เกิดอีกกี่ชาติถึงจะได้เป็นเมียองค์รัชทายาท ในเมื่อชาตินี้มีโอกาส คนที่ทะลุมิติมาเป็นนกหงส์หยกในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นสาวผู้เลอโฉม ธิดาดอยหรือเหมยจึงไม่พลาดโอกาสทอง จับองค์รัชทายาทเป็นผัว เอ๊ย! ไม่ใช่ เป็นเมียองค์รัชทายาทถึงจะถูก เมื่อสาวเปรี้ยวปากจัดเดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วพลาดท่าหล่นตูมลงในน้ำ แต่พอเธอตะกายขึ้นมาเหนือน้ำ เธอก็พบว่า ตนเองอยู่ในยุคจีนโบราณสมัยราชวงศ์หมิง ซ้ำร้ายเธอยังกลายเป็นนกหงส์หยกขององค์รัชทายาทที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจและถูกขนานนามว่าโหดเหี้ยมที่สุด แต่ในความเหี้ยมโหดก็มีความมุ้งมิ้งกระดิ่งแมวซ่อนอยู่ โชคชะตาไม่ได้เล่นตลกกับเธอเพียงแค่นั้น การทะลุมิติที่ผิดแปลก แถมยังแปลกประหลาด กลางวันเธอจะเป็นนกหงส์หยกตัวน้อยนิดแต่น่ารัก ยามพระอาทิตย์ลาลับเธอจะกลางร่างเป็นสาวผู้เลอโฉมที่สะกดใจองค์รัชทายาทตั้งแต่แรกเห็น เพราะการเห็นเธอครั้งแรก แสนจะไม่ธรรมดา แสงตะวันลับขอบฟ้าคือเวลาที่องค์รัชทายาทอ่านตำราเกี่ยวกับการปกครองอยู่ภายในห้องบรรทม ระหว่าที่เขากำลังนั่งอ่านตำรา เขาตวัดสายตามอไปยังกรงนกหงส์หยก นกเร่ร่อนบินมาเกาะขอบไม้ตรงศาลาริมสระบัวที่เขามักมานั่งพักผ่อน ความเชื่องและความน่ารัก องค์รัชทายาทตึงจับมันใส่กรง ให้อาหารและน้ำ ก่อนนำมาวางไว้ในห้องบรรทม ดวงตาองค์รัชทายาทค่อยๆ เบิกกว้าง เมื่อนกหงส์หยกในกรงกำลังมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืน สะบัดศีรษะหลายหน ขยี้ตาหลายครั้ง หยิกตัวเองด้วย เพื่อให้แน่ในว่า ภาพที่เห็นไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริง ความจริงที่เหนือความคาดหมายและไม่น่าเป็นไปได้ นกหงส์หยกกลายเป็นคน “เฮ้ย!” องค์รัชทายาทร้องดังลั่น มองนกหงส์หยก เอ๊ย! ไม่ใช่สิ ตอนนี้กลายเป็นสตรีที่มีความงามล้ำเลิศ สรีระทรวดทรงงดงามไม่แพ้กัน มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่เรียกเลือดลมให้เดือดพล่าน ส่วนกรงนกก็พังเป็นเศษไม้ชิ้นเล็กชิ้นน้อย “ว้าย!” ธิดาดอยหรือเหมยตกใจไม่แพ้กัน เมื่อเห็นว่าร่างกายของตนปราศจากเสื้อผ้า และตอนนี้ตกอยู่ในสายตาของหนุ่มรูปงาม ที่ตอนนั้นตนเป็นนกกำลังบินอยู่เหนือต้นไม้ พอเห็นความงามของบุรุษที่นั่งอยู่ในศาลา เธอก็รีบบินลงมาเกาะบนขอบไม้มองดูความหล่อของเขาในระยะใกล้ “เจ้า...เจ้าทำไมถึงเป็นคน” เออนั่นสิ ทำไมถึงเป็นคนได้หว่า จำได้ว่าเป็นนกหงส์หยกนี่นา
1
“เหมย...เหมยตื่นหรือยังลูกเดี๋ยวไปมหาลัยสายนะลูก” จันทร์กระจ่างเคาะประตูเรียกบุตรสาวที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ลุกจากเตียงนอนหรือยัง “ตื่นเถอะลูก สิบโมงแล้วนะ”
คนถูกปลุกงัวเงียลุกขึ้นนั่ง หาววอดยาว ยกแขนขึ้นสูงบิดขี้เกียจ แต่ก็ไม่คิดลุกขึ้นจากเตียง แถมหลับนกอีกต่างหาก น้ำลายไหลหน่อยๆ
ปัง ปัง ปังๆๆๆๆๆ
แต่พอเสียงเคาะประตู ไม่ใช่ๆ มันคือเสียงทุบประตูดังรัวไม่หยุด คนนอนขี้เซาสะดุ้งสุดตัว หน้าตื่นตกใจ มือเรียวสวยเช็ดน้ำลายก่อนกระโดดลงจากเตียง
“ไฟไหม้โว้ย ไฟไหม้” เสียงนั้นดังอยู่หน้าประตูห้อง ธิดาดอยรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วเปิดมันทันที
“ไฟไหม้เหรอ ไหม้ถึงไหนแล้วเฮีย” ธิดาดอยถามพยัคฆ์หรือหลุยส์พี่ชายคนโตที่ยืนเท้าเอวหน้าห้อง ส่วนมารดายืนยิ้มแห้งอยู่ข้างๆ
“ไฟไหม้เหรอ ไฟไหม้ที่ไหน” พยัคฆ์ไขสือ
“อ้าว ก็เฮียตะโกนลั่นบ้านว่าไฟไหม้”
“เหรอ...อ้อ จำได้แล้ว เฮียซ้อมเสียง วันนี้ต้องไปร่วมเล่นในรายการนักร้องซ่อนแอบ เลยวอร์มเสียง” พี่ชายสุดกวนตอบกลับ ยักคิ้วให้ ธิดาดอยเพิ่งรู้ว่า พี่ชายแกล้งเธอ
“ที่หลังเฮียปลุกเหมยดีๆ ก็ได้ ปลุกดีๆ เหมยก็ตื่นแล้ว”
“นี่แม่คุณ ม้าเรียกจนปากจะถึงรูหูแล้ว แต่ธิดาดอยก็ไม่ตื่นจากบรรทม นอนอุตุนิยมวิทยาจนตะวันจะตรงหัวแล้ว ตกลงธิดาดอยเกิดมาเพื่อนอนใช่ไหม”
“เลิกเรียกธิดาดอยซะทีได้ไหม มีชื่อเล่นก็เรียกชื่อเล่นสิ เรียกอยู่ได้ธิดาดอย” คนพูดทำหน้างอนใส่
“อ้าว ก็ชื่อธิดาดอยนี่ จะให้เรียกอะไร ธิดาขี้เซารึไง” พี่ชายกวนกลับ
“ม้านะม้า ชื่อมีออกตั้งเยอะตั้งแยะที่ดีกว่านี้ทำไมไม่ตั้ง มาตั้งชื่อธิดาดอย ไม่เข้ากับเฮียเลย เฮียชื่อพยัคฆ์ เจ้ชื่อณัฐระพี แต่ทำไมเหมยถึงได้ชื่อธิดาดอยล่ะ” คนไม่ชอบชื่อจริงของตัวเองหน้างอ
“อย่าเรื่องมาก ชื่อไหนก็เหมือนกันแหละ อีกอย่างชื่อธิดาดอยก็เพราะดีออก ไม่เหมือนใครด้วย” พี่ชายปลอบใจ “ไปอาบน้ำได้แล้ว ป๊ากับม้ารอกินข้าว บาปกรรมแค่ไหนเนี่ยต้องให้พ่อแม่คอยกินข้าว”
ธิดาดอยแลบลิ้นใส่พี่ชาย ก่อนหมุนตัวเข้าไปในห้อง อาบน้ำอาบท่า แต่งชุดนักศึกษาลงมาจากชั้นบน เพื่อทานมื้อเช้าในตอนเกือบสิบเอ็ดโมงพร้อมครอบครัว
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ธิดาดอยหน้ายุ่งเมื่อเห็นเฉิน บิดาเชื้อสายจีนกำลังนั่งหยอกล้ออยู่กับนกหงส์หยกที่บิดาเลี้ยงไว้ แถมยังเอากรงนกมาวางบนโต๊ะ ราวกับว่าให้มันร่วมทานอาหารด้วย
“ว่าไงจ้ะณัชชาของป๊า หิวไหมเอ่ย มามะป๊าจะให้อาหารนะ” เฉินเปิดกรงนก นำอาหารนกไปวางอยู่ในช่องเล็กๆ ที่ใส่อาหารให้นกตัวโปรด ธิดาดอยมองนกหงส์หยกด้วยความอิจฉาที่ชื่อก็เพราะกว่า แถมบิดายังเอาใจอย่างกับลูก
“ป๊า เหมยถามจริงเถอะ ตอนตั้งชื่อเหมย ป๊าเมาหรือเปล่าถึงได้ตั้งชื่อเหมยว่าธิดาดอย แต่ดันตั้งไอ้นกตัวนี้ว่า ณัชชา ชื่อนี้น่าจะเป็นชื่อจริงของเหมยมากกว่านะ”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธิดาดอยวีนเรื่องชื่อจริงที่แปลกไม่เหมือนใคร เธอโวยตั้งแต่เพื่อนล้อซึ่งก็ผ่านมาหลายปี อยากเปลี่ยนชื่อก็เปลี่ยนไม่ได้
“ป๊าไม่ได้เมา ป๊ามีเหตุผล”
“เหตุผลอะไรป๊า”
“ก็ตอนนั้นป๊ากับม้าไปเที่ยวภูกระดึง และที่นั่นทำให้เหมยเกิดมา เหมยเป็นลูกสาวความหมายคือธิดา ภูกระดึงเป็นภูเอามารวมกับธิดาก็เป็นธิดาภู แต่ชื่อธิดาภูมันฟังดูแปลกๆ ป๊าก็เลยตั้งชื่อว่า ธิดาดอยแทน เห็นไหมว่ามีเหตุผล เพราะจะตายไป”
“ใช่ เฮียก็ว่าเพราะออก ไม่ซ้ำใครด้วย” พยัคฆ์พูดขึ้นบ้าง อมยิ้มจนแก้มป่อง
“เฮียก็พูดได้สิ ชื่อจริงเฮียออกจะเพราะ” ธิดาดอยหน้าเง้า “ชื่อไอ้นกบ้ายังเพราะกว่าเหมยเลย”
“เออเว้ย อิจฉาแม้กระทั่งนก” พยัคฆ์พูดติดตลก “มันก็แค่นกที่มีชื่อเพราะกว่า แล้วป๊าก็รักมากกว่า แถมตัวก็สวยกว่า แค่นี้ต้องอิจฉาด้วยเหรอ”
“อิจฉามันตายล่ะ จะจับมันย่างกินสักวัน” ธิดาดอยหันไปพูดใส่กรงนกหงส์หยก และทุกคนที่ร่วมรับประทานอาหารเช้ากับธิดาดอยก็ต้องหัวเราะออกมา เมื่อนกหงส์หยกแสนฉลาดพูดประโยคหนึ่ง
“ขี้อิจฉา ขี้อิจฉา”
“ไอ้นกบ้าว่าฉันเหรอ เดี๋ยวแม่จับแล่เนื้อซะดีไหม”
คนพูดให้ไปแยกเขี้ยวใส่นกหงส์หยกในกรงที่นับวันจะยิ่งไม่ชอบหน้า ถ้าวันไหนทนไม่ไหวจะจับมันไปปล่อยไกลๆ เฉินรีบย้ายนกตัวโปรดไปไว้บนเก้าอี้ข้างตัวทันที ราวกับกลัวว่าลูกสาวคนเล็กจะทำเช่นนั้นจริงๆ ระหว่างที่ทานอาหาร ธิดาดอยมองนกน้อยของบิดาเป็นระยะ นึกอิจฉาที่ชื่อมันเพราะกว่า อยากจะสลับชื่อกันเสียจริง
นกหงส์หยกชื่อเพราะถูกเฉินเลี้ยงดูเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา วันนั้นนกตัวนี้บินมาหลบฝนอยู่บนเครื่องซักผ้าหลังบ้าน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เฉินวิ่งไปเก็บผ้าที่ตากไว้ เมื่อเห็นนกตัวน้อยเปียกปอนไปด้วยฝน และชื่นชอบนกเป็นการส่วนตัว เฉินจึงเลี้ยงดูนกหงส์หยกตัวนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
และนับตั้งแต่วันแรกที่ธิดาดอยรู้ว่า เฉินตั้งชื่อให้นกเร่ร่อนตัวนี้ว่าณัชชา เธอก็ไม่ชอบมันทันที เวลาไม่มีใครอยู่บ้านหรือทีเผลอ เธอก็มักจะมาแกล้งมันเป็นประจำ ใช้ไม้เขี่ยตามตัวมันบ้าง แกล้งดึงขนมันบาง บางครั้งก็ตบหัวมันเบาๆ ด้วยความหมั่นไส้ ถ้านกณัชชาพูดได้ มีความรู้สึก มันก็คงอยากเอาคืนคนชอบแกล้งบ้าง
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"