เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย
โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้
แนะนำตัวละคร
แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี
นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้
ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี
เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา
*************
(เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ)
ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ตอนที่ 1 ชีวิตบนดอย
พื้นที่บนดอยแห่งนี้ห่างไกลความเจริญมาก ถนนหนทางค่อนข้างลำบาก การเดินทางขึ้นลงต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควร แต่พื้นที่แห่งนี้ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งให้มีไฟฟ้าโซล่าเซลล์ใช้แล้ว
“ปิ่น...ปิ่นเอ๊ย...” เสียงปู่พรตะโกนเรียกหลานสาวดังมาแต่ไกล
“จ๋าปู่”
“วันนี้ไปสอนหนังสือเด็กหรือเปล่า”
“ไปสิจ๊ะ”
ปีนี้ปิ่นงามมีอายุยี่สิบปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่เติบโตมาจากในตัวจังหวัด เธอจบการศึกษาแค่มัธยมศึกษาปีที่หกเท่านั้น ก่อนที่เธอจะสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพ่อของเธอที่เป็นเสาหลักของครอบครัวได้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหันไปก่อนที่เธอจะได้เข้าเรียน ส่วนแม่ของเธอเลิกรากับพ่อไปตั้งแต่ที่ปิ่นงามยังจำความไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเธอก็ได้ปู่แท้ๆรับขึ้นมาอยู่บนดอย ซึ่งปู่ของเธอเองก็มีอายุมากแล้ว ปิ่นงามจึงตัดสินใจขึ้นมาอยู่กับปู่โดยยึดอาชีพค้าขายอยู่บนดอย
เวลาว่างๆปิ่นงามก็ยังมีน้ำใจไปช่วยคุณครูสอนหนังสือเด็กๆด้วย แต่ปิ่นงามไม่ใช่ครูโดยตรง เธอพอจะมีความรู้ขั้นพื้นฐานอยู่บ้างก็เลยมาช่วย อยากให้เด็กๆเติบโตขึ้นมามีความรู้ติดตัวไปบ้างก็ยังดี โดยเด็กๆทุกคนจะเรียกเธอว่า...ครูพี่ปิ่น
ปิ่นงามมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กเธออยากเรียนสูงๆแล้วมาทำอาชีพคุณครูรับราชการจะได้มีอาชีพที่มั่นคงและสามารถเลี้ยงดูพ่อกับปู่ของเธอได้ แต่ความฝันของเธอก็ต้องหยุดลงเมื่อพ่อของเธอมาเสียชีวิตไปก่อนที่เธอกำลังจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ภายในหนึ่งอาทิตย์ ปิ่นงามจะลงไปรับของแห้งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านเอาขึ้นมาขาย ส่วนของสดจำพวกผักชาวบ้านที่นี่ก็มักจะปลูกกินกันเอง ส่วนเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ชาวบ้านก็เลี้ยงไว้เป็นอาหารเช่นกัน โดยแต่ละบ้านอาจจะเลี้ยงไม่เหมือนกัน บ้างก็อาจจะใช้วิธีแลกกันกิน หรือไม่ก็ผลัดกันซื้อผลัดกันขาย
บนดอยแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีหลังคาเรือนประมาณห้าสิบหลังคา อากาศค่อนข้างเย็นสบาย พื้นที่โดยรอบอุดมสมบูรณ์ ฝนตกเกือบตลอดทั้งปี
“ปู่เฝ้าร้านให้ปิ่นด้วยนะ ปิ่นไปก่อนนะจ๊ะ”
“อือๆไปเถอะ”
คนที่นี่ถ้ามีรถมอเตอร์ไซค์ขับก็จะถือว่าค่อนข้างมีฐานะแล้ว ปิ่นงามจะใช้มอเตอร์ไซค์ก็ต่อเมื่อลงดอยหรือไม่ก็ไปในที่ไกลๆเท่านั้น เพราะน้ำมันมันแพง ส่วนมากถ้าอยู่แค่ภายในหมู่บ้านเธอจะปั่นจักรยานเอา ซึ่งตอนนี้ก็เช่นกัน ปิ่นงามกำลังปั่นจักรยานไปโรงเรียนเพื่อไปช่วยคุณครูสอนหนังสือให้เด็กๆ
ชาวบ้านที่นี่มักจะใช้ภาษาถิ่นในการสื่อสารกัน จะมีไม่กี่คนที่สามารถพูดไทยกลางได้ และคนที่พูดได้หนึ่งในนั้นก็คือปิ่นงาม เพราะเธอเติบโตมาในเมืองไม่ใช่บนนี้ ถึงภาษาที่ใช้ในเมืองจะเป็นภาษาเหนือแต่โรงเรียนที่เธอเรียนก็สอนให้นักเรียนทุกคนพูดไทยกลางอยู่แล้ว
เด็กๆบนนี้ภาษาไทยค่อนข้างอ่อนมากกว่าเด็กข้างล่าง เวลาสอนก็ยากเพราะพวกเขาเอาแต่พูดภาษาถิ่นกัน คุณครูที่ได้มาสอนเด็กๆที่นี่จึงต้องทุ่มเทเป็นพิเศษ เพราะถ้าภาษาไทยอ่านไม่ได้เขียนไม่ได้วิชาอื่นก็จะเรียนไม่ได้เช่นกัน
“ครูพี่ปิ่นมาแล้ว” น้ำเสียงดีใจของเด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นปิ่นงามปั่นจักรยานเข้ามาจอดในโรงเรียนเล็กๆของพวกเขา เด็กๆทุกคนเห็นปิ่นงามเป็นคุณครูคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านที่มีความรู้ติดตัวอยู่น้อยนิดก็ตาม
“สวัสดีเด็กๆที่น่ารักของพี่ปิ่นทุกคนเลยนะคะ” ปิ่นงามยิ้มให้เด็กๆที่ดูเหมือนว่าจะตั้งหน้าตั้งตารอเธอ
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” เมื่อภาษาที่เปล่งเสียงออกมาคือภาษาถิ่น
“ไม่เอาๆ...อยู่ในโรงเรียนห้ามพูดภาษาถิ่น ให้พูดไทยกลาง ไหนลองใหม่สิคะ” เด็กๆมักจะชอบตามใจตัวเอง แต่พวกเขาก็รู้ว่าในโรงเรียนของพวกเขาแห่งนี้มักจะมีกฎระเบียบที่ควรปฏิบัติตาม
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” ถึงน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะไม่ค่อยชัดก็ตาม แต่นั่นก็ถือว่าพวกเด็กๆทำได้ค่อนข้างดีแล้ว
“เก่งมาก...นั่งลงได้จ่ะ” เด็กๆยอมนั่งลงแต่โดยดี แต่ก็หันไปคุยเล่นกันด้วยภาษาถิ่นเหมือนเดิม
“ปิ่นนี่เก่งเนอะ พูดอะไรเด็กๆก็เชื่อ”
“ครูตองนวลก็เก่งค่ะ ค่อยๆช่วยกันไปเนอะ เด็กๆก็แค่ชอบตามใจตัวเองมากเกินไป ตอนปิ่นเป็นเด็กๆปิ่นก็ชอบตามใจตัวเองเหมือนกับเด็กๆพวกนี้แหละค่ะ”
“ที่ผู้ใหญ่เขาเรียกว่าดื้อใช่ไหม”
“แฮ่ๆ คงงั้นมั้งคะ”
“ภาษาไทยนี่ก็ดีเนอะ ความหมายเหมือนกัน แต่สามารถพูดให้ดูดีได้ด้วย”
“ข้อดีของภาษาค่ะถ้าเราใช้เป็น”
“เอ่อปิ่น...วันนี้จะมีคุณหมออาสามาที่บนดอยของเราด้วยนะ รู้เรื่องนี้หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“เขาว่ากันว่าหล่อโคตร...” ครูตองนวลเอ่ยขึ้นแบบยิ้มๆ
“เวอร์น่าพี่ตองนวล” ตองนวลเป็นคุณครูที่ยอมขึ้นมาสอนเด็กๆบนนี้เพราะอุดมการณ์ล้วนๆ บ้านของเธออยู่ข้างล่างเย็นวันศุกร์เธอถึงจะเดินทางกลับ และเช้าวันจันทร์เธอก็จะเดินทางขึ้นมาสอนหนังสือบนนี้ ส่วนเสาร์อาทิตย์เธอก็จะได้อยู่กับลูกๆและสามีของเธอ เธอทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอเลือกที่จะมีความสุข เพราะคนที่นี่ใจดี มีน้ำใจ เธอไม่ต้องไปแก่งแย่งกับใคร แถมอากาศบนนี้ยังสดชื่นมากๆ หาที่อื่นที่ดีกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว
“จริง...เขาว่ากันว่ามาจากกรุงเทพด้วยนะ” เมื่อปิ่นงามทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“จริงเหรอ งั้นปิ่นจีบนะ” น้ำเสียงล้อเล่นของปิ่นงาม ทำให้พี่ตองนวลยิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้าให้
นานๆทีจะมีหนุ่มๆหลงขึ้นมาบนนี้ ของดีๆแบบนี้จะพลาดได้ยังไง เมื่อก่อนตองนวลก็จีบครูอาสานี่แหละ ซึ่งก็คือสามีปัจจุบันของเธอนั่นเอง แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะไปเป็นคุณครูอยู่ข้างล่างเพราะว่าได้เงินดีกว่า อีกอย่างก็มีลูกๆและแม่ที่ต้องดูแลด้วย
“หรือพี่ตองนวลจะจีบเองล่ะ” ปิ่นงามหรี่ตามองพี่สาวคนสวยเล็กน้อย
“ผัวพี่เตะก้านคอขาดพอดี...ไม่พูดเล่นแล้วป่ะสอนหนังสือเด็กๆกัน” ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปสอนหนังสือเด็กๆ ส่วนวิชาที่เด็กๆต้องเรียนทุกวันก็คือภาษาไทยกับคณิต เด็กๆต้องอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น นี่เป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิต ส่วนวิชาอื่นๆอาจจะหยิบขึ้นมาสอนบ้างแต่ก็ไม่ค่อยบ่อยนัก
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน