สูญสิ้นครอบครัว ไร้ซึ่งบิดามารดา หากแต่เพราะประมุขสกุลหลินรับนางเป็นลูกบุญธรรม ‘หลินซานซาน’ จึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับญาติผู้พี่ที่นางมีจิตปฏิพัทธ์มาแต่เยาว์วัย หากทว่าวันหนึ่งนางก็ต้องใจสลาย เมื่อเขาเข้าพิธีมงคลสมรสพระราชทาน ตบแต่งฮูหยินซึ่งไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าตาเข้าตระกูล หลินซานซานแทบกัดลิ้นตาย ทว่าก็จำใจต้องยอมรับ ในเมื่อโชคชะตามิอาจแปรผัน วาสนามิอาจได้ครองคู่ นางก็จะยินยอมญาติดีกับฮูหยินของเขาที่ได้ชื่อว่าสะคราญโฉมล่มบ้านล่มเมืองก็แล้วกัน แต่...ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าฮูหยินของญาติผู้พี่นั้นเป็นชาย! เมื่อรู้ความจริง หลินซานซานถึงกับหน้ามืดทะมึนไปเสียหลายส่วน ฮูหยินของญาติผู้พี่นั้น...คือท่านแม่ทัพ ‘จางอี้ซวน’ บุรุษผู้ได้สมญานามว่า ‘สุนัขเฝ้าชายแดน’ เมื่อถูกนางจับได้ จางอี้ซวนก็ให้สัญญาพร้อมกับขู่ว่าอีกหนึ่งปีจะยอมหย่ากับญาติผู้พี่ของนางให้ แต่ถ้าหากนางปากโป้งแล้วล่ะก็ ไม่ต้องพูดเรื่องหย่าอะไรทั้งนั้น เพราะสกุลหลินจะเหลือเพียงชื่อให้คนรุ่นหลังจดจำ สวรรค์! นี่นางจะต้องทนมีพี่สะใภ้เป็นบุรุษถึงหนึ่งปีเต็มเชียวหรือ!?
สมรสพระราชทาน ผู้ใดเล่าจะกล้าขัด...
เมื่อมีรับสั่งมายังสกุลหลิน เสนาบดีหลินซึ่งเป็นประมุขของบ้านก็ไม่รอช้าตอบรับพระราชโองการด้วยความสัตย์ซื่อ ด้วยราชโองการนั้นเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ฮ่องเต้ทรงมีต่อบุตรชายเพียงคนเดียวของเขา... ผู้ตรวจการเมืองหลินจิ้นฝู
ชายหนุ่มเป็นบัณฑิต ประพฤติรู้ดีชอบ เสียอยู่อย่างเดียวที่เขาครองพรหมจรรย์ ไม่ยอมตบแต่งกับหญิงใดจนอายุล่วงเลยมาถึงสามสิบกว่าปี เรื่องนั้นทำเอาเสนาบดีหลินเป็นทุกข์อยู่ไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะจัดหาหญิงใดมาให้ หลินจิ้นฝูก็ปฏิเสธอยู่เรื่อยไป กระทั่งครั้งนี้... ครั้งนี้ล่ะที่เขาตอบรับอย่างไม่มีบิดพลิ้ว
หลินจิ้นฝูจะสละพรหมจรรย์ มีฮูหยินเป็นตัวเป็นตนเสียที!
ข้าราชการตำแหน่งเล็กเช่นนี้ย่อมต้องยินดีเป็นปกติวิสัยที่ฮ่องเต้ทอดพระเนตรลงมาเห็น สกุลหลินเองก็ยินดีที่จะได้มีลูกหลานสืบสกุลเสียที หากแต่คนที่ยินดียิ่งกว่าก็คือหลินจิ้นฝูเมื่อเขารู้ว่าสมรสพระราชทานนั้นเป็นของเขาและบุตรีของแม่ทัพใหญ่จาง สตรีผู้มีรูปงามประหนึ่งเทพธิดาจุติลงมาเดินดิน... จางเจียเฟย
ได้ตบแต่งสตรีโฉมงามเข้าตระกูลก็เป็นเรื่องน่ายินดี ทว่าที่หลินจิ้นฝูยินดีกว่านั้นก็คือนาง...เป็นคนรักของเขา
ครั้งวัยเยาว์เคยวิ่งเล่นหยอกล้อกัน เมื่อเติบใหญ่เข้าสู่วัยสวมหมวก จากสหายวัยเยาว์ก็กลายเป็นดรุณีที่ต้องตา หลินจิ้นฝูมีใจปฏิพัทธ์ต่อนางตั้งแต่บัดนั้น ทว่าก็ต้องพลัดพรากจากกันด้วยนางต้องติดตามบิดาไปอาศัยอยู่ยังชายแดนตามคำสั่งของฮ่องเต้
จากกันไปหลายปีนับว่าเป็นความทรมานยิ่ง ดังนั้นสมรสพระราชทานจึงเปรียบเสมือนพรอันยิ่งใหญ่จากสรวงสวรรค์ หลินจิ้นฝูหาได้เคยมีความสุขเท่านี้มาก่อนในชีวิต
ในที่สุด...เขาก็จะได้ครองรักกับสตรีที่ขโมยหัวใจของเขาไปครอบครองเสียที
แต่เมื่อก่อนงานวันสมรสมาถึง ความยินดีที่พร่างพรายอยู่เต็มอกก็มลายหายสิ้นเมื่อเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาว
นาง...หาใช่จางเจียเฟย หากแต่เป็นน้องสาวของนางซึ่งมีนามว่า จางอี้ซวน
ชื่อแลคล้ายบุรุษ รูปร่างหรือก็สูงโปร่งใหญ่โต หาได้ดูน่าทะนุถนอมเลยสักนิด กระนั้นนางก็งดงามมากเสียจนใครต่อใครมิอาจละสายตา ครั้นนางมาเหยียบยังเมืองหลวง ชาวบ้านที่พบเห็นก็เอาไปพูดกันปากต่อปากว่าฮูหยินของผู้ตรวจการเมืองโฉมสะคราญล่มเมืองยิ่งนัก
หากแต่หลินจิ้นฝูหาได้ภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ เห็นนางในครั้งแรก ย่อมแน่ว่ามีตกตะลึงไปบ้าง ทว่าค่อนไปทางประหลาดใจมากกว่าที่ว่าที่เจ้าสาวของตนหาใช่จางเจียเฟย แต่แล้วก็รับรู้ได้ถึงเหตุผลที่จางอี้ซวนมาเป็นเจ้าสาวของเขาแทน
จางเจียเฟยล้มป่วยหนัก เสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย ฮ่องเต้มิทรงทราบ ออกราชโองการให้มีสมรสพระราชทาน แม่ทัพใหญ่จางจึงต้องนำบุตรีคนเล็กซึ่งเกิดจากเมียบ่าวตอนที่เขาย้ายไปอยู่ชายแดนเมื่อยี่สิบปีก่อนมาตบแต่งแทน
หลินจิ้นฝูทุกข์โศกแทบไม่เป็นอันกินอันนอน หัวใจของเขาสลายสิ้น ความหวังที่จะได้ครองรักกับหญิงซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจกลายเป็นหมันไปเสียแล้ว อันที่จริงเขาอยากจะล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนี้ ออกจากราชการไปบวชให้จางเจียเฟยเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ทำอย่างนั้น เห็นทีสกุลหลินคงถูกกุดหัวกุดท้ายเป็นแน่ อีกอย่าง หากไม่แต่ง จางอี้ซวนจะเสื่อมเสียเพราะถูกติฉินนินทาได้ ดังนั้นสมรสพระราชาทานจึงต้องดำเนินต่อไป
ไร้เสียงหัวเราะจากเจ้าบ่าวเจ้าสาว ไร้เสียงพูดคุย ไร้ซึ่งความยินดี มีเพียงเหล่าญาติๆ เท่านั้นที่ดูมีความสุขยิ่ง
พวกเขา...ไม่ได้อยากจะแต่งงานกันเลยแม้แต่น้อย
หากแต่ก็เก็บไว้ในใจ ไม่มีใครพูดสิ่งใดออกมา โดยหารู้ไม่เลยว่ายังมีอีกคนที่ไม่ปรารถนาให้ทั้งสองได้ครองคู่กัน
ญาติผู้น้องของหลินจิ้นฝู...
หลินซานซาน...
นางทอดมองคู่บ่าวสาวในชุดมงคลสมรสสีแดงสดคำนับฟ้าดิน คำนับพ่อแม่ คำนับกันและกัน พลันกำมือแน่น ข่มความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ในอกอย่างสุดความสามารถ
นางรักหลินจิ้นฝู... รักมาตั้งแต่ครั้งวัยเยาว์แม้จะรู้ดีว่าหัวใจของเขาไม่เคยมีให้นางเฉกเช่นคนรักเลยแม้แต่น้อย นางเป็นได้เพียงญาติผู้น้องของเขาเท่านั้น กระนั้นนางก็ยังรักเขายิ่ง เขาสุข นางก็สุข เขาทุกข์ นางระทมยิ่งกว่า เมื่องานมงคลสมรสในครั้งนี้ผิดแผน นางย่อมรู้ดีว่าญาติผู้พี่ทุกข์ทนเพียงใด ถึงนางจะไม่ยินดีที่เขาต้องตบแต่งกับสตรีอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ายินดีที่เห็นหญิงคนรักของเขาตายจาก
ในเมื่อเขาไม่มีความสุข แล้วจะตบแต่งกับหญิงอื่นไปเพื่ออะไร สู้แต่งกับนางไม่ดีกว่าหรือ นางมั่นใจว่าสามารถดูแลเยียวยาจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดีแน่นอน
จะดูแล เทิดทูน เคียงข้าง อยากให้นางทำสิ่งใด นางก็จะทำอย่างไม่เกี่ยงงอน ขอเพียงเจ้าสาวคนนั้นเป็นนาง นางก็จะยินยอมทำทุกอย่าง
แต่...คงจะไร้ซึ่งประโยชน์แล้วเมื่อทั้งสองถูกส่งตัวเข้าหอ
หลินซานซานทอดมองบานประตูหอที่ปิดสนิทแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจกับตนเอง
เอาเถิด ในเมื่อเป็นฮูหยินของเขาไม่ได้ นางก็จะญาติดีกับฮูหยินของเขาแล้วกัน อย่างน้อยก็ไม่ทำให้หลินจิ้นฝูต้องทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้ พร้อมกับหมายมั่นว่าหากสตรีนางนั้นไม่ใจดีกับญาติผู้พี่ของนาง นางจะไม่ยอมอย่างแน่นอน!
เมื่อมนุษย์เพศชายเกิดการวิวัฒนาการทางร่างกาย ผู้ชายกลุ่มหนึ่งจึงสามารถตั้งท้องได้ และเพราะความเมาชนิดหลุดโลกในคืนวันนั้น ‘นภัทร’ เดือนคณะสุดหล่อจึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจริงว่าตัวเองจัดการรวบหัวรวบหางลากหลืบคณะอย่าง ‘สิงหา’ ไปมี one night stand เป็นที่เรียบร้อย เรื่องควรจะจบลงแค่นั้น แต่ไม่จบเมื่อชีวิตน้อยๆ ถือกำเนิดขึ้น นภัทรหายตัวไป กลับมาอีกครั้งพร้อมกับข่าวลือประหลาดๆ ก่อนสิงหาจะพบว่าต้นเหตุของข่าวลือคือเด็กหญิงตัวน้อยอย่าง ‘น้องณดา’ ที่สิงหาสงสัยเหลือเกินว่าจะเป็นลูกของเขา “ให้เรียกนายว่าพ่อไม่ได้หรอก น้องณดาไม่ได้ลูกของนาย” “งั้นเรียกป๊ะป๋าก็ได้” “ไม่ได้” “แด๊ดดี้” “นี่...พอเลย” “ดาดา” คำเรียกที่หลุดจากปากของเด็กหญิงตัวน้อยทำเอาคุณพ่อกำมะลอยิ้มหน้าบาน ปฏิบัติการทวงคืนความเป็นพ่อต้องมา ต่อให้นภัทรไม่ยอมรับ งั้นสิงหาก็ขอเข้าทางลูกสาวตัวจิ๋วก็แล้วกัน! รับผมเป็นพ่อของลูกเถอะนะครับ!
เพราะไปตีกับเกรียนคีย์บอร์ดที่บังอาจเอานิยายเธอมาวิจารณ์หยาบๆ คายๆ ว่างานเธอเชิดชูระบอบปิตาธิปไตย ตามมาด้วยการดูแคลนเหยียดหยามทางเพศสภาพอีกหลายอย่าง ทำเอา ‘อาคิรา’ นักเขียนนิยายประโลมโลกถึงกับเลือดเฟมินิสต์ในกายเดือดพล่าน กล้าดียังไงมากล่าวหาเธออย่างนี้ งานเธอถึงจะเป็นงานประโลมโลก แต่ใช่ว่าจะเชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่สักหน่อย! ต้องตามไปตบตีจนกว่าจะชนะ เถียงแพ้รอบนั้น แต่คนไม่แพ้ ตามหาแอคเคาทน์ของคนที่ใช้นามแฝงว่า ‘เวนไตย’ ไปจนเจอเข้ากับตอจังเบ้อเร่อ โดยหารู้ไม่ว่าเวนไตยคนนี้ หาใช่ไอ้เวรตะไลที่ประนามหยามเหยียดแต่อย่างใดไม่ ทว่าเป็นบรรณาธิการหนุ่มผู้คว่ำหวอดในวงการวรรณกรรมสร้างสรรค์สังคมต่างหาก “ฉันจะทำให้ดูว่างานเขียนฉันมันไม่ได้เชิดชูระบอบชายเป็นใหญ่!” “งั้นก็ลองเขียนมาดู ผมอยากอ่านเหมือนกัน อยากรู้ว่านักเขียนอย่างคุณจะทำได้ดีสักกี่น้ำ” โดนท้าทายมาถึงกับปรี๊ด คอยดูเถอะ เธอจะเอารางวัลมาฟาดหน้าไอ้เวรตะไลนี่ให้ได้เลย!
“ฉันจะเป็นเมียของนายดินค่ะ” ไม่รู้ว่าส้มหล่นหรือโชคร้ายกันแน่ที่จู่ๆ คุณหนู ‘หยาดฟ้า’ ของตระกูลเศรษฐีเมืองกรุงก็มาถวายตัวยอมเป็นเมียของ ‘ไอ้ดิน’ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียอย่างนั้น ไอ้ดินค่อนข้างจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะไม่ให้งงได้อย่างไร เขาไม่รู้จักมัดจี่กับเจ้าหล่อนนี่ จู่ๆ ก็มาบอกว่าจะเป็นเมียเขา เป็นใครก็งงทั้งนั้นแหละ! ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ว่าเหตุนี้เกิดขึ้นเพราะหยาดฟ้าถูกบิดาบังคับให้แต่งงาน เธอจึงหนีมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด และได้เจอกับกุลีหนุ่มที่นี่ ประจวบเหมาะกับที่บิดาของเธอโทรมาคาดคั้นให้เธอกลับไปแต่งงานพอดี เธอถึงได้ลั่นวาจานี้ออกมาให้บิดารู้ว่าเธอมีผู้ชายคนใหม่ที่ยินยอมพร้อมใจจะเป็น ‘เมีย’ ของเขาแล้ว หาใช่ผู้ชายที่บิดาจัดเตรียมมาให้ สำหรับไอ้ดิน นี่คงไม่ใช่ส้มหล่นหรอก เป็นคราวเคราะห์เสียมากกว่า เขาจึงรีบบอกปัดหัวขวิด “ไม่ล่ะครับคุณหนู ผมคงไม่อาจเอื้อมไปเด็ดดอกฟ้าหรอก ผมก็แค่กุลีใช้แรงงานไปวันๆ จะเอาเงินที่ไหนไปเลี้ยงให้คุณหนูอยู่ดีกินดีได้” “ไม่ต้องกินดีอยู่ดีก็ได้ แค่ให้ฉันอยู่ด้วยก็พอ” “ให้อยู่ด้วยก็ไม่ได้ครับ ก็คุณหนูน่ะเป็น...” “เป็นเมียนายดินไงล่ะ” เป็นที่ไหนกัน เขายังไม่ได้ซั่มเธอเลยสักกะยก! ไอ้ดินปวดขมับตุบๆ ขณะที่หยาดฟ้าเชื้อเชิญเขาเป็นการใหญ่ “แล้วนี่มัวรออะไรอยู่ รีบพาฉันเข้าบ้านสิ จะได้ทำอะไรอย่างที่ผัวเมียเขาทำกัน” เธอรู้หรือเปล่าว่าพูดถึงเรื่องอะไรอยู่น่ะ!? ไอ้ดินไม่แน่ใจนัก แต่แวบเดียวก็แน่ใจแล้ว เพราะจู่ๆ หญิงสาวก็ดึงคอเสื้อให้หน้าอกอิ่มล้นทะลักออกมา ไอ้ดินมองจ้องตาไม่กะพริบ ได้สติมาอีกครั้งก็ตอนที่สาวเจ้าเอ่ยปาก “มาสิพี่ดิน มาเอากัน ฟ้าพร้อมจะเป็นเมียพี่แล้ว” ดูพูดจาเข้า เรียกแทนตัวด้วยชื่อ แทนเขาว่าพี่ชวนให้เอ็นดูอีก! โอ๊ย! ไอ้ดินจะบ้าตาย! เห็นทีเขาคงหนีไม่พ้นการถูกยัดเยียดความเป็น ‘ผัว’ ด้วยฝีมือหยาดฟ้าแล้วล่ะ
เพราะอกหักจากคนที่แอบชอบมานาน ทำให้ ‘ภีม’ พาตัวเองไปในที่อโคจรเพื่อที่จะระบายความเศร้าเสียใจออกไปบ้าง หากทว่าในคืนนั้น เขากลับได้พบกับชายแปลกหน้าอย่าง ‘สุดเขต’ ที่บังเอิญเข้ามาพูดคุยด้วย ทั้งสองเกือบจะลงเอยกันด้วยความสัมพันธ์ข้ามคืน หรือที่เรียกกันว่า One night stand หากทว่าก็เกิดเรื่องวุ่นๆ เสียก่อน ก่อนที่ภีมจะพบว่าผู้ชายที่เขาได้เจอในคืนนั้น เป็นคนคนเดียวกับคนที่เขาแอบชอบตกหลุมรัก ให้ตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการ ‘ลัก’ ความรักของภีมก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อสุดเขตไม่สามารถลืมความน่ารักของภีมลงได้เลย เขาต้องเอามาให้ได้ ทั้งตัวภีม และความรักของภีม จะเอามาให้ได้ทั้งหมดเลยคอยดู!
แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจ ทว่าปีศาจกวางอย่าง ‘ลู่ลู่’ กลับหาได้พิสมัยการระรานมนุษย์สักเท่าไรนัก สะอาดบริสุทธิ์เสียจนแทบจะลุแก่ตบะแล้ว ทว่า... ชีวิตของเขาก็หาได้สงบสุขอีกต่อไปเมื่อนักพรตปราบปีศาจอย่าง ‘เยี่ยนเฉิน’ หนีตายจากการถูกล่าเพราะดันไปต้มตุ๋นชาวบ้านวิ่งทะเล่อทะล่ามาสลบอยู่หน้าถ้ำ ถึงจะเป็นปีศาจแต่ก็หาได้ไร้น้ำใจนัก มอบไมตรีช่วยเหลืออย่างไม่เกี่ยงงอน หากแต่เยี่ยนเฉินกลับตอบแทนบุญคุณด้วยการทำให้ชีวิตของลู่ลู่แปดเปื้อนด้วยมลทิน บีบบังคับให้ปีศาจกวางน้อยรวมหัวในแผนต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเอาคืน! นักพรตจอมกะล่อนผงาด ใช้ชีวิตอย่างสำราญ ขณะที่ปีศาจน้อยถูกจิกหัวใช้ให้ไประรานชาวบ้านไม่เว้นวัน อะไรไม่ว่า เยี่ยนฉินยังขยันลูบหางเล็กๆ ของเขาเสียเหลือเกิน ไม่รู้หรือไงว่าตรงนั้นน่ะ...มะ...มัน... ...ทำให้ตัวร้อนผะผ่าวนะ! ต้องมีสักวันที่พลั้งเผลอไปมากกว่านี้แน่ สวรรค์! ลู่ลู่ผู้นี้จะหลั่งน้ำตาเป็นสายโลหิตแล้ว!
หากผู้ใดเชื่อว่าทะเลทรายผืนนี้โหดร้าย ผู้นั้นย่อมเชื่อในสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่โหดร้ายกว่าผืนทะเลทรายแห้งแล้ง คือกองกำลังโจรทะเลทรายของ 'อัลมิราน' ผู้นี้ต่างหาก โหดร้าย...ชั่วช้า...เลวสามานย์ ดูเหมือนจะเป็นคำสร้อยที่พ่วงท้ายชื่อของโจรหนุ่มนามเลื่องลือไปเสียแล้ว แต่เขาจะสนใจสิ่งใดกัน ในเมื่อเขาถูกตราหน้าว่าชั่ว เขาก็จะเป็นคนชั่วให้สมดั่งที่ถูกบีบคั้น เพียงเพื่อให้ได้อัญมณีแห่งสุลต่านมาครอบครอง เขาก็ไม่เกรงกลัวสิ่งใดแล้ว หากแต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์จะนำพาให้เขาพบกับอัญมณีมีชีวิตแห่งทะเลทราย...'จามิล' นักระบำร่อนเร่ผู้มีเสน่ห์เย้ายวน เพียงได้ชมระบำทะเลทรายของจามิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หัวใจของอัลมิรานก็ถูกครอบครองไปสิ้น โดยหารู้ไม่ว่าตนกำลังก้าวเข้าสู่หุบเหวอเวจีแสนหวานที่จะฉุดคร่าชีวิตเขาไปเสียแล้ว...
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"