สรวิชญ์กล่าวหาน้องชายปุณิกา ว่าพาน้องสาวเขาหนี จะแปลกอะไรถ้าเขาจะฉุุดเธอมา ตาต่อตาฟันต่อฟัน!
ขณะนั้นเป็นเวลาที่สีส้มแสงสุดท้ายของตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตฟ้ากระโปรงทรงคลุมเข่าสีดำเดินมาตามทางในซอยแคบ ๆ ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกระเป๋า ส่วนอีกข้างถือถุงโจ๊ก ซึ่งเป็นมื้อเย็นของวันนี้
ต้องทำตัวลีบติดกับกำแพงบ้านในซอยทุกครั้งที่มีเสียงมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่าน นี่มิใช่การเดินทางปรกติของเธอ
ระหว่างมุ่งหน้ากลับบ้านก็คิดถึงรถเต่าคันเก่าแก่ที่ขับไปไหนมาไหนประจำ หากไม่เพราะน้องชายแอบเอารถออกไปเมื่อเช้า เธอคงไม่ต้องเสี่ยงภัยการจราจรในซอยอึดอัดเช่นนี้ ปุณณภพเอาวางกุญแจมอเตอร์ไซด์เขาพร้อมกับโน้ต
“แม้วขอยืมอีเก่งของสักวันสองวัน พี่มิ้มใช้เจ้าโชคดีไปก่อนนะ”
โชคดี...ที่น้องชายหมายถึงคือเจ้าฟีโน่สีแดงแรงสามเท่าที่เจ้าตัวแปะสติกเกอร์ตามใจตัวเองเสียเปรอะ
เล่นหักคอกันอย่างนี้ ปุณิกามีแต่ต้องทำใจ เธอไม่กล้าพอที่จะขับเจ้าสองล้อนี่ท่ามกลางการจราจรของกรุงเทพฯ จึงจำใจต้องอาศัยเดินมาหน้าปากซอยเพื่อเรียกวินฯ ตอนเช้ายังพออาศัยรถสาธารณะประเภทนี้ได้ แต่ตอนเย็นที่ผู้คนต่างเลิกงาน ต้องการกลับไปพักผ่อน ลูกค้ายืนรอคิวใช้บริการยาวเป็นสิบคน
เธอเห็นแล้วท้อ จึงยอมเดินเข้าซอยดีกว่า พอดีใกล้ ๆ กันมีตลาดเล็ก ๆ จึงซื้อโจ๊กมาด้วย ปุณิกาให้กำลังใจตัวเองว่า...รีบ ๆ เดินเข้า จะได้กินอาหารร้อน ๆ
เธอไม่ใช่คนเห็นแก่กิน พิสูจน์ได้จากเอวบาง ร่างน้อยที่เห็นกันอยู่ แต่วันเหนื่อย ๆ ก็อยากได้อะไรเยียวยาจิตใจบ้าง
แสงสุดท้ายของตะวันลับไปแล้ว แม้ความมืดแห่งรัตติกาลจะแผ่ปกคลุมท้องฟ้า แต่มีหรือเมืองหลวงอันมีความหมายว่าเมืองเทพจะพ่ายแพ้ต่อความมืด ไฟตามเสาส่องสว่างเจิดจ้าน้อยกว่าแสงกลางวันเพียงนิด
อีกไม่กี่อึดใจ เลี้ยวหัวมุมข้างหน้า ถัดจากบ้านไปอีกสองหลัง นั่นคือบ้านของเธอ สวรรค์น้อย ๆ แต่พอเพียงของปุณิกาและน้องชาย
...อีกไม่กี่อึดใจ แค่มือเล็กหยิบกุญแจมาเตรียมไขกุญแจที่คล้องประตูเหล็ก เงามืดดังจะดับแสงไฟใด ๆ ในโลกหล้าได้ ...ทาบทับร่างของเธอ
มือสีเข้มจับซี่ประตูเหล็กดัด
“เธออยู่บ้านหลังนี้ใช่ไหม ฉันมีเรื่องจะถาม”
หญิงสาวหันขวับกลับมาทันที เบิกตาโตมองเจ้าของเสียง เขาเป็นผู้ชาย ผมหยักศกยาวระต้นคอ คิ้วเข้มรกไม่เป็นระเบียบ
“เธอเป็นพี่เด็กที่ชื่อแม้วใช่ไหม”
ปุณิกาถอยหลังจนตัวแทบลีบติดประตู ดวงตาสีรัตติกาลจ้องตรงมายังเธอ ก่อให้เกิดอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ
“ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
แนวกรามบึกบึนเต็มไปด้วยเครา เสียงทุ้มลึกที่เปล่งออกมายิ่งทำให้เธอกลัว นึกถึงข่าวโจรร้ายฆ่าข่มขืนผู้หญิงขึ้นมาในทันใด
“คุณเป็นใคร!”
เธอมองข้ามแขนภายใต้เชิ้ตลายตาราง เห็นผู้ชายแต่ตัวคล้าย ๆ เขายืนคุมเชิงอยู่อีกหลายคน
“ฉันเป็นพี่ของผู้หญิงที่น้องชายพาหนีนะสิ”
หูได้ยินเสียงกัดฟันกรอด ในดวงตาสีนิลดังเห็นประกายไฟปะทุ
“อย่ามากล่าวหาน้องฉันนะ ออกไป! ไม่งั้น ฉันจะเรียกตำรวจ”
หรือนี่จะเป็นวิธีการใหม่ของโจรที่ใช้หาเหยื่อ ปุณณภพไม่เคยแสดงท่าทีชอบผู้หญิงคนไหน จะพามาบ้านหรือโพสต์ลงโซเชียลก็ไม่เคย ในสายตาเธอ น้องเป็นคนเอาการเอางาน หลังเลิกเรียนก็ไปหางานพิเศษทำ เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านบาร์
“เรียกมาเลย ฉันจะได้ให้ตำรวจจับมัน โทษฐานพรากผู้เยาว์ น้องสาวฉันอายุแค่สิบเจ็ดเอง”
เขาตะปบมือระบายอารมณ์กับประตูดังปัง จนปุณิกาสะดุ้งเฮือก
“ฉันไม่เชื่อ ใครก็ได้ช่วยที ผู้ชายคนนี้มาโมเมกล่าวหาน้องฉัน”
เมื่อเห็นคนตัวโตหน้าผากตึงจนแทบจะเห็นเส้นเลือด เธอจึงรีบขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน แต่เนื่องจากเป็นเวลาค่ำ ผู้คนล้วนอยู่ในบ้านกับครอบครัว ไม่มีเลยสักคนที่จะโผล่ออกมาดูเธอ
“เข้าไปค้นในบ้านก่อนเถอะครับ เผื่อเขาซ่อนคุณสตางค์ไว้”
หนุ่มหน้าเสี้ยมตัดผมสั้นเกรียนรีบเสนอทางออกแก้สถานการณ์ มือสีเข้มแย่งกุญแจจากเธอ ไขเปิดผลัวะเข้าไปในบริเวณบ้าน
“ปล่อยนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับ พวกคุณบุกรุกบ้านฉัน”
แย่งกุญแจอย่างเดียวไม่พอ หนุ่มเคราครึ้มยังลากข้อมือปุณิกาไปด้วย เธอทั้งขัดขืน ทั้งพยายามสะบัด แต่ไม่ได้ระคายเคืองผิวเข้มนั่นเลย เขายังคงใช้กำลังบังคับเธอเข้าไปในบ้านตัวเอง
“ค้นทุกซอกทุกมุม หาสตางค์กับไอ้เด็กเวรนั่นให้เจอ” เขาประกาศ ทิ้งตัวเธอลงบนโซฟา
“เดี๋ยว จะทำอะไร นี่มันบ้านฉันนะ”
เธอผุดลุกขึ้น ตอนเห็นแขกไม่ได้รับเชิญทั้งหลายขึ้นบันไดไปชั้นสองบ้าง ไปทางครัวบ้าง มีเสียงเปิดประตูปึงปัง
“อยู่เฉย ๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
เขายืนเท้าสะเอวจ้องเธอนิ่ง หญิงสาวหน้าร้อน รู้ว่าเขากำลังจับผิด
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรระหว่างน้องชายฉันกับน้องสาวคุณเลยนะ”
ปุณิกาเปลี่ยนวิธีพูดใหม่
“ฉันเอาเรื่องเธอตายแน่ ถ้าช่วยกันปกปิดเรื่องสองคนนั่นพากันหนี”
“อะไรนะ!”
