ก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาพาฉันมาเจอกับอะไร... ทำไมอยู่ๆชีวิตฉันถึงต้องมาข้องเกี่ยวกับพวกคนรวยที่เป็นถึงทายาทมหาวิทยาลัยชื่อดังสองแห่งอย่าง Destinesia และ Vania ที่กำลังมีเรื่องบาดหมางจนแทบจะฆ่ากัน มิหนำซ้ำตัวฉันเองและใครบางคนในความทรงจำที่ฉันกำลังตามหา ก็ดันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาที่ว่า ปัญหา...ที่ต้องแลกด้วยชีวิต ความสูญเสีย...ที่ฉันไม่เคยรู้ตัวเลยสักนิดว่าตัวเองก็มีส่วนในเรื่องนี้
“ไชโย~!!! ในที่สุดลูกแม่ก็ได้ทุนเรียนมหาลัยแล้ววว... แถมยังเป็นมหาลัยไฮโซชื่อดังอย่าง Destinesia ซะด้วย แม่เห็นเขาเล่าต่อๆกันมาว่าข้างในเริ่ดมากกก ห้องอาหารสุดหรู ห้องเรียนแอร์แปดตัว ห้องสมุดกว้างสุดลูกหูลูกตา สระว่ายน้ำก็ใหญ่เบ้อเร่อ แล้วก็อะไรอีกน้าาา....”
“เก่งจริงๆลูกพ่อ ประกาศให้โลกรู้ไปเลยว่าครอบครัวเราก็ไม่ใช่ไก่กาอาราเล่นะจะบอกให้ ฮ่าๆๆ”
“พี่นี่สุดยอดไปเลยแฮะ เป็นหน้าเป็นตาให้ครอบครัว ผมดีใจที่เกิดเป็นน้องพี่ แค่นี้ก็ไม่อายเพื่อนละดิ!!”
เฮ่อ...
เชื่อเหอะตอนนี้ฉันกำลังนั่งทำหน้าเหมือนหมาป่วยฟังทุกคนพรรณนาถึงความเลอค่าของ Destinesia มหาวิทยาลัยที่หรูที่สุดในย่านนี้ที่ตัวเองตกกระไดพลอยโจรไปได้ทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตรแบบงงๆ
ส่วนสตอรี่การได้ทุนเรียนฟรีที่แสนวุ่นวายนี้ มันเกิดจากความบังเอิญที่มีรถยนต์สุดหรูคันหนึ่งขับหลงมาในละแวกบ้านแล้วเกิดน้ำมันหมดกลางทางพอดี เด็กสาว ม.ปลายจบใหม่สวยใสบริสุทธิ์อย่างฉัน ระหว่างปั่นจักรยานกลับจากโรงเรียนมาเห็นเข้าก็เลยให้ความช่วยเหลือพี่สาวคนนั้นด้วยการไปตามคนมาช่วยก็แค่นั้น
ย้ำอีกทีนะ เหตุเกิดจากน้ำมัน ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดเนี่ย มันมีแค่นี้เลยจริงๆ
แต่ก็นะ เพราะดันมารู้ทีหลังว่าพี่สาวที่ฉันช่วยไว้คือ 'คุณไลลา' ทายาทนักธุรกิจพันล้าน เจ้าของกิจการหลากหลายสายงานทั้งในและต่างประเทศเนี่ยสิ แถมมหาลัย Destinesia ที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นธุรกิจในเครือของครอบครัวเธอด้วย เพราะงั้นฉันเลยได้รับจดหมายเชิญไปเรียนต่อเพื่อทดแทนบุญคุณแบบเล่นใหญ่ได้อีก และไม่ต้องพูดถึงเรื่องจดหมายส่งผิดบ้านเลย เพราะสิ่งที่มันเอ็กซ์คลูซีฟกว่านั้นอีกคือจดหมายเชิญดันจ่าหน้าซองถึง 'สาวน้อยผู้ใจดี' พร้อมกับแนบรูปที่แอบถ่ายฉันตอนปั่นจักรยานมาแบบเจาะจงสุดฤทธิ์ว่าต้องเป็นคนนี้!!
เหอะๆ อันที่จริงแอบคิดว่าส่งน้ำมันพืชหรือน้ำมันเบนซินมาที่บ้านสัก 30 ลิตรก็น่าจะเป็นการตอบแทนที่เพียงพอแล้วนะ แต่ชนชั้นอีลิทคงเสพติดความอลังการ ซึ่งมันแสนเว่อร์วังซะไม่มี
อ้อ...แล้วนอกจากจะได้เรียนฟรี ที่นี่ยังมีค่าครองชีพให้ด้วย หรือพูดง่ายๆก็คือมีเงินค่าใช้จ่ายให้ฟรีทุกเดือน เรียกว่าเหลือกินเหลือใช้เลยแหละถ้าเทียบกับชีวิตปกติของฉันที่เป็นอยู่
และที่พีคไปกว่านั้นอีก ฉันได้สิทธิ์นั่งรออยู่ที่บ้านเฉยๆ ก็มีชุดนักศึกษาและอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นมากมายส่งมาให้ถึงที่บ้านเลย อดคิดไม่ได้ว่าขนาดจะรับนักศึกษาใหม่ที่นี่ก็ยังคงความไฮโซอวดรวยอีกหรอเนี่ย ทำไมใครต่อใครถึงชอบความฟู่ฟ่าของที่นี่นักนะ นี่ฉันผิดปกติหรือว่าชินกับการอยู่แบบจนๆไปแล้ว วุ่นวายจริงๆ
“ทุกคนคะ!!!”
สุดท้ายฉันก็ต้องโพล่งออกมาด้วยความเบื่อหน่ายกับท่าทางดีอกดีใจจนเกินเหตุของพ่อแม่และน้องชาย ทำเอาทุกคนเงียบกริบแล้วหันมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แอลไม่ได้อยากเรียนที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้ก็จะไปถอนตัวและคืนของพวกนี้ให้เขาแล้วล่ะ”
“ไม่ได้! / ไม่ได้!! / ไม่ได้!!!”
ให้ตายสิ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ทุกคนในบ้านมีความเห็นตรงกันยกเว้นฉัน
“พี่ถอนตัวไม่ได้เด็ดขาด! ผมบอกเพื่อนไปหมดแล้วว่าพี่ได้เรียนมหาลัยไฮโซ แถมเด็กห้องสี่ก็ยังรับรักผมเพราะเหตุผลนี้ด้วยอ่ะ”
โอ้...เหตุผลช่างเลอะเทอะและบ้าบอมบ์ากโขว่ามะ
“ใช่ๆ แม่ก็เล่าให้คนในตลาดฟังแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันลดค่ากับข้าวให้เราด้วย”
เยี่ยมยอด มหัศจรรย์ มิน่าทำไมวันนี้ได้กินแต่อะไรดีๆอ่ะ
“ส่วนพ่อก็..”
พรึ่บ!
“พอแล้วค่ะ หยุดเลยนะ!”
ฉันอาศัยจังหวะนี้ยกมือห้ามเพราะเดาได้เลยว่ามันคงเป็นอะไรที่ง้องแง้งไม่ต่างกันแหงๆ
“พ่อ! แม่! ไอ้โอห์มแกด้วย! หนูจะใช้ชีวิตที่นั่นยังไง ลองคิดดูสิคะ บ้านเราก็ใช่ว่าจะรวยล้นฟ้า การอยู่ในสังคมแบบนั้นหนูไม่ชินหรอกนะ”
นี่พูดจริงไม่ได้พูดเล่น สังคมจอมปลอมของพวกคนรวยน่ะ น่ากลัวจะตายชัก
“โธ่เอ๊ยเรื่องแค่นี้เอง ก็ปรับตัวสิลูก ใช้ชีวิตไฮโซซะบ้างโก้จะตาย ค่าครองชีพก็มีเยอะแยะ แม่ไม่ขอแบ่งมาใช้หรอกโอเคนะ ลัลล้าลัลลาาา~”
เหอะๆ แล้วไหงภาพตัดไปที่แม่ยืนตั้งหน้าตั้งตาฮัมเพลงรดน้ำต้นไม้ได้ล่ะนั่นน่ะ
“ไม่ค่ะ! ให้ตายยังไงหนูก็ไม่เรียนที่นั่นเด็ดขาด! ไม่รู้ล่ะ ออกไปข้างนอกนะคะ บ๊ายยย~”
ว่าแล้วฉันก็เดินดุ่มๆออกมาโดยไม่สนใจจะฟังเสียงตะโกนไล่หลังของคนในบ้านสักนิดอ่ะ
“อะ..อ้าว เดี๋ยวสิยัยลูกคนนี้ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนเลยนะ!”
“เฮ้ย! เดี๋ยวดิพี่แอล กลับมาก่อนดิพี่!!!”
“ไอ้แอลโว้ย นี่พ่อยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะเนี่ย!!!”
.
.
.
ไม่กี่นาทีต่อมา
ตอนนี้ฉันกำลังเดินอยู่ริมถนนโดยมีปลายทางคือสวนสาธารณะ K ที่นั่นเป็นที่ประจำเวลาที่ฉันหงุดหงิดหรือคิดอะไรไม่ออก
คือไม่ใช่ไม่เข้าใจนะว่าทุกคนในครอบครัวอยากให้ฉันได้ดี การเรียนมหาลัยไฮโซแบบนั้นผลพลอยได้ที่ตามมาหลังเรียนจบมันก็มีเยอะอยู่ ทั้งมีบริษัทรองรับ ฐานเงินเดือนสูง แถมไปที่ไหนใครก็ต้องการ แต่ใครจะไปมองแต่อนาคตได้ล่ะ ฉันน่ะอยู่กับปัจจุบันก่อนไม่ดีกว่าหรอ
เฮ่อ...ถอนหายใจรอบที่ร้อยของวันแล้วมั้งเนี่ย
Destinesia หรอ?
มหาลัยไฮโซหรอ?
ใครจะยอมทิ้งคนในครอบครัวไปใช้ชีวิตสุขสบายกันล่ะ แค่ชื่อมหาลัยก็บอกอยู่แล้ว
Destinesia…
มาจากคำว่า destination + amnesia
‘เวลาที่เราตั้งใจไปสถานที่แห่งหนึ่งแต่พอไปถึงแล้วกลับลืมว่าไปทำไม’
นั่นแหละความหมายของที่นี่
เห็นร่ำลือว่าเป็นสถานที่ที่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันหมดทุกอย่าง ให้เดามันคงเป็นสวรรค์ชั้นดีเลยสินะใครๆถึงเทิดทูนที่นี่กันนักน่ะ
“ระวัง!!!”
หืม...
เอี๊ยดดดดด
“เฮ้ย! เกือบตายแล้วมั้ยนังหนู เดินอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือเลยฮะ!!!”
ละ..แล้วไม่รู้อะไรเป็นอะไรอ่ะ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก อยู่ๆก็มีเสียงเบรครถลากยาวดังสนั่นหวั่นไหวหน้าสวนสาธารณะ K พร้อมกับเสียงลุงแก่ๆคนนึงที่เปิดกระจกตะโกนด่าฉัน นี่ดีนะโดนใครสักคนกระชากแขนให้หลบทิศทางของรถลุงแกที่พุ่งมาจนล้มอยู่ข้างฟุตบาทเนี่ย ไม่งั้นกลายเป็นผีเฝ้าสวนสาธารณะไปละ
“จิ๊!”
ฉันนั่งปัดเศษทรายที่เปื้อนเข่าออกก่อนจะนึกขึ้นได้เลยหันขวับไปมองคนข้างๆที่ยังคงจับแขนกันไว้แล้วก้มหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่
ผู้หญิงหรอ... เธอเป็นคนช่วยฉันไว้สินะ
“ขอบคุณนะคะ เอ่อ คะ..คุณ!”
แล้วทันทีที่เธอเงยหน้าก็เล่นเอาตกใจเลยล่ะ พี่สาวคนนี้อีกแล้ว ใบหน้าสวยๆของเธอฉันจำได้ดี คุณไลลาคนนั้นนี่.. จังหวะที่ฉันกำลังตกใจ เธอก็ทำหน้ามุ่ย ขมวดคิ้วเบาๆแล้วบ่นอุบอิบมาทันที
“เด็กบ้า คิดไรอยู่ถึงเดินไม่สนโลกแบบนี้ฮะ”
“ขะ..ขอโทษค่ะ เจ็บตรงไหนมั้ยคะ”
หยึ๋ย... จะซวยมั้ยเนี่ย คุณหนูพันล้านมาช่วยฉันจนล้มก้นจ้ำบ๊ะอยู่ที่พื้นแบบนี้ นี่ฉันจะโดนจับตัดหัวรึเปล่า
“ไม่เป็นไร เธอล่ะ”
“ที่จริงก็ยังงงๆอยู่เลยค่ะว่ารถวิ่งมาจากทางไหนอ่ะ”
ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาหาทิศทางรถ แต่อดคิดไม่ได้เลยแฮะว่านี่ฉันเหม่อขนาดนี้เลยรึไงเนี่ย ขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปหาพี่สาวที่นั่งอยู่ช่วยประคองให้เธอลุกขึ้น
แล้วพอตั้งใจมองใกล้ๆ ใบหน้าขาวผ่องเป็นประกายกับผิวพรรณที่ดูมีน้ำมีนวลก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเธอเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูล เป็นคนที่มีเสน่ห์มากจนแอบรู้สึกผิดที่ทำให้ผิวสวยๆนั่นถลอกเลยนะเอาจริง
“หึ..ตลกดีนะ เจอเธอทีไรมีเรื่องทุกที นี่มาเดินเล่นหรอ?”
“ค่ะ ฉันชอบมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ มันสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยล่ะ เวลาคิดอะไรไม่ออกหรือไม่สบายใจก็รู้สึกดีขึ้นทุกทีเลย”
“ขนาดนั้นเลย แล้วถ้าวันนึงมันหายไปล่ะ?”
“ก็คงเหมือนขาดที่พึ่งทางใจมั้งคะ”
พอฉันพูดไปแบบนั้น คุณไลลาก็นิ่งไปพักนึงเลยก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามกัน
“ได้จดหมายกับของใช้ทั้งหมดแล้วใช่มั้ย?”
แล้วคำถามของเธอก็ทำฉันคิดเรื่องทุนขึ้นมาได้เลยรีบพยักหน้า
“ค่ะ ตั้งใจจะเอาไปคืนให้อยู่พอดีเลย”
“ทำไมล่ะ ไม่อยากเรียนที่นั่น?”
โป๊ะเชะ! จังหวะนี้ฉันคือส่ายหน้ารัวๆเลยจ้า ส่ายหน้าที่แปลว่าไม่อยากเรียน ฉันไม่ไหวหรอกนะ สังคมที่หรูหราเกินตัวแบบนั้นน่ะ คนตรงหน้าก็เลิกคิ้วมองมา
“เหตุผลล่ะ?”
“ฉันไม่คู่ควรหรอกค่ะ ดูคุณสิคะ แล้วดูฉันสิ ดูยังไงฉันก็ไม่เหมาะกับที่นั่นหรอก”
“ทั้งที่ทุกอย่างฟรีก็ไม่เอาหรอ?” ใบหน้าสวยๆมองกันงงๆ แต่ไม่ก็คือ...
“ไม่ค่ะ ถือว่าเราหายกันแล้วนะคะ ช่วยบอกสถานที่คืนของให้ด้วยค่ะ”
“เธอนี่แปลกคนนะ”
“หืม?”
“ก็มีแต่คนอยากเข้าเรียนที่นี่จนตัวสั่น แล้วนี่..เธอชื่ออะไร?”
เหอะๆ ท่าทางมองฉันเหมือนตัวประหลาดนี่มันยังไงกันนะ ไม่ว่ากี่ทีก็ไม่ค่อยชินเลยแฮะ สายตาคนรวยที่จ้องกันแบบนี้น่ะ
“ฉัน...แอลค่ะ”
“อืม...รุ่นพี่ไลลา”
“คะ?”
“ต่อไปเรียกฉันว่ารุ่นพี่ไลลา และเธอ..แอล..ถ้าวันเปิดเทอมฉันไม่เจอเธอ ฉันจะสั่งรื้อสวนสาธารณะนี้ซะ!”
“ทำไมล่ะคะ!!”
ได้ฟังแบบนั้นเล่นเอาฉันตกใจจนโพล่งออกไปเลยล่ะ แล้วรุ่นพี่ไลลาคนนี้ก็กระตุกยิ้มเหมือนมีเลศนัยบางอย่าง
“ก็เพราะว่าดูพระอาทิตย์ตกบนดาดฟ้า Destinesia มันสวยกว่าที่นี่ตั้งเยอะ และเธอควรไปดูที่นั่นมากกว่า”
.
.
.
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา..
ฉันวุ่นๆกับงานพิเศษรับจ้างส่งหนังสือพิมพ์กับแจกใบปลิวช่วงวันหยุดจนลืมนึกถึงเรื่อง Destinesia ไปพักใหญ่ ลืมบอกไปว่าบ้านฉันเปิดร้านขายบะหมี่เล็กๆ ในที่ดินผืนน้อยของตัวเอง ซึ่งที่ร้านก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมาก แค่โอห์มน้องชายฉันก็ช่วยพ่อแม่ได้สบายอยู่แล้ว ฉันเลยหารายได้เสริมเพื่อแบ่งเบาภาระอีกทาง
และแน่นอนว่ายังมีอีกเรื่องที่สำคัญ คือฉันยังไม่ได้เอาของทั้งหมดไปคืนรุ่นพี่ไลลา เพราะหลังจากวันนั้นก็ไม่เคยเจอเธออีกเลย แถมเธอก็ไม่ได้ให้ที่อยู่เอาไว้ด้วย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีความกดดันบางอย่างที่แวะเวียนมาแทนเธออยู่ตลอด คือจดหมายที่ออกแนวข่มขู่เรื่องการรื้อสวนสาธารณะ K ทิ้ง ถึงจดหมายไม่มีชื่อที่อยู่ผู้ส่งตามเคย แต่มันก็เดาได้เลยว่าเป็นรุ่นพี่ไลลา
“แอล พรุ่งนี้ก็จะเปิดเทอมแล้วใช่ไหมลูก แม่จะได้เห็นลูกใส่ชุดนักศึกษาของ Destinesia สักที ตื่นตันใจจริงจริ๊ง ลูกแม่ต้องสวยมากแน่ๆ”
เหอะๆ
ฉันได้แต่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกผิดเบาๆ ก็ไม่ได้อยากจะดับฝันแม่หรอกนะ แต่ไม่รู้จะบอกแม่ยังไงดี...
