เมื่อมาเฟียโดนหยาม ปฏิบัติการป่วนจึงเริ่มขึ้น! เขาต้องเลี้ยงเด็กและตามล่าแม่เด็กที่ทิ้งลูกเอาไว้มารับผิดชอบ แต่พอเจอเธอ...ความโกรธกลับละลายหาย กลายเป็นต้องการเก็บพวกเธอไว้ทั้งสองคน ซันเซส...คุณพ่อกำมะลอมาเฟียขี้เก็ก ทายาทที่ต้องแบกรับภาระและความแค้นของคาร์ลอสมาหลายปี เดลล่า...เธอพาความหวังกลับมาให้เขาอีกครั้ง เมื่อมีผู้หญิงคนปริศนาพาตัวเธอมาทิ้งไว้หน้าคฤหาสน์ เขาจึงต้องตามล่าผู้หญิงคนนั้นมาเค้นเอาความจริงโดยด่วน แต่เมื่อเจอเธอ...เขากลับต้องรีบเปลี่ยนแผน ใช้คำสั่งหลอกให้ได้ใกล้ชิด จนเธอเผลอไปกับความเจ้าเล่ห์ของเขา สิตมน...คุณแม่กำมะลอ ขาหื่น เถียงคำไม่ตกฟาก เพราะ...เข้าใจผิดมาตลอดว่าเดลล่าเป็นลูกของเขากับเพื่อนรักของตัวเอง เมื่อต้องแบกรับภาระทำหน้าที่แม่แทนเพื่อน หญิงสาวจึงต้องหักห้ามใจ ท่องจนขึ้นใจ.... “นั่นสามีเพื่อน” แต่เขากลับยิ่งป้วนเปี้ยนไม่ห่างกาย สร้างความปั่นป่วนหัวใจไม่หยุดหย่อน ผู้ชายบ้าอะไรจะหื่นได้ทุกวินาที!
ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วอย่างแปลกใจ เขาตั้งใจเงี่ยหูฟังเมื่อรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเด็กร้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในคฤหาสน์ของเขา ที่นี่ไม่มีเด็ก หรือแม้เพียงสตรีที่อยู่ในคฤหาสน์ก็ไม่มี เขาไม่นิยมให้อิสตรีมาวุ่นวายกับพื้นที่และอาณาจักรส่วนตัวของเขา ยกเว้นสถานที่ที่เขาจัดไว้สำหรับพวกเธอ ซึ่งก็ไม่ใช่คฤหาสน์คาร์ลอสแห่งนี้
ซันเซส คาร์ลอส เป็นชายหนุ่มเจ้าของส่วนสูงหกฟุตครึ่ง ใบหน้า หล่อเหลาคมคาย ทว่าดวงตาสีมรกตเข้มของเขาแฝงความดุดันและน่ากลัว ภายในดวงตาไม่เคยมีประกายแห่งความสุขในช่วงห้าปีหลัง ทั้งใบหน้า ของเขาก็เรียบเฉยราวกับคนไร้ความรู้สึก
ซันเซสเป็นทายาทผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลคาร์ลอส เขาและซารีน่าน้องสาวไม่เคยชื่นชอบธุรกิจด้านมืดของบิดา เขาและเธอเลือกเรียนในสาขาที่ตนชื่นชอบ เมื่อเรียนจบชายหนุ่มก็หันมาจับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตนเอง ขณะนั้นซารีน่ายังเรียนอยู่เกรดหก ด้วยอายุที่ห่างกับพี่ชายมากกว่าหนึ่งรอบปี ทำให้ซันเซสกลายเป็นผู้ปกครองของซารีน่า โดยปริยาย เพราะบิดาของพวกเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งนั่งร่วมโต๊ะกับลูกในวันคริสต์มาส
