราวกับถูกกลุ่มเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง
“มีนยอมทิ้งลูกไว้กับคุณไม่ได้ มีนรู้ดีว่าคุณไม่มีทางรักแก พอๆ กับที่คุณไม่เคยรักมีน...”
ยิ่งคิดความเจ็บปวดร้าวลึกก็ทะลวงเข้าไปในหัวใจ หยาดน้ำตาใสๆ เอ่อคลอดวงตากลมโตหวานฉ่ำของหล่อนจนแทบจะมองฝ่าอากาศไปไม่เห็น หญิงสาวพยายามกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอไปอย่างยากลำบาก ก่อนที่จะรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อพยุงกายที่อ่อนล้าให้ลุกขึ้นยืน เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการที่จะต้องเผชิญหน้ากับอสูรร้ายอย่างรัชชานนท์
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