เพราะ กณิศา ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี ชยธร จึงปันใจให้หญิงอื่น และเพราะเขาทรยศหักหลัง เธอจึงไม่อาจอภัยได้ ความรักที่เคยมั่นคงกลายเป็นความแค้น ชิงชังและการเอาคืน เธอกับเขาต่างห้ำหั่น เอาชนะกันและกัน แต่ทั้งคู่กลับเจ็บร้าวเมื่ออีกฝ่ายเจ็บปวดจากการกระทำของตน
ร่านดอกรัก
บทที่1
หญิงสาวร่างระหงในชุดสีดำแบบทันสมัยอุ้มเด็กน้อยวัยขวบเศษก้าวเข้ามาในศาลาที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ในระหว่างพระสงฆ์กำลังสวดพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์*
(*พระอภิธรรมนี้ถือเป็นหลักธรรมชั้นสูงในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงโปรดพุทธมารดา และเหล่าเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพียงครั้งเดียว นิยมสวดในงานศพ มี ๗ คัมภีร์ ประกอบด้วยบท พระสังคิณี พระวิภังค์ พระธาตุกถา พระปุคคลปัญญัตติ พระกถาวัตถุ พระยมก พระมหาปัฏฐาก) กลายเป็นจุดสนใจของคนในศาลาที่นั่งประณมมือรับฟังเสียงสวดมนต์อย่างสำรวม ทุกคนต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว และส่วนหนึ่งให้ความสนใจกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่หญิงสาวลากเข้ามาและเด็กน้อยที่อุ้มอยู่ในอ้อมแขน ก่อนหันไปพูดซุบซิบสลับกับปรายตาเหยียดหยามมองอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
หญิงสาวรับรู้ว่ามีสายตาหลายคู่มองตนอยู่ และรู้ด้วยว่ากำลังซุบซิบนินทาเรื่องอะไร แต่เธอไม่ใส่ใจดวงตาจดจ่ออยู่ที่โลงสีขาว ซึ่งวางอยู่ท่ามกลางแจกันดอกกุหลาบสีขาวสลับชมพูที่จัดวางอย่างสวยงาม ใกล้โลงสีขาวมีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของหญิงสาวในชุดราตรี ไม่ต่างจากภาพชุดที่ถ่ายสำหรับงานมงคลแต่อย่างใด
ใบหน้าผู้หญิงในภาพนั้นยิ้มแย้มอย่างสดใส ดวงตาสีเดียวกับเธอทอประกายแห่งความสุข ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แปลกแต่อย่างใดที่เจ้าสาวในภาพจะสดใสร่าเริงเช่นนี้ แต่มันกลับทำให้คนมองสลดหดหู่ใจ รูปพวกนี้สมควรวางไว้ให้คนชื่นชมที่ห้องจัดเลี้ยงในงานวิวาห์ หาใช่มาวางไว้ที่หน้าหีบศพในศาลาที่พระกำลังสวดอภิธรรมเคล้าเสียงร่ำไห้อย่างอาลัยอาวรณ์ของญาติมิตรที่ยังตัดใจไม่ขาดเช่นนี้
หน้าชุดรับรองสำหรับแขกผู้ใหญ่และเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม พรมผืนหนาปูทับเสื่อพลาสติกขนาดใหญ่ที่ทอเป็นผืนเดียว ลาดเต็มพื้นที่ว่างจากบริเวณที่วางหีบศพถึงยกพื้นที่ซึ่งพระภิกษุกำลังนั่งสวดพระอภิธรรมอยู่ บนพรมผืนหนาบรรดาญาติของผู้ล่วงลับนั่งประณมมือไหว้พระรับฟังบทสวดมนต์ บางคนกำลังซับน้ำตาที่ซึมออกมา หนึ่งในนั้นคือหญิงวัยกลางคนที่ดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้และกำลังได้รับการปลอบโยนจากญาติๆ ซึ่งเป็นผู้หญิงต่างวัยที่นั่งอยู่ด้วยกัน และทุกสายตาก็เหลียวไปที่ร่างซึ่งมาหยุดยืนมองรูปถ่ายหน้าหีบศพ
“แม่ก้อย” เสียงเรียกชื่ออย่างคาดไม่ถึงดังขึ้น แม้ไม่ดังจนกลบเสียงพระที่กำลังสวดอภิธรรม แต่เรียกให้สายตาหลายคู่เพ่งมองหญิงสาวเจ้าของชื่ออย่างเพ่งพิศมากขึ้น
ก่อนที่เสียงนินทาจะดังกลบเสียงพระสวดหญิงสาววัยใกล้เคียงกับคนที่ตกเป็นเป้าสายตาก็ยืนขึ้น เดินเข้าไปหากระชากแขนแล้วถามลอดไรฟัน
“นังก้อย ใครให้แกมา” หญิงสาวนามแจ่มจันทร์ถามเสียงเขียว ทั้งยังออกแรงลากเจ้าของชื่อ
คนถูกกระชากแขนจนเกือบเซ มองกลับสายตาแข็งกร้าว เธอกลัวว่าแรงกระชากของแจ่มจันทร์จะทำเด็กหญิงในมือร่วงตกลงพื้นได้จึงขืนตัวเอาไว้ วางกระเป๋าที่ลากมาแล้วผลักแจ่มจันทร์กลับพร้อมพูดเสียงลอดไรฟัน
“ปล่อยแขนฉัน”
“ไม่ปล่อย ออกไปจากศาลาเลยนังก้อย” แจ่มจันทร์ทำหน้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่ยอมปล่อยแขนหญิงสาวที่หวังอัปเปหิออกไปเสียจากงานศพ
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน แล้วปล่อยแขนฉันได้แล้วนะ” ก้อยหรือกณิศาก็ไม่ยอมเช่นกัน เมื่อแจ่มจันทร์ไม่ยอมฟังเสียงยังกระชากแขนทั้งที่เธออุ้มเด็กเอาไว้ในมือ เธอจึงผลักอีกครั้งด้วยแรงทั้งหมดจนแจ่มจันทร์ผงะไปข้างหลังแล้วล้มลงก้นกระแทกพื้นทันที
“โอ๊ย! อี...” แจ่มจันทร์ร้องโอดโอย ยกนิ้วชี้หน้าผรุสวาทด้วยความโกรธ แต่มีเสียงตวาดห้ามไว้
“หยุดเสียที นี่มันในวัดในวา พระก็กำลังสวดอยู่” หญิงวัยกลางคนใบหน้าซีดเซียวไร้การปรุงแต่งดวงตาแดงก่ำจากการร่ำไห้หันมาห้ามทั้งคู่ แม้เสียงปรามนั้นจะตะคอกแต่ไม่ได้ดังเกินไปเพราะแค่สองคนยื้อยุดกันก็เป็นเป้าสายตามากพอแล้ว จึงไม่อยากร่วมวงตกเป็นเหยื่อจากดวงตาอีกหลายๆ คู่ไปด้วย ก่อนที่นางจะหันไปหากณิศาที่มองมาอย่างสำนึกผิดและขออภัยอยู่ในที
“กลับไปคอยที่บ้านก่อน”
“แม่!” กณิศาพ้อเสียงละห้อย แต่ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกเมื่อเห็นแววตาแข็งกร้าวระคนตัดพ้อของนางสายบัวผู้เป็นมารดา หญิงสาวรีบยกมือไหว้ทั้งที่มีเด็กน้อยในอ้อมแขน อ้อนวอนเบาๆ
“ให้ก้อยจุดธูปบอกพี่เกดก่อนได้ไหมคะ”
“จะบอกอะไรล่ะ บอกว่าน้องชั่วๆ ที่มันหนีไปกับแฟนของพี่สาวตัวเองกลับมาแล้วนะหรือ” แจ่มจันทร์ได้ทีจึงพูดถากถางขึ้นอีกทั้งคำพูดและสายตา เพราะเจ็บใจที่ถูกกณิศาทำให้เจ็บตัวจนก้นระบบในเวลานี้ แต่เธอก็ถูกปรามเบาๆ จากมารดาตนเอง
“พอทีเถอะจันทร์” แล้วหันไปพูดกับกณิศา
“กลับไปคอยที่บ้านเถอะแม่ก้อย ให้นายชาติขับรถไปส่ง” นางสำรวยผู้มีศักดิ์เป็นน้าบอก ก่อนหันมองหาชายที่เอ่ยชื่อเพื่อจะให้ไปส่งกณิศาที่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดนี้เท่าใดนัก เมื่อไม่เห็นอยู่ในสายตาจึงหันไปสั่งบุตรสาวของตนเอง
“จันทร์ไปตามนายชาติมาซิ”
“ผมขับรถไปส่งเองครับ” เสียงทุ้มแทรกขึ้นจากด้านหลังของหญิงสาวที่กำลังถูกกีดกันออกไปให้พ้นจากบริเวณงานจนทุกคนหันไปมองพร้อมเพรียงกัน ชายเจ้าของคำพูดยิ้มบางๆ ให้ทุกสายตา ก่อนจะหันมาค้อมศีรษะให้กณิศา
“เชิญครับคุณก้อย” เขาเอ่ยชวนอย่างสนิทสนม แล้วหยิบกระเป๋าเดินทางของเธอมาถือเอาไว้ เพื่อไม่ให้เจ้าตัวปฏิเสธได้
กณิศามองชายหนุ่มแล้วหันกลับไปมองมารดา ที่ยังวางหน้านิ่งเหมือนไม่ไยดี ไม่เหมือนสำรวยและแจ่มจันทร์ที่ยังจับจ้องเธอและเด็กน้อยในอ้อมแขน ผู้เป็นน้าพยักหน้าสนับสนุน ส่วนแจ่มจันทร์ผู้เป็นลูกกลับแสยะมุมปากส่งสายตาเหยียดหยาม
กณิศาไม่สนใจคนทั้งคู่เท่ามารดาของตนเอง และรู้สึกเจ็บแปลบเมื่อนางสายบัวเมินหนี หันไปสนใจกับเสียงสวดพระอภิธรรมต่อ หญิงตัดสินใจเดินตามชายคนดังกล่าวไปเพราะขืนยืนอยู่ตรงนี้ต่อ นอกจากจะเป็นเป้าสายตานานขึ้นแล้ว หัวตาเธอก็เริ่มร้อนน้ำตาที่เกิดจากความน้อยใจมารดากำลังจะเอ่อคลอ แต่มิวายยังหันไปมองรูปถ่ายของกนกกรพี่สาวที่ล่วงลับอย่างสำนึกผิด ที่ตนยังไม่ได้มีโอกาสจุดธูปหน้าหีบศพเพื่อขออโหสิกรรมในสิ่งที่ผ่านๆ มา
สายตาหลายคู่เฝ้ามองจนกณิศาอุ้มเด็กน้อยออกไปนอกศาลา เดินตามชายหนุ่มไปที่ลานจอดรถ แล้วหันกลับมาซุบซิบพูดคุยจนบางคนตั้งหน้าตั้งตาพูดถึงเรื่องของหญิงสาว จนลืมไปว่าเวลาและสถานที่นี้พึงอยู่ในความสำรวม
“ถ้าเป็นลูกสาวฉัน จะตีให้หลังลายแล้วขังไว้ในห้องไม่ให้ออกมาร่าน หนีตามผู้ชายไปแบบนี้หรอก”
“หน้าไม่อาย ยังมีหน้ากลับมาอีกแถมกระเตงลูกมาด้วย เป็นฉันจะตะเพิดไปให้ไกลไม่ให้เหยียบเข้าบ้านหรอก ขายขี้หน้าจริงๆ”
“เด็กที่อุ้มมานะเหมือนจะเป็นผู้หญิงเสียด้วย คอยดูเถอะอีกหน่อยก็หัวกระไดไม่แห้ง ดอกทองเหมือนแม่มันนั่นแหละ”
“แอ้ม!”
เสียงกระแอมดังขึ้นด้านหลังวงนินทาจนทั้งหมดสะดุ้งโหยง หุบปากที่กำลังจะด่าว่าอย่างเมามัน แต่ไม่มีสักคนที่จะกล้าหันกลับไปมองว่าผู้ใดส่งเสียงขัดจังหวะขึ้น มือที่ประณมไว้แค่ระดับตักรีบยกขึ้น ก้มหน้าสำรวมประหนึ่งคนซาบซึ้งในรสพระธรรม แต่ยังมิวายชายตามองซึ่งกันและกันเป็นระยะๆ เหมือนจะมีสัญญาต่อกันว่าเรื่องที่พูดนั้นยังไม่จบไม่สิ้น ในขณะที่คนส่งเสียงขัดขึ้นด้วยความรำคาญนั้นหันไปมองตามร่างหญิงสาวที่ถูกนินทาอย่างเวทนา
ต่อไปแม้จะเสร็จสิ้นงานศพของกนกกรแล้ว แต่กณิศาจะต้องตกเหยื่อจากปากของชาวบ้านไปอีกนานทีเดียว
แม้ไม่มีแผ่นดิน หากแต่เรายังไม่สิ้นลมหายใจ ถึงสิ้นชาติหากแต่รักของเรามิได้สิ้นลง บราลี เป็นบอดี้การ์ดมือใหม่ ที่ทำงานพลาดจนถูกไล่ออกจากงาน ในวันเดียวกันนั้น บ้านของเธอก็ถูกไฟไหม้ แม่ถูกไฟคลอกบาดเจ็บ พ่อตกใจจนโรคหัวใจกำเริบ ต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก เมื่อเธอจะหันไปพึ่งแฟนหนุ่มที่รักกันมาหลายปี กลับพบเขากำลังคลุกวงในกับผู้ชายอีกคน!! เมื่อชีวิตมันบัดซบขนาดนี้ เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย ... และทำจริง!! แต่ไม่ตาย มีคนมาช่วยไว้ ... พอรอดตายก็มีคนยื่นข้อเสนอแปลกประหลาด ... ให้เธอไปเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้านาย แลกกับเงินมหาศาล และกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร บราลีกับเพื่อนร่วมงานอีกสองคน ก็ได้ข้ามเวลาย้อนอดีตไปซะแล้ว
เมื่อความรักที่มีมากเหลือล้น ไวกูณฐ์นั้นอยากแต่งงานเสียทันทีที่เดินทางกลับมาจากเรียนต่อ หากแต่ จิรัฐิติกาลกลับกลัวการใช้ชีวิตคู่จึงปฏิเสธไป แต่เพราะอุบัติเหตุที่บังเกิดขึ้นทำให้ไวกูณฐ์ตาบอด จิรัฐิติกาลจึงตัดสินใจแต่งงานกับเขาในทันทีเพื่อเป็นการรับผิดชอบ เพราะการแต่งงานที่ไม่พร้อมทำให้อุปสรรคแห่งรักนั้นมีมาให้พิสูจน์หัวใจกันเนืองๆ
เจ้าฟ้าหญิงจิรัฐิติกาลในคราบชายหนุ่มดูจะเกษมสำราญเป็นอันมากเมื่อได้ออกมาท่องโลกกว้าง แม้จะไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่บ้างที่มี 'ผู้คุม' เป็นไวกูณฐ์ ชายหนุ่มอ่อนแอ เจ้าหนอนหนังสือใส่แว่นลูกชายองครักษ์คนสนิทของพระบิดา แต่ถ้าไม่ยินยอมร่วมทางไปกับเขา เจ้าพ่อก็คงไม่ปล่อยออกจากกรงทอง เธอจำใจร่วมทางและสร้างความยุ่งยากเป็นภาระใหญ่หลวงให้เขา แต่ในคราเดียวกันความใกล้ชิด ความใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกพิเศษเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไร เมื่อเธอฝังใจว่าเขาไม่ใช่ "ชายจริง" นิยายภาคต่อของ ลิขิตรักบัลลังก์หัวใจ
เมื่อต้องเสียแผ่นดินจากการช่วงชิงของพระเจ้าอา ทรรศินากัลยามาส เจ้าฟ้าหญิงรัชทายาทแห่งมธุรรัฐจำต้องเสด็จหนีจากแผ่นดินเกิด แฝงกายเข้าไปในสิงขรรัฐ จากที่คิดจะปลอมตัวเป็นนางกำนัล กลับตกกระไดพลอยโจนถวายตัวเป็นสนมของเจ้าหลวงรัฐสิงห์สีหนาทในนามลูกของศัตรู!? รอจนถึงวันทวงบัลลังก์คืน กล้วยไม้ป่าแรกแย้มเพิ่งผลิรับฤดูฝน เจ้าหลวงเอื้อมไปหมายจะเด็ด ก็ถูกพระหัตถ์เล็กๆ ตีเผียะลงบนหลังมือ "ดอกไม้จะสวยงามที่สุดเมื่ออยู่กับต้นเพคะ" ดำรัสขึงขัง "แต่พี่จะเก็บให้เธอ" รับสั่งกลับอ่อนโยน "ท่าจะเด็ดดอกไม้แรกแย้มเสียจนเคย" เจ้าฟ้าหญิงประชดตรงๆ เจ้าหลวงยกพระหัตถ์ในท่าสาบาน "สาบาน ต่อไปพี่จะไม่เด็ดดอกไม้ ไม่ว่าดอกไหน จะรอดอกฟ้าตรงหน้านี้ดอกเดียวเท่านั้น"
เมื่อซากีน่าน้องสาวอันเป็นที่รักถูกฆ่าข่มขืน หลักฐานในมือคือแผ่นเงินฉลุลวดลายสวยงาม ซาห์ราจำได้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของของสิ่งนี้ การตามล้างแค้นจึงเกิดขึ้น ชีคฮาซัน บินญาบิร อัล บุสตานีย์ กลายเป็นเหยื่อความแค้นที่เขาไม่ได้ก่อ ถูกหล่อนทรมานต่างๆ นานาและต้องสูญเสียเมียสาวในคืนวันแต่งงานจากน้ำมือซาห์รา แต่เมื่อความจริงปรากฏว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริง ซาห์ราจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปให้แก่เขาด้วยชีวิต ตามกฏชีวิตแลกชีวิต แต่ชีคฮาซันกลับต้องการให้หลอนชดใช้ด้วย หัวใจ
เมื่อธิดาองค์น้อยเริ่มเติบโต ชีคกาเบรียนที่อยากให้ลูกรู้จักภาษาของแม่บังเกิดเกล้า จึงมองหาครูสอนภาษาชาวไทย แต่กลับได้ทโมนไพรไปแทน นางสาวกฤติกา หรือแม่ดาวลูกไก่ นอกจากสอนภาษาไทยให้ธิดาองค์น้อยของชีคแล้ว ยังสอนปีนต้นไม้กลายเป็นลิงเป็นค่าง จนพระนมของชีคเอือมระอา ทว่าท่าทางแก่นกะโหลกของดาวลูกไก่กลับจับใจต้องตาชีคกาเบรียนจนกลายเป็นความรัก แต่ปัญหาสงครามแบ่งแยกดินแดนในประเทศยังไม่สงบ เมื่อดาวลูกไก่ถูกจับตัวไปเพื่อต่อรอง แม้พระองค์ไม่อาจยกแผ่นดินเพื่อแลกกับผู้หญิงที่รักได้ แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนครั้งที่เสียสนมคนอื่นไป ทรงลอบออกจากวังเพื่อไปช่วยหญิงอันเป็นที่รักด้วยตนเอง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"