ซันเซสเป็นวิศวกรหนุ่มไฟแรงที่ถูกจับตามอง เมื่อห้าปีก่อนเขากำลังนำพาบริษัทก้าวขึ้นมาในแถวหน้าด้วยวัยเพียงสามสิบต้นๆ ธุรกิจที่สวนทางกับธุรกิจมืดของบิดา หลายคนจับตาปรามาสเอาไว้ว่าบริษัทของเขาต้องมี อลอนโซ่ คาร์ลอสผู้เป็นบิดาคอยหนุนหลัง นั่นทำให้ชายหนุ่มยิ่งถอยห่าง จากบิดาและคาร์ลอส
ความคิดต่างกลายเป็นความห่างเหิน เขาไม่เคยรับรู้และไม่ต้องการจะรับรู้เรื่องราวของคาร์ลอส ปาร์ค จนกระทั่งบิดาของเขาถูกลอบสังหาร น้องสาวหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในคืนเดียวกันเมื่อห้าปีก่อน
วิศวกรหนุ่มนักบริหารต้องหวนกลับมาจับด้ามปืนล้างแค้นให้บิดาและตามหาน้องสาวอีกครั้ง ตำแหน่งผู้นำคาร์ลอส ประธานบริหารคาร์ลอส ปาร์คถูกส่งต่อมาที่เขาโดยปริยาย
ชายหนุ่มมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือใครบางคน แต่เขาก็ไม่สามารถ หาหลักฐานมาเอาผิดพวกนั้นได้จนกระทั่งถึงตอนนี้ พวกเขาไม่ทิ้งร่องรอย ให้เอาผิดได้เลย และเขาไม่อยากใช้กฎหมู่จัดการ
ห้าปีกับตำแหน่งผู้นำคาร์ลอสที่สร้างตัวขึ้นมาผงาดอีกครั้ง ความโหดเหี้ยมไม่เป็นรองผู้เป็นบิดา แต่คนที่ไม่มีกิจกรรมอื่นอย่างเขา กลับมีอำนาจทรงพลังมากกว่า อลอนโซ่ คาร์ลอสผู้เป็นบิดา แต่...
ห้าปีที่เขาตามหาน้องสาวแทบพลิกแผ่นดิน แต่ก็ไร้ร่องรอยของน้องสาวจนเขาทำใจยอมรับว่าเธออาจจะเสียชีวิตพร้อมกับบิดา หากแต่ยังไม่พบศพที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่นอน
ห้าปีกับการเกาะติดตระกูลคาซ่าและเธียร์ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลที่จะเอาผิดพวกเขา ช่วงเวลาโหดร้ายที่ทำให้ชายหนุ่มเกือบคลั่งอยู่หลายหน เพราะมันหมายถึงความสามารถและภาวะผู้นำของเขา มันเป็นปมด้อยเพียงข้อเดียว ที่ฝังอยู่ในใจของชายหนุ่ม เขาเป็นผู้นำที่ทุกคนยกย่องเชิดชู แต่เรื่องตามหาน้องสาว เขายังทำไม่สำเร็จจนปล่อยเวลายืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้ เขาจะทน เงยหน้ามองสมาชิกคาร์ลอสอย่างภาคภูมิใจได้อย่างไรกัน
เป้าหมายแรกที่เขายอมรับตำแหน่งเพราะต้องการปิดฉากล้างแค้นครั้งสุดท้าย ก่อนจะวางมือและหวนกลับไปใช้ชีวิตในแบบที่เขาชื่นชอบอีกครั้ง แต่เวลาก็ล่วงเลยมาถึงห้าปี
จนความเป็นตัวตนของเขาถูกตำแหน่งและหน้าที่ปัจจุบันกลืนเอาไว้ ความแข็งกร้าวปิดบังความอ่อนโยนที่เคยมี และแทบไม่มีใครได้เห็นรอยยิ้มของซันเซสอีกเลยหลังจากนั้น
“อุแว้ๆ” เสียงเด็กร้องไห้จ้าดังเข้ามาใกล้ในความรู้สึกของชายหนุ่ม หัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันและหันไปมองที่บานประตูอัตโนมัติ เพราะรู้ว่าต้นเสียงอยู่ภายนอกบานประตูบานนั้น ในจังหวะที่บานประตูห้องของเขาถูกเปิดออก
ชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่โค้งคำนับให้ผู้เป็นนาย ในมือของเขายังถือตะกร้าสานใบใหญ่ที่หุ้มเอาไว้ด้วยผ้าปักฉลุสีขาวคาดชมพู ในตะกร้าใบนั้นห่อหุ้มสิ่งมีชีวิตเอาไว้ และสิ่งมีชีวิตในตะกร้ายังร้องไห้จ้าไม่หยุด แต่กลับยิ่งแผดเสียงร้องหนักขึ้นเรื่อยๆ
“อะไร” คำถามกึ่งคำรามอย่างไม่พอใจเมื่อมีเสียงรบกวนโสตประสาท สายตาคมกริบของเขาหันไปจ้องมองใบหน้าบอดีการ์ดหนุ่มอย่างเอาเรื่อง
เสียงร้องของเด็กทำให้สีหน้าที่เคร่งขรึมของชายหนุ่มดุดันมากขึ้น ในชีวิตของเขาห่างไกลคำว่าเด็กทารกและเด็กมาเกือบยี่สิบปี เพราะเด็กคนสุดท้ายที่เขาสัมผัสคือซารีน่าน้องสาวของเขา ถ้าหากว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ อายุของเธอก็คงจะย่างเข้าปีที่ยี่สิบสามในเดือนหน้า เขาจำได้ว่าตอนซารีน่าเกิด เขากำลังโตเป็นหนุ่มวัยสิบห้า
“เด็กครับ” อดัมตอบกลับผู้เป็นเจ้านาย ขณะที่ยกตะกร้าชูขึ้นเล็กน้อยให้ซันเซสมองเห็นใบหน้าของหนูน้อยที่อยู่ในตะกร้า
“ฉันเห็นแล้วว่าเด็ก แต่ที่ถามคือเด็กมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เสียงของเขายังดุดันทรงพลัง บอกให้รู้ว่าเขากำลังไม่พอใจเป็นที่สุด
บอดีการ์ดหนุ่มโค้งคำนับเป็นการแสดงคำขอโทษก่อนรายงาน ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“จากกล้องวงจรปิด เด็กถูกผู้หญิงคนหนึ่งนำมาวางที่หน้าคฤหาสน์ พวกเราไปพบในตอนเช้ามืด”
“ใคร!” ชายหนุ่มถามขึ้นทันที เพียงประโยคสั้นๆ กระชับ แต่นั่นก็หมายถึงคำถามที่ต้องการคำตอบอย่างละเอียด ทุกประโยคคำถามที่หลุดออกมาจากปากผู้นำแห่งคาร์ลอส ต้องมีคำตอบและข้อมูลครบถ้วนเสมอ
“เธอปิดหน้าแต่งตัวมิดชิดจนเราไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร และเด็กคนนี้ร้องไห้จ้าไม่หยุดมาสามชั่วโมงแล้ว” อดัมตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงเล็กน้อย เพราะนั่นเป็นความผิดอย่างยิ่งยวดของพวกเขา
“ฉันควรจะควักลูกตาและตัดมือพวกนายทิ้งดีไหม ที่นี่คือคาร์ลอส แต่บอดีการ์ดของฉันกลับไม่รู้ว่ามีใครนำของมาวางไว้หน้าบ้าน ลองคิดย้อนกลับไปดู... ถ้านั่นเป็นระเบิดที่มีการทำลายล้างสูง พวกนายจะมี ลมหายใจอยู่ถึงตอนนี้หรือเปล่า” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวโกรธจัด
อดัมกับคาเธอร์โค้งศีรษะ “ขอประทานโทษครับบอส มันอยู่ในช่วงสลับเวรกันพอดี”