คนได้ฟังรู้สึกหัวหมุน
“น้องชายเธอพาน้องสาวฉันหนี”
“ขะ...คุณรู้ได้ยังไง”
เธอถามแบบไม่เต็มเสียงนัก ลำคอแห้งผาก
“คนที่บาร์บอก”
เขาหายใจฮึดฮัด ราวกระทิงอยู่ในคอก พร้อมชนทันทีที่ประตูกั้นเปิดออก
“ฉันส่งน้องสาวมาเรียนในกรุงเทพฯ ไม่ใช่ให้มามั่วสุมกับเด็กไม่มีอนาคตอย่างน้องเธอ”
“แม้วไม่ใช่เด็กไม่มีอนาคต”
เมื่อได้ยินคำสบประมาท เลือดรักน้องจึงพลุ่งพล่าน
“ถึงเขาจะเรียนอาชีวะก็ไม่เคยไปดีกับใคร ตั้งใจเรียนตลอด แม้วตั้งใจจะเป็นวิศวกร”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ
“เด็กที่ทำงานอยู่ในบาร์นั่นนะเหรอ มีแต่อบายมุขทั้งนั้น แล้วยังกล้าดีมาพาน้องฉันหนีอีก”
ดวงตาลึกภายใต้คิ้วรก ๆ มองเธออย่างหมิ่น ๆ แต่ก่อนที่ปุณิกาจะตอบโต้อะไร พวกผู้ชายที่ค้นบ้านเธอก็กลับมารวมกัน
“พวกเราค้นทั่วบ้านแล้วครับคุณเต้ย ไม่เจอคุณสตางค์กับนายแม้วนั่นเลย”
นายหน้าเสี้ยมรายงาน
“ในโรงจอดรถ มีแต่มอเตอร์ไซด์ของมันครับ”
ผู้ชายที่ลูกน้องเรียกคุณเต้ย...คำราม ลดศีรษะลงแล้วเชิดหน้าขึ้นมาใหม่
“เธอน่ะ โทรตามน้องเธอสิ”
ปุณิกาเอามือตบกระเป๋าสะพาย เมื่อเขามองมันอย่างหมายมาด ชั่วกะพริบตาเขาก็กระชากแย่งมันมาเสียจากเธอ หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายไร้มารยาทขนาดนี้
เขาเทของในกระเป๋าลงบนโต๊ะรับแขก มือถือที่เพิ่งผ่อนหมดของเธอกระทบพื้นโต๊ะเสียงลั่น
“อ๊ะ!”
เธอผวา ยื่นมือพยายามเข้าไปแย่งทรัพย์สมบัติอันสำคัญ แต่คนแข็งแรงกว่าก็รวบข้อมือเธอไว้ด้วยมืออันใหญ่โต
เขาเปิดหารายชื่อจากเมนูสมุดโทรทัศน์ ไม่ทันไรก็เจอเบอร์เป้าหมาย กดนิ้วโทรออกด้วยแรงโทสะ แล้วกลับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินปลายสาย
“หมายเลขที่ท่านเรียกขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้”
“ห่าเอ้ย!”
เขาทิ้งมือถือทันที โชคดีมันตกลงบนโซฟา ปุณิกาอาศัยจังหวะเขาเผลอ สะบัดมือจากพันธนาการ รีบหยิบมือถือขึ้นมาลูบสำรวจความเสียหาย
เกิดความเงียบอันน่าอึดอัดใจขึ้นในห้องรับแขก รู้สึกเพดานกดต่ำ ราวจะทับให้ผู้อยู่ในห้องบี้แบนไปตาม ๆ กัน
“พวกมึงสองคนไปเฝ้าที่บาร์ หาข่าวจากเพื่อนไอ้เด็กแม้วว่ามันติดต่อใครบ้างไหม แล้วรีบโทรบอกกูทันที”
คนเป็นนายชี้นิ้วสั่งลูกน้อง
“ส่วนมึงไปเฝ้าหอน้องกู ลองถามว่าใครสนิทพอจะรู้เห็นความเป็นไปของสองคนนั่น หรือเห็นอะไรแปลก ๆ หรือเปล่า”
ผู้ชายตัวโต ๆ หายไปสาม แต่ยังเหลืออีกหลายคนในบ้าน
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าน้องฉันไม่อยู่ พวกคุณกลับไปได้แล้ว”
“ไม่ไป ฉันจะเชื่อใจได้ยังไงว่าเธอไม่ได้ร่วมมือกับไอ้เด็กนั่นพาน้องฉันหนี”
ปุณิกาเม้มปากกับคำกล่าวหานั้น
“เป็นคุณจะยอมไหมล่ะ ที่จะช่วยน้องให้พาผู้หญิงหนี”
เธอล่ะอยากเจอปุณณภพเหลือ อยากซักไซ้ถามความจริงให้หมดจด
“เป็นฉันจะพูดกล่อมให้ใจเย็นเสียมากกว่า มีอะไรก็ค่อยพูดกันดี ๆ อย่าใช้อารมณ์แก้ปัญหา”
หญิงสาวหลุบตาหลบ สะใจที่เหน็บเขาได้
“ทั้งสองคนยังเด็ก แม้วอายุยังไม่เต็มยี่สิบ น้องคุณก็แค่สิบเจ็ด ผู้ใหญ่อย่างเราควรคุยกับเขาดี ๆ มากกว่าจะดุด่า”
หากปุณณภพพาน้องสาวเขาหนีจริง ๆ เธอก็พอจะรู้สาเหตุว่าเกิดจากอารมณ์ร้อนของเขาทั้งนั้น
“ฉันไม่คุยดีกับคนที่พาน้องฉันหนีหรอก”
คนดื้อยังยืนกราน
“นั่นก็แล้วแต่คุณ กลับไปกันได้แล้ว ถ้าแม้วกับน้องคุณกลับมาที่บ้าน ฉันจะคุยกับเขาเอง”
พอจะรู้เหตุผลที่น้องต้องใช้รถเธอแล้ว ขอภาวนาให้เขามีสติ ไม่ทำอะไรด้วยอารมณ์เป็นใหญ่ดังพี่ของสาวเจ้าเถิด
“ไม่! ฉันจะอยู่ที่นี่ จะรอจนกว่ามันจะกลับมา” ชายหนุ่ม ทิ้งก้นลงบนโซฟาห่างเธอไปไม่กี่คืบ
“แล้วกันคุณ นี่มันบ้านฉันนะ”
การอยู่บ้านตัวเองท่ามกลางคนแปลกหน้าที่เป็นชายล้วน เป็นประสบการณ์ที่เธอไม่อยากเจอเลย
“ฉันจะเชื่อใจได้ยังไงว่าถ้าน้องเธอมา จะไม่ช่วยกันพาน้องฉันหนีไปอีก”
ปุณิกากลอกตาขึ้นฟ้า พูดไปพูดมาเหมือนวนอยู่ในอ่าง เขาทำตัวไร้สมองผิดกับความใหญ่โตของร่างกาย
“เอาเถอะ เอาที่สบายใจ”
เธอพ่นลมออกจากปาก เดินไปห้องครัว ก่อนนึกขึ้นได้ว่าถุงโจ้กตกอยู่หน้าประตูรั้ว ...อวสานอาหารเย็นของจริง
เปิดดูในตู้เย็น ยังมีนมเหลืออยู่ เธอจึงรินดื่ม ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเผื่อแผ่แขกไม่ได้รับเชิญเลยสักนิด ก็แหม...คนบ้านเสียงออกปึงปังขนาดนั้น สภาพข้างบนคงเละ เป็นภาระให้เธอต้องออกแรงจัดเก็บอีกอยู่ดี คิดแล้วปุณิกาก็หนักไหล่ขึ้นมาทันใด
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"