(นิยายทำละคร เกมเสน่หา) เพราะเย่อหยิ่ง ถือตัว และเหยียดทุกคนที่ต่ำต้อยกว่า จึงทำให้ใครๆ ก็มองว่าเธอ "ร้ายกาจ" แต่ทว่า...นั่นเพราะเธอร้ายกาจจริงๆ หรือเพราะเธอสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพียงเพราะเธอกำลังเผชิญกับปัญหาบ้านแตก! และความรัก ความเป็นหนึ่งในครอบครัวถูกแย่งชิงจาก "เขา" ผู้เป็น "คนนอก" ครอบครัว เพราะเขาได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากครอบครัวของเธอมากกว่าเธอเสียอีก เธอจึงเกลียดเขาอย่างมากมาย และต้องกดเขาไว้ให้เป็นเพียง "เด็กในบ้าน" อย่าให้เขาเข้ามาชุบมือเปิบ ฮุบทุกอย่างในบ้านของเธอ และเมื่อเธอค้นพบว่า เขาหลงรักเธอ และหมายปองดอกฟ้าอย่างเธอ เธอจึงวางแผนขุดหลุมล่อ วาง บ่วงเสน่หา เพียงเพื่อให้เขาพบกับความผิดหวังและทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอเองต่างหาก...ที่จะตกอยู่ในบ่วงเสน่หาที่วางไว้เอง!
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้ะ ลูกรัก”
พอเหมือนชนกก้าวเข้ามานั่งในที่นั่งตอนหลังของรถคันหรูสีทองคันนี้ก็ได้รับการโอบกอดจากวงแขนเรียวๆ คู่หนึ่ง กลิ่นหอมฟุ้งตลบเข้าจมูก หล่อนก็แข็งขืนตัวเองเอาไว้ชั่วขณะหนึ่งเมื่อยินยอมให้มารดาโอบกอดอย่างนั้น วิสาขาจูบแก้มลูกสาวแรงๆ ทำเหมือนรักใคร่ที่สุด แต่เหมือนชนกก็ยังตัวแข็ง...หล่อนร่ำร้องในใจว่าแม่เล่นละครอีกแล้ว
“ไม่นึกว่าแม่จะมาด้วย”
หล่อนพึมพำออกมา น้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย คงเฉยเมยเหมือนดังเช่นเคย เมื่อสองปีก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ก็เช่นเดียวกัน วิสาขาไม่ใช่คนคิดมาก เธอจึงหัวเราะเบาๆ
“ก็ต้องพูดกันย่ำแย่กับพ่อของลูก กว่าเขาจะยอมให้แม่นั่งรถคันนี้มาด้วย ลูกเป็นไงบ้าง...ไหนแม่ดูทีซิ”
เธอผลักลูกสาวออกห่างตัวเกือบจะชิดประตูอีกด้าน ทำให้นายธวัชที่กำลังจะก้าวตามเข้ามาเม้มปากอย่างหงุดหงิดอารมณ์ที่ผ่องแผ้วของเขาหายสูญไปหมดสิ้น นับจากตอนเช้าที่วิสาขายกโทร.แจ้งความจำนงว่าจะมารับลูกสาวด้วย เขาไม่ได้ทำใจมาก่อนว่าเขาจะยังจะต้องเจอะเจอกับอดีตภรรยาอย่างใกล้ชิดอีก
แล้วนายธวัชก็เปิดประตูด้านหน้าขึ้นมานั่งคู่กับคนขับ
“ลูกอ้วนขึ้นนะ...ดูซิ แก้มเป็นลูก คางเป็นลอนเชียว...อยู่โน่นลูกคงจะไม่ได้จำกัดอาหาร”
น้ำเสียงของวิสาขาเรื่อยเจื้อย
เหมือนชนกยังนิ่งอยู่ หล่อนพยายามอย่างยิ่งที่จะแสดงกิริยาดี ๆ ต่อหน้าแม่ แต่ไม่รู้ว่าความอดทนของหล่อนจะไปได้อีกแค่ไหน
“แต่ลูกของแม่ยังสวยอยู่ดี...”
รถเคลื่อนออกแล้ว เหมือนชนกกระเถิบกายออกห่างแม่มากที่สุด หล่อนเวียนหัวกับกลิ่นหอมจากเรือนกายของแม่...เนื้อตัวของวิสาขาเหมือนอบร่ำด้วยกลิ่นหอมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า และมันก็อบอวลอยู่แค่ในรถคันนี้อีกด้วย
“ทำไมพ่อเงียบไปล่ะคะ”
เหมือนชนกถามขึ้น นายธวัชเบือนหน้ามา...เขามียิ้มหวานให้กับลูกสาว แต่กับวิสาขา เขาปึ่งชาจนเห็นได้ชัด “พ่อมัวแต่ตื่นเต้นน่ะ” เขาหายใจไม่เต็มที่กับอากาศที่อดีตภรรยาของเขาได้ใช้ร่วมกันนี้ ระบบในตัวของเขาดูจะขัดข้องไปหมด แต่วิสาขาไม่รู้สึกเหมือนดังเขา เธอยังยิ้มได้หน้าบาน ดวงตามีแววหวานฉ่ำอย่างหญิงตาเจ้าชู้ ไม่มีกิริยาบอกความอึดอัดขัดข้องอีก
“พ่อดีใจที่ลูกกลับมาบ้าน”
“แต่คงจะไม่เท่ากับแม่” วิสาขาสอดขึ้นมา ดึงลูกสาวมาทางตัวเอง “ลองถามพ่อเค้าดูซิว่าเค้ามีโครงการต้อนรับการกลับบ้านของลูกด้วยอะไร”
“ผมจะบอกลูกเอง เราจะคุยกันแบบพ่อกับลูกสองคน”
ด้วยเสียงอันเย็นชา แล้วปรายตามองเธอเหมือนไม่พอใจ วิสาขาแกล้งหัวเราะร่วน
“จะบอกเมื่อไหร่ล่ะ”
“มันเรื่องของผม”
เหมือนชนกชักสีหน้าจนเห็นได้ชัด หล่อนกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด “นี่มันอะไรกันคะ...อะไรกัน...ลูกกลับบ้าน แล้วพ่อกับแม่เล่นอะไรกัน...จะทะเลาะกันอีกหรือคะ...เหมือนเมื่อวันมาส่งลูก พ่อกับแม่ก็ทะเลาะกันอย่างนี้ นี่จะไม่ละเว้นกันบ้างหรือไง จะทะเลาะกันตลอดชาติเลยหรือคะ”
“เราไม่ทะเลาะกันแล้วล่ะจ้ะ” วิสาขาตอบอย่างอ่อนหวานยิ่ง “เพราะเราเบื่อเหลือเกินแล้ว นี่ลูกคงจะยังไม่รู้ซินะว่าพ่อกับแม่หย่าขาดจากกันแล้ว”
“หย่า...”
ดวงตารูปเรียวยาวของเหมือนชนกเบิกกว้าง หล่อนดึงตัวเองออกจากการโอบกอดของแม่ ใจของหล่อนเต้นแรงอยู่ในอก หล่อนไม่คาดว่าจะมาถึงจุดนี้ น้ำเสียงของหล่อนสั่นสะท้าน
“ทำไมล่ะคะ ทำไมต้องลงเอยกันตรงนี้ด้วย ก่อนไปก็ขอเอาไว้แล้วว่า สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดก็คือพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน”
นายธวัชกลืนน้ำลายอย่างลำบาก เขารู้เหมือนกันว่าเหมือนชนกจะต้องโวยวายกับเรื่องนี้ ส่วนวิสาขา เธอหยุดหัวเราะไปแล้ว...แต่ยังคงอธิบายได้เหมือนไม่ทุกข์ร้อน
“มันควรจะสิ้นสุดกันนานแล้วนะ...ลูกก็โตแล้ว ยอมรับเสียบ้างเถิดว่าพ่อกับแม่ไปด้วยกันไม่ได้ หย่ากันซะมันก็ดีกับเราสองคน...แม่มีความสุข พ่อเค้าก็มีความสุข...เรามีวิถีชีวิตที่เราเลือกสรรกันเอง พ่อเค้าก็จะแต่งงานใหม่เร็วๆ นี้ ลูกกลับมาทันเป็นสักขีพยานในวันแต่งงานของพ่อเค้าพอดีเชียวนะ...”
