เธอจะทำอย่างไรเมื่อหัวใจแบ่งเป็นสองภาค จะอภัยเขาดีไหมที่เคยใจร้าย เอาเปรียบ ทำร้ายให้เธอร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง หลอกลวงว่าเธอเป็นคู่หม้ันทั้งที่เขามีคนในหัวใจอยู่แล้ว
เธอจะทำอย่างไรเมื่อหัวใจแบ่งเป็นสองภาค จะอภัยเขาดีไหมที่เคยใจร้าย เอาเปรียบ ทำร้ายให้เธอร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง หลอกลวงว่าเธอเป็นคู่หม้ันทั้งที่เขามีคนในหัวใจอยู่แล้ว
ผ่องรำไพลงจากรถเมล์ หญิงสาวเดินใจลอยใบหน้าซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางพองามเศร้าสร้อย เพราะใจคิดถึงพ่อที่กำลังป่วยหนัก ก่อนออกมาจากโรงพยาบาลพ่อนอนหน้าซีดคิดแล้วก็น้ำตาซึม ยกข้อมือปาดน้ำตาที่ไหลก็เห็นเวลาบนนาฬิกาที่ข้อมือ เกือบถึงเวลาที่นัดเจ้านายคนใหม่ไว้ก็เดินแกมวิ่งไปยังคอนโดหรูซึ่งอยู่ข้างหน้า ปาดเหงื่อที่ใบหน้าออกเมื่อถึงหน้าประตู ทาบมือที่หน้าอกครู่เดียว เดินตรงไปยังลิฟต์
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ประตูเพ้นท์เฮาส์หรูย่านธุรกิจของรองประธานบริษัท ศิววงศ์ษา เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ถูกเปิดออกเบาๆ คีย์การ์ดที่ได้มาแบบงงๆ นั้นหญิงสาวเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท รูปร่างทรงนาฬิกาทรายในชุดเรียบร้อยก้าวเข้าห้องกว้างขวางช้าๆ สูดลมหายใจลึกๆให้กำลังใจตนเอง
เวทิศ ศิววงศ์ อายุ 32 ปี สูง187 หน้าตาหล่อเหลาแบบลูกครึ่งเพราะเลือดมารดานั้นเป็นลูกผสม ไทย-ออสเตรีย -จีน
ลูกชายคนเดียวของเจ้าของค่ายละครชื่อดัง นิตยสารหลายปก เจ้าของธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทห้าดาวทั่วฟ้าเมืองไทย ชายหนุ่มมีดาราสาวสวยคู่ควงไม่ซ้ำหน้า โดยไม่ต้องเข้าหาพวกเธอทั้งหลาย เขามีพร้อมทั้งรูปสมบัติทรัพย์สมบัติ ชวนให้หลงใหลก็จริงแต่ชื่อเสียงดังกระฉ่อนในทางเสียหายเป็นการดีที่เธอคิดป้องกันสายตาตนไว้ก่อน เพราะมาที่นี่อาจเจอหนังสดกำลังแสดงอยู่ก็เป็นได้
สนใจเวทิศ ศิววงษ์ แอบมองเขาเหมือนได้ดูดาราทั่วๆ ไปดีอยู่แล้ว หญิงสาวเตือนตนเอง ฉากรักดุเดือดเกิดขึ้นเสมอในห้องนี้ แม้ฟังคนอื่นมาอีกทีก็ตามแต่เธอก็เชื่อว่ามันคือเรื่องจริง
