
© 2018-now MeghaBook
1. สวยเก่งอย่างฉันไม่ง้อคุณหรอก
2. เจ้าสัวลึกลับกับเจ้าสาวบังเอิญ
6. สามีสุดที่ร้าย ภรรยาสุดที่รัก
ผู้เขียน: Amye Hochschild
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 คุณเคยชอบฉันสักนิดไหม
“ถิงหย่วน แกก็แต่งงานกับหยุยเอินมาสามปีแล้วนะ ควรคิดที่จะมีลูกได้แล้ว”
น้ำเสียงอันหนักแน่นของชายชราลอยออกมาจากห้องอ่านหนังสือที่ประตูเปิดไว้อยู่
คำพูดอันแสนเย็นชาของชายคนหนึ่งดังขึ้นตามมา “จะให้มีลูกกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักได้ยังไงกันครับ”
หยุยเอินกำลังจะเคาะประตูบอกพวกเขาว่าอาหารเย็นพร้อมแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอก็หยุดชะงักทันที ใบหน้าอันอ่อนโยนของเธอก็ซีดเผือดลง
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเริ่มหมดความอดทนลงเล็กน้อย “คุณปู่ครับ ผมจะพูดกับคุณปู่ให้ชัดเจนอีกรอบนะครับ ผมกับหยุยเอินมีลูกด้วยกันไม่ได้ คุณปู่ล้มเลิกความคิดพวกนี้ไปได้เลย”
“ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย!” ชายชราสบถออกมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เขาทิ้งแก้วใบหนึ่งลงกับพื้น พร้อมกับเสียงฝีเท้าของชายคนหนึ่งที่เดินออกไป
หยุยเอินรีบไปซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำที่อยู่ข้าง ๆ เพราะว่าเธอตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เอวของเธอจึงถูกขอบแหลม ๆ ของอ่างล้างมือบาดเข้าอย่างแรง
บาดแผลนั้นเจ็บลึกไปทั่วทั้งตัว แผ่ขยายไปจนถึงในหัวใจเลยทีเดียว เธอเจ็บปวดมากจนน้ำตาเอ่อล้นไปท้วมดวงตา
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอได้รับแจ้งใบรับรองการตั้งครรภ์ใบหนึ่งในโทรศัพท์ ซึ่งคนที่ส่งมาคือ เซิ่นเหยา นางฟ้าที่สามีของเธอฝู้ถิงหย่วนกำลังหลงใหลอยู่
ส่งมาพร้อมกับคำพูดเสียดสีของเซิ่นเหยาด้วย……
“หยุยเอิน เธอแต่งงานกับถิงหย่วนมาสามปีแล้ว แต่เขาไม่เคยรักเธอเลย เธอนี่ช่างล้มเหลวเสียจริงนะ”
ผู้เขียน: Roana Javier
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 จับชู้
“ฉันยอมเป็นของคุณแล้วนะคะ คุณยังไม่ยอมเลิกกับชูจี้อีกเหรอ?” เสี่ยงออดอ้อนของเธอ ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย เธอนั่งคร่อมอยู่บนตัวชายหนุ่มด้วยสภาพเปลือยครึ่งท่อน
“อยู่บนเตียง อย่าพูดถึงเรื่องนี้ได้ไหม?” ผู้ชายคนนั้นกำลังคึก เขาบีบคลึงหน้าอกของเธออย่างแรง
พอไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ผู้หญิงคนนั้นก็ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก “ฉันจะพูด ก็แค่เด็กเก็บมาเลี้ยง สถานะของเธอยังเทียบไม่ได้กับหมาตัวหนึ่งเลย เธอมีอะไรดีนักหนาฮะ?”
ผู้ชายคนนั้นไม่พูดอะไร แต่กดเอวของผู้หญิงคนนั้นไว้ แล้วกระแทกเข้าออกอย่างแรงจนเธอครางออกมาไม่หยุด
ชูจี้ยืนอยู่หน้าประตู ใบหน้าที่งดงามของเธอดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินเสียงที่ลอดออกมาจากในห้อง ดวงตาของเธอก็ลุกวาว
เธอเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล
สามเดือนก่อน ยายซุนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กป่วยเป็นโรคตับแข็งระยะสุดท้าย ตอนนี้ยายซุนต้องเปลี่ยนตับซึ่งจำเป็นต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมาก
เสียงฝนตกพร่ำ ๆ ดังมาจากนอกบ้าน ตอนนี้น้องสาวของเธอกำลังมีอะไรกับแฟนของเธออยู่
“ฉันไม่สน! คืนนี้คุณต้องบอกมาว่าคุณเลือกนังนั่น หรือเลือกฉัน” ชูเสวขมวดคิ้ว พลางทุบหน้าอกของจือหยวนอย่างร้อนใจ เพื่อต้องการคำตอบ
ชูจี้เตะประตูเข้าไปข้างใน พลางจ้องไปที่ชายชั่ว และหญิงสารเลวตรงหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มีอะไรให้ต้องถามอีกงั้นเหรอ แค่ผู้ชายคนเดียว ถ้าชอบฉันจะยกให้”
ผู้เขียน: จ้าวฮุ่ยอิง
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 บทนำ
จวนขนาดใหญ่ตั้งสูงตระหง่าน มีพื้นที่กว้างขวางนับพันหมู่ ภายในเต็มไปด้วยชีวิตของผู้คนนับหลายร้อยชีวิต มีทั้งชายหญิงเด็กและคนชรา เรือนขนาดใหญ่มากมายถูกสร้างขึ้นด้วยช่างฝีมือจำนวนนับหลายร้อยชีวิตจนสามารถเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่พำนักของผู้เป็นเจ้าของจวน ได้อย่างงดงามเป็นยิ่งนัก
ภายนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมายต่างทยอยเข้ามาแสดงความยินดีกับผู้เป็นเจ้าของจวน ส่วนพื้นที่ภายในคับคั่งไปด้วยผู้คนที่เดินทางมาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดีกันอย่างถ้วนหน้า กับข่าวที่แพร่กระจายไปทั่วเมือง อันเป็นเมืองท่าสำคัญทางเศรษฐกิจซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทางสายไหมของทะเล ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าเมืองอูเจี๋ยน นามว่าหยางผิง
เสียงผู้คนมากมายส่งเสียงเอ็ดอึงเข้ามาถึงภายในเรือนส่วนตัวของหญิงสาวนางหนึ่ง ซึ่งมีฐานะเป็นบุตรีคนรองของผู้เป็นเจ้าของจวน ใบหน้าขาวนวลเนียนเป็นยองใยสะท้อนอยู่บนกระจกสัมฤทธิ์ทรงกลม ยิ่งทำให้แลดูเงาที่กำลังสะท้อนอยู่ในขณะนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เส้นผมสีดำสนิทยาวสลวยกำลังถูกมือเรียวบางของสตรีผิวพรรณในวัยสาวแรกแย้มซึ่งอยู่ในวัยออกเรือนเช่นเดียวกัน มือนั้นค่อยๆ ยกเส้นผมดำขลับขึ้นมันเป็นแวววาว ก่อนจะบรรจงใช้หวีแปรงผมสีดำสนิทอย่างเบามือ พลางติดเครื่องประดับผม
จำพวกหยกสูงค่าสลักลวดลายงดงามหลากหลายรูปทรงลงบนเรือนผมสวยที่ถูกเกล้าขึ้นสูงอย่างสวยงาม ติดตามด้วยรอยแย้มเยือนปรากฏอยู่บนดวงหน้างาม
“น้องพี่งดงามจริงๆ สมแล้วที่ท่านพ่อเลือกเจ้าให้เข้าพิธีอภิเษกกับองค์ไทจื่อ”เสียงนั้นพูดออกมาแม้ว่าจะฟังแล้วแลดูน้ำเสียงเรียบเฉยก็ตามที หากแต่แฝงเร้นแรงริษยาเอาไว้อย่างรุนแรง
ผู้เขียน: ซีไซต์
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 ดาราเจ้าบทบาท
ประตูตำหนักเย็นถูกปิดมิดชิด อดีตฮองเฮาสกุลหลิวกำลังนอนเกลือกกลิ้งด้วยความทรมานบนพื้นอันเย็นเยียบหลังได้รับพระราชทานยาพิษจากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของตนเอง
เบื้องหน้าคือบุรุษผู้หนึ่งใบหน้าคมคายหล่อเหลาอยู่ในอาภรณ์สีทองสูงส่งสง่างาม รอบกายคล้ายจะมีรัศมีบางอย่างแผ่กระจายออกมาดูเยือกเย็นน่ากลัวยิ่งนัก ทว่าบัดนี้เขาผู้นั้นกำลังมองนางด้วยสายตารังเกียจทั้งอำมหิต
หลิวฉูฉู่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นเปล่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดูน่าเวทนา ทว่ากลับไม่มีผู้ใดสนใจเสียงร้องนั้นเลยแม้แต่น้อย นางค่อย ๆ ขยับร่างกายเข้าหาเขาผู้นั้นอย่างช้า ๆ อีกเพียงนิดเดียวนิ้วมือเรียวก็จะสัมผัสรองเท้าของเขาอยู่แล้ว ทว่าคนผู้นั้นกลับขยับกายห่างไม่ยอมให้นางได้แตะต้องตัวเขาเลยแม้แต่น้อย
"ฝะ ฝ่าบาท มะ หม่อมฉัน ทรมานเหลือเกิน"
ดวงตาของหลิวฉูฉู่แทบจะหลุดออกมาจากเบ้า เมื่อความทรมานนั้นถึงที่สุด โลหิตสด ๆ ไหลออกมาจากปากของนางเป็นสายกระทั่งคำที่จะเอื้อนเอ่ยยังไม่อาจพูดได้มีเพียงเสียงแหบแห้งที่หลุดออกมา ยังมีสายตาเย็นชาของคนผู้นั้นที่เฝ้ามองการตายของนางด้วยความรู้สึกสาแก่ใจ
"เจ้ากล้าวางยารัชทายาททั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นผู้ชุบเลี้ยงเขามากับมือตนเอง เขาอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น หลิวฉูฉู่การตายของเจ้าครานี้ยังน้อยไปนัก สกุลหลิวเลี้ยงบุตรีให้เป็นคนต่ำช้าเลวทราม ต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตร บิดามารดา ข้าก็ไม่ละเว้นแม้แต่ผู้เดียว"
เสียงกรีดร้องโหยหวนพลันดังขึ้นในขณะที่ร่างสูงค่อย ๆ สะบัดผ้าเดินออกจากตำหนักเย็นไป หลิวฉูฉู่ดวงตาเบิกค้างไม่อาจทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ลมหายใจพลันขาดสะบั้นก่อนตายเจ็บปวดทรมานทั้งกายและใจสาสมกับความผิดที่นางได้ก่อเอาไว้
ความเงียบเข้าปกคลุมแสงตะเกียงรำไรสาดส่องร่างกายเล็กในอาภรณ์ขาว ทว่าแปดเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต ปิดฉากชีวิตฮองเฮาผู้เคยมีอำนาจสูงสุดในวังหลัง ไร้คนเหลียวแล สิ้นวาสนากระทั่งชีวิตบัดนี้ยังไม่อาจรักษาเอาไว้ได้.....
ผู้เขียน: วีณา กางมุ้งคอย
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 สุดที่รัก
ในห้องนอนที่ใหญ่กว้าง มีเสียงโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงที่ประณีต ดังอย่างไม่ยอมหยุด ทำให้ นรีรัตน์ ทวีศักด์สกุล รำคาญจนทนไม่ได้
เธอพยายามคว้าผ้าปูที่นอนที่ทับอยู่ใต้ร่าง ขณะที่เธอตะคอกชายที่อยู่ข้างเธอ “ชยุด คุณ–” ก่อนที่เธอจะพูดจบ ชายคนนั้นก็ทำให้เธอครางด้วยความอิ่มเอม
เธอยังไม่ทันได้พูดจบเลย ผู้ชายคนนั้นก็ทำให้เสียงโทษของเธอกลายเป็นการหายใจหืด ๆ แทน
ร่างของเธออ่อนระทวยราวกับขี้ผึ้งลนไฟ เมื่ออยู่ภายใต้ร่างของเขา
ชายคนนั้นค่อย ๆ เขยิบตัวออกจากร่างของนรีรัตน์ เขาบิดขี้เกียจก่อนยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างโต๊ะ
“ที่รัก เดี๋ยวพี่ลงมาหาจ้ะ “ตัวเองรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วใช่มั้ยจ้ะ” เขาชงักไปชั่วครู่ก่อนผงกศีรษะ “งั้นพี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนค่อยลงไปนะ รักนะ”
ผู้ชายที่อยู่ข้างเธอสูงชะลูด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ มัดกล้ามของเขาช่างยั่วยวนและเซ็กซี่ โดยเฉพาะตอนที่เหงื่อไหลลู่ไปตามผิวอันเงางามของเขา ดวงตาของเขานั้นดูแสนจะอบอุ่นและเป็นมิตร เต็มไปด้วยความเสน่ห์และความเอาใจใส่
แต่นรีรัตน์รู้ดีว่า ความรู้สึกนั้นเขาไม่ได้จะมอบให้เธอ
ความอ่อนโยนของเขา มีคนๆ เดียวเท่านั้นที่ได้จับจองเป็นเจ้าของ
เมื่อได้ยินเสียงอันนุ่มนวล เธอถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
นรีรัตน์หยิบผ้าห่มที่ร่วงลงบนพื้นขึ้นมาห่อตัวอย่างเย็นชาขณะที่ชยุดก้าวเท้าไปอาบน้ำ
ประตูห้องน้ำเปิดอยู่ และส่งเสียงน้ำ“หัวๆ” ออกมา
เธอกวาดสายตามองไปรอบห้อง ของตกแต่งทุกชิ้นนำเข้ามาจากประเทศ D เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เป็นของหรูทั้งนั้น
นี่เป็นห้องนอนห้องหนึ่งของวิลล่าตระกูลเกียรติโรจนปรีชา แต่สำหรับนรีรัตน์แล้วมันไม่ต่างไปจากพวกโรงแรมห้าดาวที่เธอเคยพักเลยแม้แต่น้อย
ผู้เขียน: Leonora
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 ฉันไม่เสียใจ
“ครั้งแรกเหรอ?”
ลมหายใจของชายแปลกหน้าดังก้องอยู่ข้างหูเธอ หลินซินเหยียนตัวสั่นเทา ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง
“ผ่อนคลายหน่อยสิ ฉันกลัวทำเธอเจ็บ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
หลินซินเหยียนยังไม่ทันได้ตอบ ชายหนุ่มก็ใช้มือช้อนคางเธอขึ้นมารับจูบจากเขา
โอ๊ยเจ็บ!
ความเจ็บปวดที่ราวกับถูกฉีกทึ้งทำให้ในหัวเธอมีแต่ความว่างเปล่าไปในชั่วขณะ
พอหลังเที่ยงคืน ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ หลินซินเหยียนกัดฟันรีบพาร่างที่เจ็บปวดของเธอออกจากห้องไป
ในค่ำคืนที่เงียบงัน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอย่างฉับพลันทำให้จิตใจของเธอรู้สึกว้าวุ่นกระวนกระวายใจ
หลินซินเหยียนมองโทรศัพท์แค่แวบเดียวก็รีบมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาลทันที
“คุณหมอคะ รีบช่วยแม่กับน้องชายฉันด้วยนะคะ…” หลินซินเหยียนเซ็นชื่อด้วยมือที่สั่นเทิ้ม แล้วยื่นเอกสารส่งให้หมอ
หมอมองไปที่เธอพลางพูดว่า “ขอโทษด้วยครับ น้องชายคุณได้จากไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ!”