หูของเหมือนชนกอื้อไปหมดแล้ว แต่ยังได้ยินเสียงของวิสาขาเหมือนล่องลอยมาจากที่อันไกลแสนไกลยิ่ง
“รู้ไหมว่าเมียใหม่ของพ่อลูกเป็นใคร มาจากไหน...ลูกยังจำยัยนางงามคนนั้นได้ไหม...คนที่ได้ตำแหน่งปีที่พ่อของลูกถูกเชิญไปเป็นกรรมการให้คะแนนนั่นน่ะ...ขึ้นแท่นมาแล้วล่ะจ้ะ...ขึ้นมาเป็นคุณนายเศรษฐีซะแล้ว”
รถยนต์จอดยังไม่สนิทนักเมื่อเหมือนชนกเปิดประตูพรวดออกไป...หล่อนอยากอาเจียน ความรู้สึกของหล่อนกำลังย่ำแย่เหลือเกิน...หล่อนวิ่งถลาออกไปโดยเร็ว...เสียงของนายธวัชเอะอะไล่หลังมา...หล่อนไม่สนใจอีกแล้ว วิ่งขึ้นมาในตัวตึก แล้วหล่อนก็ชนกับใครคนหนึ่งอย่างแรง...ร่างโปร่งบางของหล่อนหมุนคว้าง แต่ก่อนที่จะล้มลงก็มีมือค่อนข้างแข็งของใครคนหนึ่งคว้าจับเอาไว้ได้เสียก่อน
หล่อนพยายามเพ่งมองคนเบื้องหน้า ผู้ชายตัวสูง ผิวเข้ม...ตาคม ดวงหน้านั้นค่อนข้างจะคุ้น...
“คุณนก...”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มๆ นั่นทำให้หล่อนจดจำเขาได้ เขาเป็นญาติทางแม่ เข้ามาทำงานในครอบครัวของหล่อนอยู่ก่อนหน้าหล่อนจะบินไปเรียนต่อ...หล่อนไม่คุ้นกับเขามากนัก เพราะเหมือนชนกค่อนข้างจะถือตัวอยู่ไม่น้อย หล่อนกดเขาเอาไว้เป็นแค่ ‘เด็กในบ้าน’ หล่อนสะบัดแขนออกอย่างแรง ก้าวถอยหลังออกมา
นั่นทำให้เขายืนนิ่ง ไม่ประหลาดใจกับท่าทางของหล่อนที่แสดงออกกับเขา เหมือนชนกเหยียดเขามานานแล้ว ตั้งแต่แรกที่เขาก้าวเข้ามา...หล่อนมักจะยกคางเรียวๆ ขึ้นอย่างเย่อหยิ่งทุกครั้งที่พบหน้าเขา แล้วมีดวงตาที่มองเขาอย่างหมิ่นๆ มีวาจาที่ทำให้เขาได้สะอึกเสมอมา
“คุณนั่นเอง...” หล่อนเอ่ยออกมา น้ำเสียงเย็นชา...สองมือไขว้เอาไว้ข้างหลัง สองปีที่ผ่านมาเขามองเห็นความเติบโตทางกายของหล่อนเท่านั้น นอกนั้นเหมือนชนกยังเหมือนเดิม ดูหล่อนไม่ค่อยจะมั่นคงนักทางด้านอารมณ์
“คุณยังอยู่ที่นี่อีกหรือ”
“ครับ”
“แม่หย่ากับพ่อแล้ว” หล่อนบอกลอยๆ “ฉันนึกว่าคุณจะเก็บของไปจากที่นี่”
ลัคนัย พยายามที่จะไม่ใส่ใจกับกิริยาเหมือนพาลของหล่อน เขาเพียงแต่ให้คำตอบเรียบๆ กับหล่อนเท่านั้น
“คุณนกคงยังไม่ทราบว่าผมได้เลื่อนตำแหน่ง...ตอนนี้ผมเป็นผู้จัดการบริษัทเงินทุนแล้ว...”
เหมือนชนกผงะออกมา...ผู้จัดการบริษัท...หล่อนไม่อยากจะเชื่อ...นี่มันอะไรกัน สองปีกับการเปลี่ยนแปลง...พ่อกับแม่หย่ากัน พ่อจะมีเมียใหม่เป็นอดีตนางงาม แล้วผู้ชายในบ้านได้ดิบได้ดีเลื่อนเป็นผู้จัดการ...นรกชัดๆ เชียว...มันเหมือนนรก...กรุงเทพฯ ไม่ใช่สวรรค์ บ้านไม่ใช่วิมานหรูหราของหล่อนอีกแล้ว เหมือนชนกกัดริมฝีปากเอาไว้...มือของหล่อนกำแน่นเข้าหากัน
ลัคนัยก็รออยู่เหมือนกันว่าหล่อนจะพูดอะไรออกมาอีกแต่เปล่าเลย เขาเห็นเหมือนชนกสะบัดหน้าพรืด แล้วหล่อนก็เดินผ่านเขาไป...ชายหนุ่มแอบถอนใจออกมา...กาลเวลาไม่ได้ทำให้หล่อนเติบโตขึ้น หล่อนยังเหมือนเดิม เป็นหญิงสาวเย่อหยิ่งจองหองคนเดิม เขามองเห็นเค้าความวุ่นวายที่จะติดตามมา...นายธวัชคงจะเดือดร้อนมากกว่าใครในเมื่อเหมือนชนกเป็นลูกรักตลอดมา...
ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่
จากเด็กหญิงเล็กๆ ที่ได้รับการปลุกปั้นขึ้นมาเป็นนักร้องเสียงทองสุดสวยแห่งยุค พิจิกา โลดแล่นไปตามจังหวะเสียงเพลงจนถึงจุดสุดยอดในชีวิต และเส้นทางนั้นก็ไม่ได้งดงามเสมอไปเมื่อ สุวิชา ชายหนุ่มรูปงามก้าวผ่านมา เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรสำหรับเธอ แต่เป็นมารร้ายที่ทำให้เธอตระหนกตกใจสุดขีด เขาทำให้จังหวะเพลงชีวิตของเธอผิดเพี้ยนไป กว่าเธอจะรู้ว่ามารร้ายมีหัวใจรักมั่นคง...ก็เกือบจะสายเกินไป
ชาวัน หนุ่มหล่อ รวย เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครมาก่อน ต้องจำยอมรับผิดชอบ รุ้งทอง หญิงสาวที่ความจำเสื่อมเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ชาวันรับสมอ้างเป็นสามีของรุ้งทอง ด้วยเหตุนี้รุ้งทองจึงถือสิทธิ์ว่าเป็น “เมีย” โดยที่ชาวันเองไม่มีทางขัดขืน เพราะหัวใจเขาไปอยู่ในมือของเธอ หัวใจของอสูรตัวแสบ...นามชาวัน ฉายา “ชาละวัน” ไอ้เข้ตัวเอ้ ยอมสยบในอุ้งมือของสาวน้อย รุ้งทอง อย่างหมดลาย
โชคชะตาพัดพา ศรา เข้ามาในเส้นทางชีวิตของเกสร หนุ่มดิบเถื่อนจากป่าดง มาเจอสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สาวมองหนุ่มเป็น อสูร ตัวร้าย และเขาก็เต้นระบำรอบตัวเธอ คนสองคนถูกเหวี่ยงเข้าไปในเส้นทางของการแต่งงาน จาก บังเอิญ เป็น ผูกพัน เมื่อต่างมีปม และปูมหลังครอบครัวที่แหว่งวิ่น พวกเขาเริ่มเห็นใจกันเข้าใจกันพร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่ เกสร จับมือ ศรา เริ่มร่ายระบำรำฟ้อน ไปด้วยกัน อสูรตัวนั้นก็เป็นได้เพียง อสูรในหัวใจเกสร...ที่ทำให้ครอบครัวเติมเต็ม
ลูกพ่อ...ไอ้ขวัญ ที่ไม่มีความคิดนอกจากมัวเมาราคะแล้วทำให้เขาเกิด สกาว...แม่ที่ร่ำลือไปทั่วหลายหมู่บ้านดังในตำบลว่าสวย แต่ร่านเสน่ห์... ยาย...ศรีนวลผู้ดีจอมปลอม แต่ใจร้ายหมายจะทุบตีเขาถึงตาย และย่า...ผกาที่เป็นกะหรี่เก่า ...ชีวิตบัดซบฉิบหาย... ภานุกร บอกตัวเองเช่นนั้น ไม่มีพ่อเป็นแบบอย่างชีวิต ไม่มีอกแม่ให้ซุกอุ่นไอ เติบโตมาในมือคนอื่น หาก สกาว เป็นนางแม่มดร้ายกาจตั้งแต่วัย 16 สกาวก็ได้ให้กำเนิด อสูรร้ายอย่างเขา หนุ่มหล่อ มีปมเต็มสี่ห้องหัวใจ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่มีหัวใจให้กับใครอย่างแท้จริง จนมาเจอกับ แม่สาวแพว พิชญา อสูรร้ายสงบลง แต่จริงๆ แล้ว แพว พิชญา ก็มีความละม้ายเหมือน สกาว แต่เป็นภาคนางฟ้า มาทำให้อสูรได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง ด้วยคำพูดที่ว่า ผมไม่อาจจะสาบาน เพราะผมไม่เชื่อมั่นแต่หากเชื่อในตัวผม... ก็คงจะเชื่อในคำพูดผม...ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุด...เพื่อคุณ...”
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้