“ฉันถือว่านั่นคือคำแก้ตัว! ไล่ทุกคนที่อยู่ในเวรกะนั้นออกให้หมด” เขาคำรามเสียงกร้าว ดวงตาคู่คมดุดันมากกว่าเดิม มันจับจ้องไปที่ใบหน้า บอดีการ์ดหนุ่มสลับกันจนพวกเขาต้องหลบสายตาไปมองทางอื่น สองหนุ่มโค้งรับ แต่ก็ยังยืนนิ่งเฉยรอคำสั่งต่อ จนคนหงุดหงิดต้องถามขึ้นมาอีกรอบ
“แล้วฉันต้องเป็นคนจัดการเด็กคนนี้หรือไง จะทำยังไงก็ทำ และพาเด็กคนนี้ออกไปให้พ้นหน้าฉัน แก้วหูฉันจะระเบิดอยู่แล้ว” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว แววตาดุดันเหมือนกำลังโกรธจัดเต็มที่
“พวกผมก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงกับเด็กคนนี้ดี”
“ถ้าเรื่องแค่นี้พวกนายไม่รู้ ก็ไม่สมควรจะทำงานต่อไปเหมือนกัน” แววตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มจ้องมองที่ดวงตาของลูกน้องทีละคนสลับกัน ไฟความโกรธในดวงตาแทบจะเผาพวกเขาจนมอดไหม้
คาเธอร์ทำท่าอึกอัก ขณะที่อดัมก็ถือตะกร้าเด็กมือสั่นเพราะเกรงกลัวสายตาทรงพลังของเขา ส่วนคนที่อยู่ในตะกร้าก็ยิ่งแผดเสียงร้องดังขึ้นกว่าเดิม
“ผมรู้ว่าต้องส่งตัวเธอให้ทางการ พร้อมกับหลักฐานทั้งหมดที่เรามี” คาเธอร์บอก
“รู้อย่างนี้... แล้วพวกนายยังจะยืนเซ่ออยู่ทำไมอีก” เสียงคนโกรธยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
คาร์เธอและอดัมยืนถกเถียงเกี่ยงกันไปเถียงกันมาอยู่สักพัก จนคนเป็นนายเงยหน้ามองอย่างไม่สบอารมณ์อีกรอบ ในที่สุดคาเธอร์ก็ยอมเป็นหน่วยกล้าตาย ตัดสินใจนำของที่อยู่ในตะกร้าส่งให้คนเป็นนาย
“สิ่งนี้ทำให้พวกผมไม่สามารถตัดสินใจได้” เขาบอกพร้อมกับส่งสร้อยข้อมือเส้นเล็กที่ติดตัวสาวน้อยให้คนเป็นเจ้านาย แน่นอนว่าสิ่งนั้นทำให้หัวใจของซันเซสวูบไหวลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“เดลล่าอย่างนั้นเหรอ...” ชายหนุ่มรำพึงถึงชื่อที่สลักอยู่บนสร้อยข้อมือของสาวน้อย
เธอ...ถูกส่งตัวมาทดสอบถุงยางบริษัทของเขา แต่พลาดท้อง เขา...เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และไม่ยอมรับ และหาว่าเธอหน้าเงิน หญิงสาวต้องหอบลูกพิสูจน์ "เด็กคนนี้คือลูกของเขา" แต่ไม่คิดอยากได้พ่อเด็กหรอกนะแค่จะสวยให้หมามันน้ำลายหกเล่น ผัวที่ดีคือผัวใหม่เท่านั้น เธอทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอทำให้เพลย์บอยคลั่งไคล้แม่ลูกอ่อนจนโงหัวไม่ขึ้น และเธอก็ใจแข็งเหลือเกินกลับมาเถอะนะ *************************************** "ฉันท้อง!" "ท้องงั้นเหรอ! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ฉันใส่ถุงยางทุกครั้ง และฉันก็มั่นใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฉัน" ลีอาห์แค่นเสียงถาม มองมายาวีย์อย่างดูแคลน สุดท้ายการที่ผู้หญิงที่บอกว่าเกลียดเขาทุกวินาทีกลับมาขอพบด้วยประเด็นเหนือชั้นกว่าเดิม คงหนีไม่พ้น เงิน "หึ! มุกตื้นๆ แพทเทิร์นเดิมๆ ของผู้หญิงหากิน แค่เธออ้าปากฉันก็มองทะลุปรุโปร่ง คิดจะจับผู้ชายรวยง่ายๆ ฉันไม่ได้มีเขาอยู่บนหัวนะ แล้วก็ไม่ใช่พ่อพระที่จะยอมรับเด็กที่ไม่รู้ว่าเกิดจากสเปิร์มของใครมาเป็นลูกแน่นอน เล่นผิดคนแล้วล่ะ" "ฉันไม่เคยคิดจะให้คุณยอมรับ ลูกของฉันอยู่แล้ว ฉันเลี้ยงเองได้ ที่มาแค่จะมาบอกว่าฉันจะฟ้องบริษัทของคุณที่ผลิตถุงยางไม่ได้คุณภาพต่างหาก" "เธอจะบ้าหรือไง เธอมีหลักฐานอะไรมายืนยัน" ชายหนุ่มโกรธ มายาวีย์จ้องกลับอย่างท้าทาย "คอยดูความบ้าของฉันก็แล้วกัน มันจะเป็นตลกร้ายที่คุณจะจำฉันไม่มีวันลืมเลยทีเดียว" ปึก!! มายาวีย์โยนเอกสารลงที่โต๊ะทำงานของลีอาห์ "นี่เป็นผลตรวจการตั้งครรภ์ของฉัน รอผลตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไปเจอกันที่ศาล หรือคุณจะยอมรับว่าใช้ถุงยางอนามัยของบริษัทอื่นทำฉันท้องก็ได้นะ" ไปตามลุ้นกันต่อนะคะ สุดท้ายจะลงเอยแบบไหน แอบกระซิบว่าพระเอกครางเป็นหมาเลยค่ะ นางเอกใจเด็ดมากเลยทีเดียว
เขาเรียกว่าบริหารเสน่ห์ อย่าหาว่าหนูแรดนะคะ นะคะ" "แรดเงียบๆ แอบกินเนียนๆ แต่เซียนต้องหลบ" อันดา เจ้าของสโลแกน ‘ถ้าผู้ชายคิดจะมอมเหล้าแล้วลากเข้าโรงแรม ผู้ชายตายก่อนเพราะเปลือง’ เด็กวิศวะก่อสร้างสุดแสบ สายปาร์ตี้ และนักล่าแต้มบริหารเสน่ห์ อันดาถูกครอบครัวมั่นหมายให้กับผู้ชายคนหนึ่งตั้งแต่ลืมตาดูโลกวันแรก เธอเรียกคู่หมั้นว่าห่วงคล้องคอ โซ่ตรวนที่กักขังอิสระของเธอมาตลอดชีวิต เธอตั้งป้อมเกลียดเขา โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอยากเอาชนะหรือความรู้สึกจริงๆ กันแน่ ถึงแม้จะเผลอมีอะไรกับเขาในวันที่เธอเมาหนัก เธอก็สั่งให้เขาลืมเรื่องวันนั้น และห้ามตอกย้ำกับเธออีก เธอไม่แคร์กับเรื่องแค่นั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง…เขายอมหลีกทางให้เธอกับผู้ชายคนใหม่ วันนั้นเธอถึงได้รู้ความจริง ว่าเธอขาดผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ปฏิบัติการตามล่าเฮียเบิ้มกลับมาทำผัวจึงเกิดขึ้น…
เรื่องชุลมุนเกิดขึ้น เพราะเขาดันไปเผลอพลาดท่า มีอะไรกับนักศึกษาฝึกงานเสียนี่ แถมเจ้าหล่อนยังทำเมินต่อพรหมจารีที่สูญเสีย หล่อนทำให้เขาเสียเซลฟ์ขาดความมั่นใจอยู่หลายวัน จนเขาจะต้องค้นหาความจริง หล่อนมีดีอะไรกันแน่ ถึงทำให้เขาลุ่มหลงได้มากขนาดนี้ คีรติหวงความโสดขั้นสุด รอดมือแม่เสือสาวนักล่ามาหลายปี แต่ดันมาตกม้าตาย ติดกับดักนักศึกษาสาว โดนเด็กตกเข้าให้ หัวใจแพ้ลูกอ้อนอ่อนยวบ แต่ร่างกายกลับฟิตปึ๋งปั๋งซะนี่ "เอาสิ! อยากจับตรงไหนก็เชิญ" วิเวียน นักศึกษาฝึกงานทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ก่อสร้าง แต่เธอกลับถูกส่งไปดูแลห้องของเจ้านายในกรณีพิเศษ แต่ก็ทำปลาหายากราคาสูงลิบของเขาตายไป 9 ตัว เธอจึงต้องทำงานชดใช้เขาต่อหลังจากฝึกงาน บอสคีย์ ผู้ชายฮอตแห่งปี ควงสาวไม่ซ้ำหน้าแถมดีกรีแต่ละคนไม่ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมลงเอยกับใคร ประธานบริษัทที่แสนดุ เฮี๊ยบและโหดขั้นสุด ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเขาต้องสมบูรณ์เป๊ะทุกองศา
“รอยจูบ” ที่เธอมอบให้เขาเพราะความสะใจ แต่มันกลับกลายเป็นพันธนาการให้เธอดิ้นไม่หลุด เพลย์บอยร้ายอย่างเขาจะไม่ยอมให้ใครจูบฟรี!
สำหรับปราบ...เขาก็แค่สนุก แต่กลับผูกพันจนอยากกักตัวเธอไว้ สำหรับแป้งฝุ่น เธอแค่รอให้ข้ามคืน แค่กลับเป็นพันธนาการรั้งเธอไว้ชั่วชีวิต
หล่อนถูกหลอกให้มานอนอยู่บนเตียงนายหัวกริน และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการให้ แรกเริ่มจำยอม...ก่อเกิดรักจนตั้งท้อง...แต่ตัวจริงก็มาทวงคืน เขาเฉดหัวเธอออกจากบ้านพร้อมกับลูกในท้อง!!! นายหัวกริน เทวารักษ์ สมิธ(Smith) ผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงในสังคมเมือง แต่เขากลับต้องตกกระไดรับเมียบรรณาการที่มารดาส่งมาให้จากกรุงเทพอย่างไม่ทันตั้งตัว สาวแรกแย้มที่สามารถแย้มหัวใจด้านชาให้กลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง พลอยขวัญ เพียงเกตุ สาวสวยลูกกำพร้าที่ถูกกดทับด้วยหน้าที่คนรับใช้ แต่มีโอกาสได้เรียนจบปริญญาตรีแต่เธอก็ถูกศยามลกดขี่และล้ำเลิกบุญคุณตลอดเวลา จนเกิดจับพลัดจับพลูได้เดินแบบเฉิดฉายบนแคทวอร์ก สาเหตุของเรื่องราวทั้งหมด เมื่อพลอยขวัญต้องมานอนอยู่บนเตียงนายหัวหนุ่มเมืองใต้ และถูกเจ้าของเตียงยัดเยียดตำแหน่งเมียบรรณาการอย่างไม่ทันตั้งตัว แรกเริ่มจำยอม...ผ่านมารัก...ตัวจริงกลับมาทวงคืน และเธอต้องเลือก...ระหว่าง “กตัญญู” กับ “หัวใจ”
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"