เสียใจด้วยค่ะแม่ หนูสมัครเรียนที่มหาลัย Vania ไปแล้ว และแน่นอนว่าพรุ่งนี้หนูจะใส่ชุดนักศึกษาของ Vania ค่ะ
ได้อยู่นะ หรือจะบีบน้ำตา...
แม่คะอย่าให้แอลไปเรียนที่นั่นเลย แอลกราบล่ะคะ ฮือออ กระซิกๆ
ไม่เอาอ่ะ น้ำเน่าไปป่ะ
เฮ่อ...ถ้างั้นไม่บอกละกันถึงตอนนั้นแม่คงเข้าใจอ่ะ
ฉัน...สาวน้อยดาวเสาร์กับเรื่องวุ่นๆของ "เทพบุตรดาวพุธ" ผู้ชายถืออาวุธที่แม่หมอทำนายว่าเป็น "เนื้อคู่" ในใจก็คิดมาตลอดเลยนะว่าต้องเป็นคนในเครื่องแบบแน่ๆ แต่แล้วอยู่ๆดันหลงเข้าไปในดงมาเฟียได้ไงไม่รู้...
เพราะมีหน้าที่สำคัญต้องทำ แต่ก็โดนรุ่นน้องจอมป่วนอย่างเลโอ Nightshade มาวุ่นวาย ตามจีบไม่เว้นแต่ละวัน "ทฤษฎี 21 วัน" เลยถูกใช้เป็นไม้ตายเด็ดของฉัน คิดว่ามันจะกันคนกะล่อนอย่างหมอนี่ให้พ้นทางได้มั้ย?!
“เป็นอย่างที่เคยเป็นมันดีแล้ว” ประโยคปฎิเสธสั้นๆ ดังก้องในหัวฉันตลอดเวลาจนถึงนาทีสุดท้ายที่บินกลับมาตามคำสั่งที่เจ้าตัวน่าจะลืมมันไป แต่ใครจะไปรู้ว่าวันนึง คนที่เคยปฏิเสธ..จะเป็นฝ่ายมาขอคบกับฉันซะเอง!
ใช้ชีวิตสงบสุขมาได้ตั้งนาน แต่กลับต้องมาอึมครึมเพราะดันไปมีเอี่ยวกับสมาชิกแก๊งค์เทพเจ้าประจำมหาลัย แถมไอ้บ้านั่นยังพ่วงตำแหน่ง "ว่าที่ผู้นำแก๊งค์มาเฟีย" ที่กำลังโดนตามล่าด้วยไง เหอะๆ แบบนี้ฉันจะมีชีวิตรอดต่อไปมั้ยให้ทาย?
แอบหื่นไปมั้ยถ้าจะบอกว่าวันเกิดปีนี้ ของขวัญอย่างเดียวที่ฉันอยากได้คือจูบที่แสนเต็มใจจากเขา... ♥ รุ่นพี่รันเวย์ของฉัน ♥ แล้วใครจะไปคิดว่าพระเจ้าจะจัดให้ตามนั้น แถมยังไม่ใช่แค่จูบ! ฉันได้รุ่นพี่ตัวเป็นๆเข้ามาอยู่ในชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นมันบ้ามากที่จะบอกว่าอยู่ๆฉันก็ได้เป็นผู้หญิงของเขาด้วย!
“ที่พูดนี่คิดรึยัง?!” พอพายุ Nightshade พูดมาแบบนั้น ฉันเลยพยักหน้าออกไปช้าๆ แล้วตอบกลับไปอย่างมั่นใจในคำถามนั้นเหมือนกัน “คิดแล้ว...ฉันว่าแย่กว่าการเป็นผู้หญิงของนาย คือเคยรักนายแต่จำมันไม่ได้มากกว่า”
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน