“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ นายอยากตายใช่ไหม บ้าไปแล้วหรือยังไง ถึงกล้ามัดมือมัดเท้าคนกลางวันแสก ๆ ไอ้คนเฮงซวย ไอ้คนไม่เอาไหน ไอ้หน้าตัวเมีย”
เขาเท้าสะเอว เอามือเขี่ยหูเพราะขี้หูกำลังดิ้นไม่หยุด จึงตัดสินใจปิดปากเธออีกรอบ “ถ้าผมไม่ทำแบบนี้คุณก็หนีผมไปอีก” เขาตามเธอมาสี่ปีแล้ว แถมยังเพิ่งมารู้ว่าตัวเองมีลูกอายุตั้งห้าขวบแล้ว ก็เพราะ คนตรงหน้านี่แหละ
แล้วเขาจับเมียมัดเมียมาผิดตรงไหน?
จู่หลิงถลึงตาใส่ เธอประมาทเกินไป คิดว่าอีกฝ่ายจะญาติดีกับเธอหลังจากที่เธอหนีไปคลอดลูก แล้วนำลูกมาฝากพี่ชายเขา ก่อนจะกลับมาเพราะถูกคนข่มขู่เอาไว้
หลังจากนั้นเรื่องราวก็เลยเถิดมาถึงตอนนี้ เพราะตั้งแต่เธอปรากฏตัว หวังเทียนก็ตามล่า จนสุดท้ายเธอก็จนมุมเมื่ออาของเขา จับตัวเธอไป จนเธอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
คนตรงหน้าก็ฉวยโอกาสจับเธอมัดใส่รถมาตอนที่เธอคิดจะหายไปอีกรอบนั่นแหละ
ตอนนี้เธอหนีไม่ได้ แถมไม่อยากมองหน้าคนตรงหน้าอีก ชายหนุ่มดูเหมือนไม่สำนึกสักนิด สีหน้าแววตายังคงโมโหเหมือนเคียดแค้น มาหลายชาติ
“ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคุณมีลูก” เขาโน้มไปปลดผ้าเพื่อให้เธอเปิดปากพูด
“ฉันบอกแล้ว แต่คุณไม่ฟัง”
บอกตอนไหน ผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย ที่จริงเธอไม่ควรจะมาพูดเรื่องความหลัง แต่เธอควรหาวิธีที่ดีกว่านี้ เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลายเธอเลยยอมรับ และพูดดี ๆ กับเขา นั่นเพราะว่าเธอรู้จักเขาดี ผู้ชายที่เธอรู้จักมา ถึงห้าปี ถ้ารวมกับที่หนีไปก็เกือบสิบปี
ชายหนุ่มยังสงสัยกับคำพูดนั้น จึงถามย้ำอีกครั้งว่า “คุณบอกผมตอนไหน”
จู่หลิงที่ไม่อยากนึกถึงอดีต ก็ต้องนึกภาพในอดีตขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นพอเธอรู้ตัวว่าท้องก็เดินไปหาเขา และถามว่า
‘คุณวางแผนอนาคตอะไรไว้ไหม’
เขาในตอนนั้นหันมายักไหล่ และบอกว่า ‘ไม่มี’
เธอในตอนนั้นไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ก็เลยพูดต่อไปว่า
‘แล้วลูกล่ะ คุณอยากมีลูกมั้ย’ ตอนนั้นเธอกับเขาคบกันมา สามปีแล้ว ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่พวกเขาจะเรียนจบ หวังเทียนในตอนนั้น ถือได้ว่าเรียนเก่งมาก และเขาเองก็คิดที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก
พอเธอทราบว่าตัวเองประจำเดือนหายไปสองเดือน ก็เลยไปซื้อ ที่ตรวจครรภ์มาตรวจ พอรู้ว่าตัวเองท้องก็เลยมาถามเขาแบบอ้อม ๆ
คนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือเงยหน้าขึ้นมอง เขาดึงเธอไปนั่งบนตัก เอาใบหน้าซุกที่ซอกคอแล้วถาม ‘ทำไมเหรอ แล้วคุณอยากมีลูกกับผม กี่คน’
‘ฉันอยากมีสักสองคน มีลูกผู้ชายเป็นคนแรก แล้วก็มีลูกผู้หญิงเป็นคนสุดท้อง พี่ชายจะได้ปกป้องน้องสาว’ เธอที่เป็นลูกคนเดียว รู้สึกว่าการมีลูกคนเดียวเป็นอะไรที่เหงามาก ถ้ามีลูก และมีลูกชายหญิงสองคนพร้อมกันก็จะมีความสุขที่สุด ตอนนี้เธอกำลังวาดฝันครอบครัวที่สมบูรณ์แบบโดยไม่ได้สังเกตสีหน้าคนที่อยู่ด้านหลัง
‘ผมยังไม่อยากมีตอนนี้ ไม่สิ ผมคิดว่ารออีกสักสี่ถึงห้าปีพวกเราค่อยมีกัน ผมอยากไปเที่ยวรอบโลกกับคุณก่อน’
เธอจับมือเขาขึ้นลูบเบา ๆ และถามต่อ
‘แล้วถ้าสมมุติมีตอนนี้ล่ะ’
คนฟังรู้สึกแปลกใจจึงหันหน้ามองหญิงสาว ‘อย่าบอกนะว่า คุณท้อง’
แววตาของหญิงสาวขยับสั่นไหวชั่วขณะ แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกในใจไว้ ‘ฉันแค่ถามเล่น ๆ ค่ะ ว่าถ้ามีตอนนี้คุณจะทำยังไง’
เธอมองไปในแววตาของเขา สีหน้าแววตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิด ไม่มีแววตาของความดีใจสักนิด
น้ำเสียงเขาเรียบนิ่งจริงจัง ‘ถ้ามีตอนนี้คงต้องเอาออก ผมไม่อยากให้เด็กคนนี้มาขวางอนาคตพวกเรา คุณก็ทราบว่าผมอยากไปเรียนต่อ เมืองนอก ผมอยากเป็นวิศวกรที่เก่งที่สุด ยิ่งแม่ของผมห้ามเท่าไรผมก็ยิ่งต้องทำให้ได้ เพื่อที่แม่จะได้รู้ว่าผมรัก และชอบในอาชีพนี้จริง ๆ’
เขากำลังพูดถึงมาดามหวัง มารดาของเขา ที่อยากให้เขาเรียน สายบริหารเพื่อกลับมาบริหารธุรกิจของสกุลหวัง ช่วยพี่ชายของเขาบริหารงานของกาสิโน และธุรกิจโรงแรม ตลอดจนธุรกิจมืดหลายอย่าง แต่เขาไม่ชอบงานพวกนั้นเลย สิ่งที่เขาชอบคืออาชีพวิศวกร
สำหรับคนที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองมีเด็กในท้องอีกคนนั้น สมองเธอกำลังเบลอไปหมดเมื่อได้ยินคำว่าเอาออก เขาไม่ต้องการเด็กคนนี้ แล้วเธอจะทำอย่างไรดี สีหน้าแววตาของเธอเสียใจมาก จึงหันไปบอกเขา
‘วันนี้ฉันรู้สึกป่วย ขอตัวก่อนนะ’
จู่หลิงลุกขึ้นจากตักเขา และครั้งนั้นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบกับเขา หลังจากกลับไปที่คอนโด เธอก็พบมาดามหวังมานั่งรออยู่ใน ห้องแล้ว ในมือของมาดามหวังมีที่ตรวจครรภ์อยู่
เธอตกใจรีบไปดึงกลับมา แต่ไม่ทันแล้ว หัวเรือใหญ่สกุลหวังที่จะนำพาตระกูลให้เจริญรุ่งเรืองหันมองหญิงสาว แล้วยื่นข้อเสนอ
“เอาเด็กออก แล้วฉันจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายของพ่อเธอ”
พ่อของเธอในตอนนั้นป่วยเป็นมะเร็งระยะที่สี่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลค่าใช้จ่ายทั้งหมดส่วนมากหวังเทียนจะเป็นคนช่วยออก เขานำเงินจากหุ้นส่วนของตระกูลมาแบ่งจ่ายให้ แลกกับการที่เธอไม่ต้องไปทำงานด้วยตัวเอง
ที่จริงแล้วครอบครัวของเธอไม่ได้ยากจน แต่เมื่อหลายปีก่อน พ่อของเธอไปลงทุนกับผู้ถือหุ้นรายหนึ่ง สุดท้ายก็ถูกผู้ถือหุ้นรายนั้นคดโกงไปจนหมด
สภาพจิตใจของแม่ตอนนั้นย่ำแย่มาก จึงทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ส่วนพ่อก็เพิ่งมารู้ว่าป่วยเป็นมะเร็ง หลายปีมานี้ที่เธอหายไป ไม่ได้อยู่ สุขสบาย แต่เธอต้องการสืบหาผู้ถือหุ้นรายนั้น จนสุดท้ายแล้ว หลักฐานก็ชี้มาที่สกุลหวัง
แม้ไม่อยากเกี่ยวข้อง สุดท้ายก็ต้องมาเกี่ยวข้องกันอยู่ดี เธอจึงกลับมาที่ฮ่องกงอีกครั้ง แต่พอมาถึงก็ถูกเหมยลี่ลากตัวไปใช้งานเสียก่อนจนสุดท้ายก็จับพลัดจับผลูถูกหวังเทียนจับมา
มาถึงตอนนี้เธอต้องเลือกระหว่างออกจากชีวิตผู้ชายคนนี้ไปตลอดกาล แล้วหยุดค้นหาความจริง กับการแสร้งอยู่กับผู้ชายคนนี้ เพื่อหลอกใช้ประโยชน์
หญิงสาวมองคนตรงหน้า หากเธอหนีไป ผู้หญิงคนนั้นก็จะดีใจ และไม่รู้สึกรู้สมกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปตลอดห้าปี แต่ถ้าเธออยู่ เธออาจจะแก้แค้นให้พ่อ และทำให้ผู้ชายคนนี้อยู่กับความเจ็บปวด ไปตลอดชีวิต ให้สมกับที่เธอถูกกระทำมาตลอด
แววตาแข็งกร้าวในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นแววตาหวาน เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “ฉันเจ็บมือ ปล่อยฉันก่อนได้ไหม”
หวังเทียนมีสีหน้าลังเล แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอ่อนลง แถมประตูด้านนอกก็ถูกล็อกเอาไว้ ถ้าไม่มีรหัสก็จะไม่สามารถเข้าออกประตูรั้ว บ้านได้ เขาจึงยอมปลดเชือกที่ผูกเอาไว้ออก
เมื่อเชือกหลุดแล้ว หญิงสาวก็ลุกขึ้น จากนั้นก็ผลักหวังเทียนลง ชายหนุ่มคิดว่าหญิงสาวจะหนีไป แต่เปล่าเลย หญิงสาวลุกขึ้นคร่อมบนตัวเขา ก่อนถอดเสื้อออก เผยให้เห็นเสื้อชั้นใน แววตาหวานเต็มไปด้วยความเร่าร้อนอย่างที่เคยเป็น
“เลิกพูดพล่าม และถอดกางเกงของนายออกมาได้แล้ว” จากนั้นก็ก้มลงจูบเขา