ไปไหนนะ? เดินหลายก้าวสายตาเรียวเล็กมองหาเจ้าของห้อง พบเจอแต่เฟอร์นิเจอร์หรูหรา การตกแต่งห้องแสนเลิศหรู เพลิดเพลินสายตาจนเผลอเดินลูบๆ คลำๆ ผ่านไปหลายนาทีไม่เห็นใบหน้าครึมหนวดเครา ดวงตาสีสนิม รูปร่างสูงใหญ่ กล้ามโตที่สะกดสายตาตนเองได้เสมอ ผ่องรำไพก็ชะโงกเข้าไปด้านใน ไม่เห็นวี่แววอีกก็ชักโล่งใจที่ยังไม่ต้องพบเจ้านายโดยตรงคนใหม่ในวันนี้
บางทีอาจพาสาวไปออกศึก เฮ้ย ออกเดท ที่อื่นก็ได้ เลขาสาวผิวสีน้ำผึ้งหลับตาพ่นลมหายใจโล่งอก
“เป็นอะไร จะเป็นลมรึไง” เสียงทุ้มดังข้างหลัง
“คุณเวทิศ…อยู่เหรอค่ะ ขอโทษคะคิดว่าไม่อยู่” หญิงสาวตกใจหันหน้าไปมอง
“ ก็นี่ใช่ฉันไหมล่ะ เห็นเป็นคุณพ่อหรือไง หน้าตาฉันหล่อ หนุ่ม กว่าตั้งเยอะ” เจ้านายคนใหม่ตอบเสียงราบเรียบ นิ้วมือเรียวลูบคางบึกบึน ผ่องรำไพจ้องดวงตาสีสนิมไม่กระพริบ หน้าตาพลันแดงก่ำเห็นร่างใหญ่อยู่ชุดเสื้อคลุม โชว์หน้าอกกว้างไรขนสีน้ำตาล เธอเมินไปด้านอื่นเสีย
“เป็นเลขาคุณพ่อมาเกือบปีเป็นไงบ้าง “
เวทิศสำรวจร่างอ้อนแอ้น แต่งตัวค่อนข้างเชย… ทว่าการแต่งตัวถูกมองผ่านเพราะทรวดทรงเจ้าหล่อน แบบนี้นี่เองคุณพ่อถึงหวงนักหนา คุณแม่ถึงลมจับเกือบทุกวัน
นมโตยังกับหนังการ์ตูนโป๊ญี่ปุ่น ก้นงอนน่าตีชะมัดถึงร่างจะผอม
“มีอะไรหรือคะ” ผ่องรำไพจ้องใบหน้าคมคาย แม้จะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แต่อยากรู้ทำไมเขาต้องถามแบบนี้ ฟังทะแม่งหูจังเลย
เวทิศยักไหล่ ปล่อยมือข้างหนึ่งมาจับชุดโซฟาหลุยวิกตองค์ สายตาคมกริบยังอยู่ที่เดิม “ แค่อยากรู้เธอสมัครใจมาเป็นเลขาฉันหรือเปล่า เพราะตำแหน่งเลขาประธานใหญ่เงินเดือนดีกว่าเลขารองประธานอย่างฉัน”
ผ่องรำไพมองตามเจ้าของห้องที่เดินไปทรุดนั่งไขว้ขารอคำตอบ
“แต่ที่ดิฉันทราบท่านบอกว่าจะจ่ายเงินดิฉันด้วยอัตราเดิมนะคะ” ผ่องรำไพพยายามไม่มองเรียวขายาวที่โผล่พ้นเสื้อคลุม หญิงสาวบอกรายละเอียดที่เป็นประโยชน์ของตนแล้วลดเสียงเมื่อรู้ว่าดูน่าเกลียดเมื่อพูดเรื่องเงินก็น้ำเสียงเปลี่ยนไป แต่เรื่องจะยอมลดเงินเดือนคงเป็นไปไม่ได้ ค่าใช้จ่ายเธอแต่ละเดือนแทบไม่เหลืออยู่แล้ว
“ออ เหรอ” ร่างสูงของเวทิศลุกขึ้น ลูบผมสีน้ำตาลอมดำที่ปรกหน้าด้วยความเคยชิน ดวงตาวาววับฉายรังสีบางอย่างออกมาแวบเดียว เดินเข้าใกล้ร่างเล็ก ผ่องรำไพถอยห่าง
“หนีทำไมดูจากสีหน้า คำพูดที่ออกจากปากแสดงว่าต้องการเงินมาก… ถ้าต้องการ ก็ดูแลฉันให้ดี ให้ดีกว่าที่ดูแลคุณพ่อสิคุณเลขาคนเก่ง”
มือใหญ่ละจากเส้นผมรวบร่างเล็กเข้าอ้อมแขน มือทั้งสองรัดแน่น ผ่องรำไพไม่ดิ้นรนหนีเพราะกำลังช็อก… สายตาแหงนมองใบหน้าคมเข้ม จนมือใหญ่ล้วงเข้าบีบหน้าอกใหญ่ในตัวเสื้อ จึงได้สติ “กรี้ดด!” เธอยกสองมือตีอกกว้างพัลวัน มือปลาหมึกดูทนถึก ไม่เจ็บสักนิด แถมไม่ยอมปล่อยก็จิกเล็บยาวข่วนสู้สุดฤทธิ์ ต้องทำเจ้านายขวัญใจสาวๆ เสียโฉมก็ต้องทำล่ะคราวนี้
“อย่านะคุณ อย่าฉันมาเป็นเลขาคุณนะคะ”
“เลขา ใช่ฉันรู้ และพยศ ของเธอใหญ่ดีจริง แบบนี้ชอบนะแต่เสียใจด้วยฉันไม่กินของเหลือเดนจากคุณพ่อท่านหรอก” เวทิศผลักร่างบางจนล้มลงที่พื้น
“ ทำไมทำอย่างนี้” ผ่องรำไพตกใจน้ำตาซึม หัวใจสั่น
ริมฝีปากแดงของเวทิศยิ้มเหยียด นั่งยองลงข้างๆ ปลดเนคไทออกจากลำคอหญิงสาวด้วยความรวดเร็ว
“ทำอะไรคุณ อย่านะ ไม่ ไม่ ไม่นะคะ ดูหน้าฉันก่อน ฉันไม่ใช่ดารานางแบบในสังกัดคุณนะคะปล่อยฉันไปเถอะ” ผ่องรำไพตะลึงคิดว่าอาจโดนข่มเหงรู้ว่าไม้แข็งไม่ได้ผลก็ใช้ไม้อ่อนวอนขอด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร มือบางป่ายปัดมือใหญ่
“ไม่ต้องร้อง ไม่ทำอย่างว่าหรอกบอกแล้วไง แต่ทำอย่างอื่นที่สนุกๆ นิดหน่อยก็เท่านั้น” ฟันขาวเรียงเป็นระเบียบทำให้รอยยิ้มนั้นหล่อเหลาเหลือกินแต่ไม่นานมันก็เปลี่ยนไปเป็นยิ้มเยาะ เขากระซิบใกล้เรือนผมสีดำขลับหอมกรุ่น สูดหอมฟอดใหญ่ ผ่องรำไพเบิกตากว้าง… ไม่นะต้องไม่เป็นแบบนี้ เธอไม่เคยคิดต้องมาเสียสาวหรือโดนมัดกระทำชำเรา โดนทำร้ายร่างกาย หญิงสาวคิดไปต่างๆ นาๆ
กับผู้ชายเพล์บอยคนนี้ เธอคงมีค่าเพียงธุลีดินถ้าเขาได้เธอไปแล้ว…
ดาราสาว สวยเคยโดนเขี่ยทิ้งมานับไม่ถ้วน นับประสาอะไรกับผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ อย่างเธอ
“ฉันแข็งแรง และแน่นอนลีลาอย่าเปรียบกันเลยนะแต่เสียดายที่เธอคงไม่ได้ลิ้มชิมฉัน” เสียงทุ้มใกล้หูเล็ก จมูกโด่งคลอเคลียที่แก้มหอมกรุ่น มือเขายังอยู่ในตัวเสื้อ บีบขยี้อกอิ่มเธอ
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด