เพราะข้าอ้วนท่านอ๋องเลยไม่อยากแต่งกับข้าใช่ไหม
เพราะข้าอ้วนท่านอ๋องเลยไม่อยากแต่งกับข้าใช่ไหม
"อ๋องฟู่ฉวีช่าย ก็มาร่วมงานวันเกิดหรือ"
ฉินจิงเชียวยกมือขึ้นบิดไปมาตรงหน้าท่าทีเคลิ้มฝัน อาการบิดตัวไปมาทำเอาไขมันที่หน้าท้องแขนขากระเพื่อมเป็นลูกคลื่น ใบหน้าอ้วนที่คางหย่อนลงมาถึงสามชั้นไม่ได้สองขั้นอย่างคนอ้วนทั่วไปอมยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีที่มีมากพอๆ กับไขมัน
"เจ้าค่ะคุณหนู ฮูหยินใหญ่ให้ท่านสวมอาภรณ์ให้รัดรูปหน่อย ทนอึดอัดเอานิดเผื่อว่าจะดูดีขึ้นมาบ้าง"
จิงเชียวยิ้มแก้มพอง
อี้เหลียวพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจก็จิงเชียวไม่เคยโกรธอยู่แล้วนี่
นางยอมรับสภาพอ้วนราวกับแม่หมูของนางได้ แล้วยังกินเพิ่มไปอีกในทุกวัน ตอนเป็นเด็กก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่พอโตมาน้ำหนักตัวของนางยิ่งเพิ่มขึ้นจนฉุดไปอยู่ท่านราชครูฉินเกอกับฮูหยินใหญ่จิงหรานก็ตามใจ ไม่เคยดุด่ามีแต่สรรหาของดีๆ มาให้นางกิน เพราะเป็นลูกคนเดียวของท่านฉินที่อายุปาเข้าไป45ปีในปีที่จิงเชียวถือกำเนิดและฮูหยินจึงตามใจ จิงเชียวเลยกลายเป็นคนอ้วนที่อารมณ์ดีที่สุดในแคว้น มองโลกในด้านดี ยิ้มหัวพูดคุยไม่มีทางที่จะแค้นเคืองใคร
แต่เรื่องมาสะดุดหยุดลงตรงที่ ฝ่าบาทดันประทานงานแต่งงานให้อ๋องฟู่ฉวีช่ายกับบุตรีบ้านฉิน นายท่านกับฮูหยินเลยให้คุณหนูใหญ่จิงเชียวกินน้อยลง แต่ก็แค่ไม่กี่วัน งานดูตัวก็เริ่มขึ้นในวันคล้ายวันเกิดของท่านราชครู แต่จะว่าไปใครเขาจะเอาหญิงอ้วนกินจุมองหาความงดงามไม่มี มาทำซากอะไรเล่า
อ๋องฟู่ฉวีช่าย อ๋องผู้หล่อเหลาเกินใครในเจ็ดคาบสมุทรหญิงใดบ้างไม่หมายปองรวมทั้ง…..จิงเชียวที่แอบฝันใฝ่ถึงพี่อ๋องฟู่ตั้งแต่ยังไม่ผ่านวัยเด็กด้วยซ้ำไป รักแรก รักเดียวของจิงเชียวหญิงอ้วนแห่ง แคว้นหนี่ลัว…
"พี่อ๋องฟู่จะใจดีเหมือนเมื่อก่อนไหมนะ ดีใจจังจะได้พบท่านพี่อ๋องฟู่ กี่ปีแล้วนะตั้งแต่พี่อ๋องฟู่จากหนี่ลัวไปศึกษาเล่าเรียนพี่อ๋องฟู่จะจำข้าได้ไหมหนอ คิคิ"
หมุนตัวไปมาหน้ากระจก พุงใหญ่กระเพื่อมช่างน่าชังสิ้นดีแต่นางก็ยังยิ้ม
"อี้เหลียวได้ยินมาว่าท่านอ๋องเป็นบุรุษหนุ่มองอาจยากจะคาดเดา"
มืออ้วนๆประสานบิดม้วนตรงหน้าอีกครั้ง
"ท่านอ๋องเฉยชาใช่ไหม อือ ข้าละอยากจะพบพี่อ๋องฟู่เร็วๆเสียจริง ว่าแต่ว่าจิงชิน นางสวมอาภรณ์สีอะไร"
อี้เหลียวถอนหายใจ
โธ่ยังกล้าเอาตัวเองไปเปรียบกับเขา สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมมีจิงเชียวก็ดันมีฉินจิงชินที่บังเอิญเกิดหากกันเพียงปีเดียวจากนางในหอนางโลม จิงชินนางงดงามราวกับธิดาสวรรค์อรชรอ้อนแอ้น อีกทั้งกิริยาอ่อนหวานราวกับผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี ทั้งที่เป็นลูกที่ท่านฉินไม่อยากจะรับ รับเพียงแต่ลูกมารดานางที่เป้นนางโลมไม่เคยให้เฉียดเข้าใกล้บ้านฉิน จิงชินถูกนำมาเลี้ยงในบ้านฉินตั้งแต่ห้าขวบ
นางไร้การอบรมจากมารดา แต่ด้วยนางเจียมเนื้อเจียมตัวจึงทีท่าที่เรียบร้อยอ่อนหวาน ทำให้ผู้ที่พบเห็นล้วนอดเอ็นดูเสียไม่ได้ ฮูหยินฉินแม้ไม่รักแต่ไม่รังแก จัดหาเสื้อผ้าอาภรณ์ ห้องหับและุหญิงรับใช้ให้ทัดเทียมฉินจิงเชียว จะน้อยกว่าคุณหนูใหญ่ก็ตรงเรื่องอาหารการกินที่ จิงเชียวมักจะได้กินแต่ของดีๆ และในปริมาณที่เท่ากับสามคนกิน
"อาภรณ์สีขาวเจ้าค่ะ คุณหนูรองนางยังบรรเลงเพลงกู่เจิ้งอวยพรวันเกิดให้นายท่านด้วย"
"แล้วข้าเล่าอี้เหลียว เจ้าว่าข้าควรอวยพรวันเกิดท่านพ่อด้วยสิ่งใดจึงดี"
อี้เหลียวยิ้มเจื่อนๆ แค่จะเดินยังไม่ไหว ต้องแบกร่างมหึมาไปบรรเลงเพลงกู่เจิ้งหรือร่ายรำคงไม่ได้แน่
"ข้าจะร่ายรำ"อี้เหลียวอ้าปากค้าง
"ตะตะแต่คุณหนูพรุ่งนี้งานก็เริ่มแล้ว ท่านยังไม่ทันได้ฝึกฝนการร่ายรำ"
จิงเชียวยิ้ม เข้าใจดีว่าอี้เหลียวห่วงใย
"ท่านพ่อมักจะปลีกตัวไปดูการร่ายรำที่หอนางโลม ให้ท่านแม่ขุ่นเคือง เอาแบบนี้ข้าแค่ร่ายรำจำท่ารำสักสองสามท่า ท่านพ่อคงพอได้ยิ้มได้ เจ้าไปเรียกนางรำในหอนางโลมเข้ามาฝึกข้า"อี้เหลียวยิ้มเจื่อนๆ
"เจ้าค่ะคุณหนู"
รับคำอดเวทนาเสียไม่ได้ จะว่าไปจิงเชียวน่าสงสารไม่น้อยจะเดินจะนอนก็ยังลำบากแต่นี่นางถึงขั้นจะร่ายรำ นับว่ามีความตั้งใจจริง
จวนอ๋อง
"จะต้องวุ่นวายไปทำไมกันข้าสวมอาภรณ์แบบไหนก็ได้ไม่สำคัญ”
ใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าอย่างนั้นจริงๆ
“แต่ท่านอ๋องการไปร่วมแสดงความยินดีในงานแซยิดของท่านราชครูฉินในครั้งนี้เท่ากับเปิดตัวท่านอ๋องไปด้วยเสียพร้อมกัน อีกอย่างท่านอ๋องขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาหญิงใดก็หมายปองแต่งองค์อีกนิดก็ดูดีเกินใครแล้ว”
เสี่ยวฝานยืนเลือกอาภรณ์หลากหลายบนราวแขวน
“ข้าก็เคยไปที่บ้านท่านลุงฉินบ่อยไป เมื่อก่อนก็ไม่เห็นต้องมากเรื่อง”
เสี่ยวฝานก้มหน้าไม่กล้าต่อปากต่อคำเพราะรู้ดีฟู่อ๋องเป็นคนที่ ค่อนข้างเฉยชาพูดน้อยและไม่ชอบการโต้เถียง
วันต่อมาจวนราชครูที่พลั้งพร้อมไปด้วยโคมหลากสีสำหรับงานมงคลยังไม่ทันจะยามเซินด้วยซ้ำผู้คนต่างทยอยลงจากเกี้ยวหน้าจวน พร้อมของฝากและของขวัญสำหรับงานแซยิดของราชครูฉินผู้ซึ่งฮ่องเต้ให้การนับถือ
สุราอาหารถูกยกมาวางตรงหน้าแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน อย่างเนืองแน่น
จิงเชียวนั่งหน้ากระจกบานใหญ่อี้เหลียวและสาวใช้ช่วยกันจัด เครื่องประดับและผมเผ้าให้ดูดี ใบหน้าอวบในกระจกยิ้มบางๆ คางสามชั้นยังอยู่ตรงนั้น แต่สิ่งที่สะดุดตาคือดวงตากลมโตสดใสไร้ความทุกข์ ผิวขาวอมชมพูราวกับลูกท้อสุก
“เร็วๆ เข้าอี้เหลียว ข้าหิวแล้วไม่สิข้าอยากออกไปข้างนอกแล้ว”
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะคุณหนู แค่ใช้ปิ่นเกล้าผมเสียนิดหน่อยก็ได้แล้ว”
“เร็วเข้า ข้าอึดอัดกับอาภรณ์ชุดนี้”
“ชุดนี้ คุณหนูรองตัดเย็บให้เองกับมือเพื่อคุณหนูนะเจ้าค่ะ”
ก็รู้อยู่แล้วอาภรณ์ทั่วไปไม่อาจสวมใส่จำต้องตัดเย็บแบบพิเศษ
ลุกขึ้นยืนอาภรณ์สีชมพูที่ไม่อาจดึงสายรัดเอวได้เหมือนคนอื่นด้วยสายรัดเอวกลายเป็นสั้นไปในทันทีเมื่อจิงเชียวสวมมัน ต้องปล่อยสายรัดเอวให้ห้อยร่องแร่งลงข้างลำตัว ส่วนพุงที่ยื่นออกมาส่งผลให้หน้าอกอวบอูมเล็กกว่าพุงที่ยื่นนำหน้า ชายกระโปรงที่เป็นผ้าบางเบาทำให้มองไม่เห็นขาอวบใหญ่ ราวกับท่อนซุง
“คุณหนูเจ้าขา เบาหน่อยเจ้าค่ะ พื้นห้องจะทะลุลงไปด้วยแรงของคุณหนูที่เอาแต่ย้ำโครมๆ”
จิงเชียวนั่งลงกับเก้าอี้ ที่ทำเป็นพิเศษมองตัวเองในกระจก
“ข้าอ้วนมากใช่ไหมอี้เหลียว”
อี้เหลียวยิ้มเจื่อนๆ โกหกสีขาวเพื่อให้อีกคนสบายใจก็จะโกหกได้อย่างไรในเมื่อความจริงก็เห็นๆ กันอยู่ว่าจิงเชียวอ้วนไม่ต้องให้ใครบอกนางตัวนางเองก็เห็นอยู่
“อยู่ๆ ทำไมถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาเจ้าคะ”
“ข้ากลัวว่าพี่อ๋องฟู่จะ จะไม่อยากมองข้ารังเกียจข้าที่อ้วนแบบนี้”
อี้เหลียวเสียบปิ่นปักผมบนเรือนผมนุ่ม
“คุณหนูเจ้าขาท่านอ๋องไม่กล้าปฏิเสธบัญชาฝ่าบาทได้หรอกไม่ต้องกังวลแล้วที่สำคัญคุณหนูก็อ้วนมานานแล้ว จะมาแก้ไขอะไรตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วควรจะยืดอกออกไปร่วมงานให้แล้วเสร็จเสีย”
จริงเชียวยิ้ม จะว่าไปอี้เหลียวก็พูดถูกนางมักจะพูดตรงๆ แบบนี้เสมอ“แต่ตามบัญชาบอกแค่ว่าบุตรีบ้านฉินไม่ได้บอกว่าข้าหรือว่า จิงชิน”
“ก็หากว่าท่านอ๋องฟู่เลือกคุณหนูรองนั่นก็เป็นเรื่องปกติ แต่หากเลือกคุณหนูนี่สิเท่ากับแปลกใครบ้างไม่ชอบหญิงงามที่อรชรอ้อนแอ้นและอ่อนหวานเช่นคุณหนูรอง”
ร่างอ้วนหัวเราะเบาๆ แต่ก็ไม่วายพุงกระเพื่อม
“จริงด้วย เช่นนั้นก็แค่ได้พบพี่อ๋องฟูก็ดีแล้วใช่ไหม อี้เหลียวแค่ได้พบแค่ได้พูดคุยทักทายสมกับที่ไม่ได้พบเจอกันมานานก็พอแล้วจริงไหม”
อี้เหลียวพยักหน้าขึ้นลงรัวเร็ว
“คุณหนูของอี้เหลียวเก่งอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
จิงเชียวยิ้มหวาน
“ไปกันเถอะของกินรออยู่”อี้เหลียวถอนหายใจส่ายหน้า
“ข้าแค่พูดผิดไป ท่านพี่อ๋องฟู่รอยู่”
พระเอกสายแอพ เฉยชาทว่าโบ๊ะบ๊ะภายใน โคตรรั่ว อัตราการแขวะ0.01วินาที ภายใต้หน้ากากสูงส่งบริสุทธิ์ ในนามปรมาจารย์ ที่ค้ำคอไว้ พบกับ พระเอกสายกาว ที่ไม่เอื้อนเอ่ย ใครกันจะรู้ภายในใจท่านคิดเช่นไร พบกับนิยายแนว ขุนเขาจอมยุทธ์ บุญคุณความแค้น แต่พระเอกสายฮา สะกดกลั้นความอาไว้ภายใต้หน้ากากหล่อเหลาอย่าเผลอนินทาอย่าเผลอหลงรัก เพราะปรมาจารย์ท่านนี้อ่านใจคนออก
เรื่องเล่าของท่าน อาจทำข้าสำราญ หรืออาจทำให้ทุกข์ตรมไปกับท่าน ถือว่าท่านจ่ายค่าตอบแทนแก่ข้าแล้ว เสพสุขจากความทุกข์ตรมกระทำได้เช่นนั้นหรือความทุกข์ตรมของผู้อื่น ทำให้เราหลุดพ้นความทุกข์ตรมของเราได้
บุตรีของขุนนางกบฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้บิดาแทนที่จะหนีไปไกลแสนไกลกลับพาตัวเองมาผูกพัน กับคนที่เป็นศัตรู แค้นฆ่าพ่อจือหรานจะสามารถทวงความเป็นธรรมให้บิดาได้หรือไม่ ..พบกับความรักความแค้นที่ฝั่งแน่น
ตำรวจหญิงมือดีดับอนาถแต่สวรรค์กลับให้โอกาสได้กลับไปแก้แค้น แทนหญิงโง่งมคนหนึ่งที่ถูกหักหลังเช่นกัน งานนี้จะต้องไม่ใครก็ใครสักคนจะต้องเสียน้ำตา
.....อามูเนส... .. ราชินีที่รักแห่งข้าขอเทพธิดาไอซิส มอบชีวิต อมตะให้ข้าและนาง ...รอ เจ้าอยู่ที่นี่ ตราบ ดวงอาทิตย์อับแสง ..รอเจ้าอยู่ร่วมเดินทางสู่ฟากฟ้า พร้อมกัน” คำขอครั้งสุดท้ายของ..โฮรัส.. ผู้เลื่องชื่อเทพแห่งสงคราม กับเจ้าหญิงผู้ซึ่งตกเป็นเชลย ด้วยจุดเปลี่ยนที่บิดาของอามูเนส ผู้เลอโฉมเลื่องลือไปไกล พ่ายแพ้ให้แก้ฟาโรห์โฮรัสเทพสงครามผู้ยิ่งใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของ คำขอต่อเทพแห่งความเป็นอมตะไอซิส คำขอครั้งสุดท้ายจะเป็นจริงไหมและเอวาสาวสวยนักโบราณคดีที่ขุดค้นพบ คำขอนั้นของฟาโรห์โฮรัสจะ สามารถค้นพบความจริงต่างๆได้อย่างไร ล่องลอยไปกับดินแดน ไอยคุปต์ด้วยกันใน...มนตราฟาโรห์...
ขายตัวเข้ามาเป็นอี้จีฝึกหัด แต่ยังไม่ผ่านงานแรกด้วยซ้ำ สวรรค์ชังหรือนรกแกล้งให้เฟิ่งหลิว ต้องมาพบเจอคนใจร้ายเช่นนี้แล้วยังมาหาว่าเฟิ่งหลิวเป็นนางคณิกา กร้านโลกอีก ทั้งๆที่น้องแสนจะเดียงสา
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
ปรมะพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับนักศึกษาของตัวเองจนตั้งท้อง เขาจำใจต้องรับผิดชอบอย่างไม่มีทางเลือก แต่ผู้ชายระดับไฮเอ็นเช่นเขาไม่ยอมเข้าตาจนง่ายๆ หรอก ในเมื่อพลาดไปแล้วก็ช่างมัน รับแค่ลูกเอาไว้ และเขี่ยแม่ของเด็กทิ้งลงถังขยะ นี่แหละคือทางออกที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ตัวอย่างเล่ม : ระหว่างที่รองเท้าสีดำเงาวับกำลังย่ำลงไปบนพื้นกระเบื้องราคาแพง เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาชนเข้าที่ขาด้านหลัง ปรมะหยุดเดิน และก็หมุนตัวกลับไปมองสิ่งที่พุ่งเข้ามาปะทะร่างกายของตัวเอง เด็กผู้หญิงถักเปียสองข้าง... เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งเผชิญหน้ากับเด็กตัวจ้อย “อย่าวิ่งซนนะครับเด็กดี...” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองเขา ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างดีใจ “คุณพ่อ...” เขาไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของเด็กหญิงตรงหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจจนแทบช็อกคือใบหน้าของเด็กหญิงคนนี้ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขาตอนเด็กไม่มีผิด ปรมะถึงกับอึ้งงันไป แต่เด็กน้อยยังคงยิ้มแถมยังยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาไปมา “คุณพ่อจริงๆ ด้วย... ไข่มุกไม่ได้ฝันไป... เย้...” “หนู...” ตอนนี้แม้แต่จะพูดออกมาให้เป็นคำยังยากสำหรับปรมะเลย เด็กคนนี้เรียกเขาว่าพ่อ แถมยังมีหน้าตาถอดแบบมาจากเขาในตอนเด็กอีกต่างหาก ซีรีส์ในชุดที่เกี่ยวข้องกัน 1. ขายหัวใจให้ท่านประธาน 2. มลทินรัก CEO 3. คืนเผลอรัก 4. อุ้มรักเมียแสนชัง
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เมื่อเขาต้องเลือกเจ้าสาวจากลูกสาวของเพื่อนสนิทของพ่อที่มีอยู่2คน คนพี่สวยเซ็กซี่หยิ่งทนง คนน้องสวยน่ารักใสซื่อไม่ถือตัว เขาควรจะเลือกใครดี
หนูน้อย"อ้ายหลาน"เกิดมาพร้อมกับพลังพิเศษไม่เหมือนใคร แม้นางจะเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็มีพลังมหาศาลสามารถยกกระสอบข้าวด้วยมือเดียว ก้อนหินสิบคนโอบนางก็สามารถยกทุ่มได้อย่างง่ายดาย และจมูกนางไวต่อกลิ่นยิ่งนักแม้สิ่งนั้นจะอยู่ไกลเพียงใดโดยเฉพาะอาหาร นางมีจมูกที่พิเศษสามารถแยกแยะสิ่งมีพิษและไม่มีพิษได้
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
© 2018-now MeghaBook
บนสุด