มันเหมือนราวกับฟ้าผ่าลงกลางศีรษะของหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น
เมื่อแปดปีก่อน เธออายุได้สิบขวบ พ่อของเธอนอกใจแม่ของเธอ เขาได้ส่งแม่ที่กำลังตั้งท้องและตัวเธอไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคย
หลังจากน้องชายเธอคลอดและอายุได้ 3 ขวบก็ตรวจพบว่าเป็นออทิสติก เธอกับแม่จึงต้องวิ่งรอกรับจ้างทำงานไปทั่ว ถึงมีชีวิตรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ ทว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้ กลับทำให้ครอบครัวเธอเหมือนถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด
ผู้เขียน: เกาะครีต
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 พายุใหญ่กำลังจะมา
ภายในจวนอ๋อง มู่หว่านซีพยุงท้องโตโย้ของตัวเองพลางถามสาวใช้ข้างกาย “มีข่าวคราวของจวิ้นอ๋องบ้างหรือไม่?”
“พระชายาเพคะ จวิ้นอ๋องได้กำชับเอาไว้แล้วว่า ให้พระชายาอยู่ที่เรือนดูแลครรภ์อย่างสบายใจ แล้วจวิ้นอ๋องจะจัดการเรื่องที่จวนฉินกั๋วกงอย่างสุดความสามารถ” สาวใช้นามว่าซิ่วเหอเหลือบมองมือตัวเองที่ถูกมู่หว่านซีจับไว้แน่นจนเริ่มขาวซีด นัยน์ตาก็ฉายแววไม่พอใจ จากนั้นก็พลันสะบัดมืออก มู่หว่านซีไม่ทันระวังจึงเกือบจะล้มลงไป
“พระชายาระวังเพคะ” ซิ่วเหอเอื้อมมือไปประคองมู่หว่านซี ทว่าแววตานางกลับเผยแววกำเริบเสิบสาน พ้นวันนี้ไปเจ้าก็หาใช่พระชายาจวิ้นอ๋องแล้ว ส่วนนางเองก็จะไม่ใช้สาวใช้อีกต่อไปแล้ว หากแต่จะกลายเป็นอนุของจวนอ๋องแห่งนี้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซิ่วเหอก็ยิ้มจนหน้าบาน เมื่อคิดถึงวันข้างหน้าที่สดใสของตัวเองแล้วก็พลันรู้สึกว่า สิ่งที่นางทุ่มเททำไปตลอดหลายปีมานี้ช่างคุ้มค่านัก
“ซิ่วเหอ แล้วชิงจู๋เล่า? เหตุใดสองวันมานี้ถึงไม่เห็นนางเลย?” มู่หว่านซีถามด้วยความสงสัย นางให้ชิงจู๋ไปสืบข่าวคราว ทว่าจนกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าท่านตาจะเป็นอย่างไรบ้าง ไม่รู้ว่าจวิ้นอ๋องจะทูลขอพระราชโองการมาได้หรือไม่ แล้วจะช่วยคนทั้งตระกูลของท่านตาไว้ได้หรือไม่?
“พี่ชิงจู๋ต้องไปช่วยงาน วันนี้ก็น่าจะกลับมาแล้วเพคะ” ซิ่วเหอยิ้มอย่างร้ายกาจ “ไม่รู้ว่าจวนฉินกั๋วกงจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เพื่อสกุลฉินแล้วจวิ้นอ๋องของเราต้องวิ่งวุ่นไปทั่ว ลำบากจวิ้นอ๋องแล้ว”
“ลำบากท่านพี่แล้วจริง ๆ ” มู่หว่านซีค่อย ๆ นั่งลง ซ่งอิงเจี๋ยเป็นสามีของนาง ทั้งยังเป็นบุตรชายคนโตของเรือนเล็กของซ่งฉินอ๋อง แม้เขาจะเป็นจวิ้นอ๋องที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง แต่มียศถาบรรดาศักดิ์เพียงแค่ในนามเท่านั้น ซ่งอิงเจี๋ยมีผลงาน มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่างทุกวันนี้ได้ มู่หว่านซีเองก็มีส่วนช่วยเขาอยู่ไม่น้อย
ผู้เขียน: ดอกอ้อลู่ลม
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 2 การกลับมา
สวัสดีค่ะฉันชื่อว่าเรนเดียร์พ่อกับแม่มักจะเรียกสั้นๆ ว่าเรนส่วนเพื่อนๆ จะเรียกว่าเดียร์แต่ฉันก็ยังมีชื่ออีกชื่อนึงนะคะแต่ชื่อนี้จะมีแค่คนเดียวที่เรียกแต่ตอนนี้ฉันไม่ได้ยินชื่อนั้นอีกแล้วล่ะเพราะอะไรน่ะเหรออ่านไปก็จะรู้เองค่ะฉันไม่อยากสาธยายเพราะมันเหมือนเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดของตัวเอง
ตอนนี้ฉันมาอยู่ที่งานเลี้ยงรุ่น งานที่รวบรวมเพื่อนๆ ทุกคนที่บางคนก็ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบหรือบางคนอาจจะยังเจอกันอยู่ ส่วนฉันตั้งแต่เรียนจบไปสามปีฉันไม่ได้เจอใครเลยค่ะเพราะหลังจากเรียนจบฉันก็ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านของตัวเองที่ต่างจังหวัด
"เฮ้ยัยเดียร์ทางนี้โว๊ยยยยย!!! " เสียงเรียกชื่อของฉันที่ดังแข่งกับเสียงดนตรีทำให้ฉันหันไปมองหาว่าใคร ปรากฏว่าเป็นยัยอิมเพื่อนสนิทของฉันเองค่ะที่มันกำลังตะโกนเรียกจนทำให้คนอื่นๆ หันมามองจนฉันต้องรีบก้มหน้าแล้วเดินไปหามันที่โต๊ะ ยัยอิมชื่อเต็มๆ ก็คืออิมเมจและที่ฉันกับมันไม่ได้เจอกันก็เพราะหลังจากเรียนจบพ่อแม่มันก็ส่งมันไปเรียนต่อต่างประเทศทันทีทำให้ฉันกับมันไม่ได้เจอหน้ากันเลยมีแค่โทรคุยกันเท่านั้น
"ไม่ได้เจอแกตั้งหลายปีโคตรคิดถึงเลยว่ะ" มันพุ่งเข้ามากอดฉันจนฉันแทบหงายหลังคือตอนนี้มันคงจะเมาแล้วล่ะเพราะดูจากแก้วเครื่องดื่มที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
"อื้มมมฉันก็คิดถึงแกเหมือนกันว่าแต่ทำไมแกเมาเร็วขนาดนี้ล่ะงานเพิ่งเริ่มไม่ใช่เหรอ"
"ก็มันไม่มีอะไรทำนี่หว่าแกก็มาช้าฉันไม่อยากคุยกับใครก็เลยสั่งเครื่องดื่มมาดื่ม" มันยกแก้วเหล้าขึ้นมาโชว์ก่อนจะกระดกเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว
"เป็นความผิดฉัน?? " ฉันใช้นิ้วชี้มาที่ตัวเองเพราะยัยอิมมันโทษฉันว่าฉันมาสาย แต่ฉันก็มาสายจริงๆ เพราะฉันนั่งเครื่องจากเชียงใหม่เพิ่งจะถึงกรุงเทพได้ไม่กี่ชั่วโมงนี้เองแล้วไหนจะต้องหาโรงแรมที่พักอีกเพราะที่นี่ฉันไม่มีบ้านเมื่อก่อนตอนเรียนที่นี่ฉันก็เช่าหออยู่มาตลอดและไหนจะรถติดอีกคือกรุงเทพรถติดยังไงก็ยังติดอยู่อย่างนั้นคือฉันผิดเองแล่ะที่กะเวลาผิดเพราะเคยชินกับการเดินทางที่สะดวกสบายรถไม่ติดของบ้านเกิดตัวเอง
ผู้เขียน: อัญญาณี
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1
เครื่องบินเจ็ทส่วนตัวราคาเกือบหนึ่งพันล้านบาทกำลังลอยตัวอยู่บนฟากฟ้า จุดหมายปลายทางคือประเทศไทย ภายในตกแต่งอย่างเลิศหรูตามราคา ล้วนแล้วแต่เป็นของแบรนด์เนม ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายเต็มที่ เพราะมีแอร์โฮสเตสที่จ้างมาเฉพาะคอยบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มตลอดการเดินทาง
ปรินดาสาวชาวไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษหนึ่งปี อีกสองปีเธอจมอยู่ในกรงทองล้อมกรอบด้วยหนามแหลมคมของมาเฟียหนุ่ม ฌอร์น โทแลตโต้ เดอมาร์ชี ในมิลานประเทศอิตาลี หลายคนอาจมองว่าเธอสุขสบายอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ อยู่ดีกินดี มีเงินใช้ไม่ขาดมือ ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับตรงกันข้าม ความรู้สึกหนึ่งที่เธอได้รับเรื่อยมากตั้งแต่วันแรกที่อยู่ในเอื้อมมือฌอร์น ลากยาวมาจนถึงปัจจุบันคือ ความเจ็บปวดที่ไม่อาจเปล่งเสียงร้องขอหรืออ้อนวอนให้เขาหยุดการกระทำนี้ได้ เพราะความรุนแรงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“โอ้ว...โคตรมันเลย...อา...กระแทกใครไม่มันเท่านี้เลย...โอ้” ฌอร์นเป็นบุรุษที่มีพลังทางเพศล้นเหลือ เขาสาดพลังความใคร่ใส่ร่างเล็กแบบไม่ออมมือ ไม่ออมแรง หมัดกล้ามทุกสัดส่วนแน่นตึงจากความปรารถนา ทุกท่วงท่ามากกว่าเข้าสุดออกสุด เปรียบเสมือนการระบายอารมณ์ใส่ร่างปรินดามากกว่า “เพี้ยะๆ...โอ้ว”
มือหนักๆ ตีลงไปบนแก้มก้นปรินดา ความแรงทำให้เกิดรอยฝ่ามือ แล้วยังมีรอยมือก่อนหน้านี้จากการบีบเคล้นอีกหลายรอย เหมือนไม่หนำใจ ก้นขาวๆ ทั้งสองข้างถูกมือใหญ่ขยำแรงๆ พร้อมกัน ขณะแก่นกายใหญ่สอดประสานไม่หยุดพัก ทุกจังหวะคือความเร็วและแรง เป็นความแรงที่ทำให้เธอจุกแน่นช่วงท้อง
“คุณฌอร์น...อา...อืม”
เป็นความเจ็บปวดซ้ำๆ ที่ไร้ความชาชิน เกมสวาทของฌอร์นไม่เคยนุ่มนวล เขาไม่ปรานีร่างกายบอบบางของปรินดาเลยสักนิดเดียว โกรธหรือไม่พอใจใครมาก็จะมาลงที่เธอ หญิงสาวต้องแบกรับความกักขฬะของเขาด้วยความรู้สึกเดิมๆ ที่อัดเข้าไปในหัวใจบอบช้ำ เธออยากร้องไห้มากกว่า ร้องระบายความปวดร้าวระบมกาย ทุกข์ระทมใจ ทว่าน้ำตาสาวคือพลังฮึกเหิม ยิ่งทำให้เขาเพิ่มความรุนแรงหลายเท่า
อย่าคิดว่าฌอร์นมอบความเจ็บให้สาวใต้ร่างเพียงแค่นี้ เขาสอดมือไปส่วนหน้าที่เบียดชิดกับที่นอน ทรวงอกสาวคือเป้าหมาย เขาลงน้ำหนักมือแรงมาก หนักแน่น ก่อนดึงตัวเธอขึ้นสูง โดยมือทั้งซ้ายขวาประคองเต้าอวบพอดีมือยังคงขยำบีบ เอวใหญ่ซอยเข้าใส่ต่อเนื่อง
“มันดีจัง...อา...อูวว์” เขาหยุดการเคลื่อนไหว ถอนร่างกายออกจากความนุ่มชื้น ผลักปรินดาล้มลงบนที่นอนอย่างไม่ใยดี พลิกร่างเล็กให้นอนหงาย ดึงเธอเข้ามาใกล้ความเป็นชายที่รวมร่างกับเธอทันที ต่อจากนั้นคือพายุเสน่หาลูกใญ่ถาโถมเข้าหาร่างสวยแบบไม่ยั้ง อัดแต่ละครั้งเข้าลึกสุดทาง ฌอร์นเร่งความเร็วเต็มกำลังเพื่อทะยานตนไปถึงจุดหมาย
ผู้เขียน: Gilbert Soysal
👉👉คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทยอดนิยม
บทที่ 1 หย่ากันเถอะ
“หย่ากันเถอะ”
กระดาษบาง ๆ สองแผ่น ได้ตัดสินให้ชีวิตแต่งงานสี่ปีถึงจุดจบลงอย่างง่ายดาย
นิ้วสีขาวเรียวเล็กของฉินซูเนียนจับอยู่ที่ลายเซ็นต์ของฝ่ายชายบนหนังสือสัญญา ในขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นมองลี่ อี้เฉินนั้น นัยน์ตาก็มีน้ำเอ่อขึ้นจนยากจะปิดบัง
“ไม่มีโอกาสจะหันกลับแล้วใช่ไหมคะ?”
เสียงของเธอแหบเล็กน้อย เหงื่อบนขมับของเธอที่ทำงานบ้านเพิ่งเสร็จยังไม่จางหาย มันเปื้อนติดอยู่ที่กรอบแว่นสีดำหนาของเธอ ทำให้เธอดูเฉิ่มเชยมากยิ่งขึ้น
เป็นเพราะเขาบอกว่าคืนนี้จะกลับมา เป็นเพราะเขาบอกว่าอยากคุยกับตัวเอง...
เธอตื่นแต่เช้าด้วยความคาดหวัง ไปซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเอง ทำความสะอาดบ้านทั้งหลังจนสะอาดสะอ้าน แม้แต่เวลาจะพักสักนาทีก็ไม่มี สิ่งที่รอคือข่าวที่ทำให้คนยากที่จะหายใจข่าวนี้
“เดิมทีมันก็เป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน” หลี่อี้เฉินเคาะขึ้บุหรี่ของเขาอย่างรำคาญ “จะว่าไป หวานหวานใกล้จะกลับมาแล้ว”
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ซงหวานหวาน คนรักที่อยู่ในใจไม่เคยลืมของลี่อี้เฉิน
ปลายลิ้นแตะเพดานปาก ความรู้สึกพ่ายแพ้เหมือนดังเช่นสี่ปีก่อน ฉินซูเนียนก้มศีรษะลงเหมือนกระจ่างในทันที เพียงแค่ซงหวานหวานปรากฏตัว ลี่ อี้เฉินก็สามารถละทิ้งผลประโยชน์และหลักการทั้งหมดเพื่อเธอได้