นิยายเรื่องนี้เป็นแนวท่านประธานคลั่งรักค่ะ “ลูคัส” กับ “ปิ่นปัก” มาลุ้นไปกับความรักของท่านประธานขี้หวงกับเมียเด็กจอมเย็นชากันนะคะ
ร่างใหญ่บิดตัวไปมาบนเก้าอี้ที่นั่งอยู่เมื่อพนักงานทุกคนออกไปจากห้องประชุมกันหมด จะเหลือก็แต่ตนกับเลขาส่วนตัว เขาจึงบิดตัวผ่อนคลาย สี่ชั่วโมงกับการประชุมหาข้อตกลงเรื่องธุรกิจที่ส่งไปเมืองจีนมีปัญหา และกว่าจะหาข้อสรุปได้ก็กินเวลานานจนตอนนี้สี่โมงเย็นแล้ว
“ท่านประธานคะ”
เสียงเล็กหวานทำให้เขาต้องยืดตัวนั่งตัวตรงแล้วก็มองเจ้าของต้นเสียงคุ้นเคยที่ตนได้ยินทุกวัน
“เราอยู่กันแค่สองคน ไม่ต้องมากพิธีหรอกปิ่นปัก”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ที่นี่ที่ทำงาน อีกอย่างตอนนี้ดิฉันยังทำหน้าที่เลขาอยู่”
“อือ...แต่ตอนนี้ก็เลยเวลาเลิกงานแล้ว ทำไมไม่กลับล่ะ”
“ก็ท่านประธานยังไม่กลับ เป็นเลขาจะกลับก่อนท่านประธานได้ยังไงคะ”
อือ!
ลูคัส ทรัพย์วิเศษ วัย 35 ปี ลูกครึ่งไทย-สเปน มารดาเป็นลูกครึ่งไทย-สเปน ส่วนบิดาเป็นคนไทยแท้ และเขาเป็นทายาทรุ่นที่เจ็ด สืบทอดบริษัท “T Home Furniture” เป็นบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ลักซ์ชัวรี่อันดับต้นๆ ของเมืองไทย และมีชื่อเสียงในต่างประเทศ
ปิ่นปัก โชคเจริญ วัย 26 ปี หญิงสาวที่เติบโตมาในครอบครัวธรรมดา แต่ว่าได้รับโอกาสดีๆ ได้เข้ามาทำงานในบริษัทใหญ่อย่างบริษัท T Home Furniture แม้ว่าในตอนแรกจะยากลำบากในการทำงานเป็นเลขาของท่านประธานหนุ่ม แต่ก็ผ่านมาสองปีแล้วกับตำแหน่งเลขาท่านประธาน และถึงเธอจะเป็นเพื่อนสนิทกับโอลิเวีย น้องสาวท่านประธาน เป็นเพื่อนบ้านบ้านติดกันก็ได้หาใช้ความสนิทเข้ามาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ไม่ ทุกอย่างที่เธอได้มาในวันนี้คือความสามารถของเธอทั้งนั้น
“ท่านประธานจะกลับหรือว่าจะทำงานที่บริษัทต่อคะ เดี๋ยวดิฉันจะได้ชงกาแฟให้ค่ะ”
“ไม่ล่ะ จะกลับบ้าน แล้วเนี่ยวันนี้ไม่ได้ขับรถมาใช่ไหม กลับพร้อมพี่แล้วกัน” แล้วประธานหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน
“เดี๋ยวคนอื่นเห็นจะไม่เหมาะค่ะ ดิฉันนั่งรถเมล์กลับดีกว่าค่ะ”
“จะนั่งรถเมล์กลับทำไม ไหนๆ เราก็กลับทางเดียวกันอยู่แล้วนี่”
“อย่าดีกว่าค่ะ มันไม่เหมาะ ขอตัวก่อนนะคะ” แล้วปิ่นปักก็เดินออกจากห้องประชุมไป เธอไม่นั่งรถออกไปกับประธานหนุ่มหลังเลิกงาน ด้วยกลัวว่าจะตกเป็นขี้ปากของพนักงานคนอื่นๆ ในบริษัท
ลูคัสมองตามแผ่นหลังเลขาแล้วก็บุ้ยปากเล็กน้อยแล้วเดินตามออกไป
กว่าจะถึงบ้านก็หกโมงกว่า รถติดมาก ใช้เวลานั่งรถเมล์เป็นชั่วโมงกว่าจะถึงป้ายรถเมล์หน้าปากซอยของบ้าน พอมาถึงก็นั่งวินมอเตอร์ไซค์มาบ้านของตน เป็นแบบนี้ประจำเวลาไม่ได้ขับรถไปทำงานเอง
“กลับมาแล้วเหรอลูก” ปราณีถามลูกสาวที่เดินห่อไหล่เข้ามาในบ้าน สภาพดูกระเซอะกระเซิงจนนางอดยิ้มขำไม่ได้
“สวัสดีค่ะแม่ณี วันนี้มีอะไรทานมั่งคะ ปิ่นปักหิวจังค่ะแม่” เธอเดินห่อปากเข้าไปในห้องนั่งเล่นทิ้งตัวลงบนโซฟา
“เมื่อเช้าเราบอกอยากกินข้าวผัดปู แม่เลยให้น้าหมูทำให้น่ะ”
“ขอบคุณนะคะแม่ณี เดี๋ยวปิ่นปักไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องก่อนนะ แล้วเรามาทานมื้อเย็นด้วยกันค่ะ”
“อือ...เดี๋ยวแม่ไปให้น้าหมูเตรียมโต๊ะทานข้าวรอ”
“ค่ะแม่” แล้วเธอก็ลุกจากโซฟาที่เพิ่งทิ้งตัวนั่งออกไป
นางปราณียิ้มเอ็นดูลูกสาวคนเล็กแล้วก็ลุกจากโซฟาที่นั่งไปหาแม่บ้านของตัวเองเพื่อให้เตรียมโต๊ะทานมื้อเย็น
กำลังทานมื้อเย็นกันสองคนแม่ลูกเหมือนทุกวัน เพราะตั้งแต่สามีจากไป ลูกสาวคนโตแต่งงานแยกออกไปอยู่ข้างนอกกับสามี ก็เหลือกันสองคนในบ้านหลังนี้ แม้บ้านหลังไม่ใหญ่มาก แต่พอเหลือกันสองคนก็ดูหลังใหญ่ ถึงจะมีแม่บ้านอาศัยอยู่ด้วยก็ตาม
“แม่คะ ที่ร้านอาหารเป็นยังไงมั่งคะตอนนี้” ปิ่นปักถามแม่ถึงร้านอาหารจีน ธุรกิจของครอบครัว
“ก็เรื่อยๆ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวจีนมีมาทุกวัน”
“แสดงว่ารายได้ดีใช่ไหมคะ”
“อือ...แล้วงานที่ทำของหนูล่ะปิ่นปัก”
“ก็เรื่อยๆ ค่ะแม่ณี งานเลขาก็มีหนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่วันค่ะ วันไหนสินค้ามีปัญหา วันนั้นปิ่นปักไม่อยากจะพูดเลยค่ะแม่ณี”
“ไม่สู้ลาออกมาช่วยแม่ดูแลร้านอาหารจีนดีกว่าเหรอปิ่นปักฮึ”
“แม่คะ ให้ปิ่นปักทำงานอีกสักสามปีนะคะ เดี๋ยวจะลาออกมาช่วยงานที่บ้านค่ะ อีกอย่างพี่ปักมุกก็ช่วยงานที่ร้านอยู่”
“แต่พี่เราก็มีร้านขายยาที่ต้องดูแลนะ ไม่ได้มาช่วยแม่ที่ร้านบ่อยๆ”
“วันหยุดปิ่นปักก็ช่วยแม่ณีที่ร้านตลอดนี่คะ”
“พรุ่งนี้หยุด ลูกจะเข้าร้านแทนแม่ใช่ไหม”
“ค่ะ ปิ่นปักจะดูแลร้านเอง แม่ณีก็อยู่บ้านพักผ่อนที่บ้านนะคะ ทานกันเถอะค่ะ เดี๋ยวปิ่นปักต้องดูซีรีส์อีกค่ะ”
อือ!
คนเป็นแม่ครางรับ แล้วก็พากันสนใจมื้อเย็นของตนต่อ แต่แล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่เงียบอีกครั้งก็กลับมามีเสียง เมื่อมีเสียงร้องไห้สะอื้นดังเข้ามาก่อนเจ้าตัวจะมา และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นใคร
“พี่ปักมุกคงทะเลาะกับพี่วิทย์อีกแล้วสินะแม่ณี” ปิ่นปักวางช้อนในมือลงกระทบจานแล้วมองไปทางหน้าประตูทางเข้าห้องรับประทานอาหารก็เห็นพี่สาววิ่งร้องไห้สะอื้นเข้ามา
ฮือๆๆ
“ครั้งนี้หนูจะหย่ากับพี่วิทย์จริงๆ แล้วนะคะแม่ อึก! ฮือๆๆ” วิ่งมากอดแม่ที่นั่งทานข้าว
“กี่ครั้งแล้วล่ะพี่ปักมุก” ปิ่นปักเห็นพี่สาวพูดแบบนี้ตลอดเวลาที่ทะเลาะกับพี่เขย
“ใจเย็นๆ ก่อน ครั้งนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”
“เขามีกิ๊ก อึก! ฮือ...” ปักมุกผละออกมาจากแม่มาตอบแล้วดึงเก้าอี้ข้างๆ แม่ออกนั่งพร้อมยกมือเช็ดน้ำตา
“พี่ยังไม่ชินอีกเหรอพี่ปักมุก กี่ครั้งแล้วที่พี่จับได้ พี่วิทย์ก็ไม่เห็นเลิกนิสัยเจ้าชู้สักที”
เห็นร้องไห้แบบนี้กลับบ้านมาทุกครั้งเวลาจับได้ว่าสามีมีกิ๊ก แต่สุดท้ายก็กลับไปตายรัง พวกผู้ชายเจ้าชู้พวกนี้น่าขยะแขยงนัก เพราะเห็นชีวิตแต่งงานพี่สาวเป็นแบบนี้เลยทำให้ปิ่นปักปิดใจไม่ยอมเปิดใจให้ใครเข้ามาทำร้ายตัวเอง และทำให้อยากครองตัวเป็นโสด แต่ติดตรงอยากมี ‘ลูก’ นี่สิ แต่แค่อยากมีแค่ ‘ลูก’ นะ ส่วนสามีไม่จำเป็น และยุคสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องแต่งงานมีสามีก็สามารถมีลูกได้ แค่มีเงิน และตอนนี้เธอก็เก็บเงินได้มากพอแล้วสำหรับที่จะทำให้ตัวเองท้องลูกหนึ่งคนได้
“เธอไม่เข้าใจพี่หรอกปิ่นปัก เธอไม่เคยมีความรัก” คนเป็นพี่สาวตอบกลับน้องสาว
“แต่ปิ่นปักก็ไม่ได้โง่ให้ผู้ชายสวมเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
“ปิ่นปัก!” ปักมุกเอ่ยด้วยความโกรธ
“พอได้แล้วลูก ว่าแต่ทานอะไรมารึยังปักมุก” ปราณีปรามลูกสาวก่อนที่จะทะเลาะกันใหญ่โต
“หนูทานไม่ลงหรอกแม่ณี ผัวหนูมีกิ๊กนะคะ”
“แต่ยังไงก็ต้องกินข้าวนะปักมุก หมูตักข้าวผัดให้ปักมุกหน่อย” นางร้องเรียกสั่งแม่บ้านให้ตักข้าวมาให้ลูกสาวคนโตตัวเองที่หน้าเปียกปอนไปด้วยน้ำตา
“ปิ่นปักอิ่มแล้วนะคะแม่ณี” แล้วปิ่นปักก็หยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดื่มแล้วลุกเดินจากไปปล่อยให้แม่อยู่ปลอบใจพี่สาวต่อ
โอลิเวียเดินหอบเอกสารเข้าบ้าน ช่วงนี้เธอยุ่งกับการหาข้อมูลและคัดหาพ่อพันธุ์ที่ดีที่จะมาบริจาคอสุจิให้เพื่อนรักตนเอง แต่ก็หาผู้ชายที่มีคุณสมบัติที่ดียากเหลือเกิน ถึงจะเจอ แต่เขาจะยอมบริจาคอสุจิให้ไหม นั่นค่อยมาลุ้นกันต่ออีกที และอีกอย่างคนที่จะบริจาคอสุจิจะยอมจดทะเบียนสมรสกับเพื่อนเธอไหมเนี่ยสิ
อุ๊ย!
เธอไม่ระวังเดินชนกับคนที่เดินสวนมาพอดีจนเอกสารในมือหลุดมือกระจายเต็มพื้น
“พี่ลูคัส”
“ทำไมไม่มองทาง” ลูคัสเอ่ยตำหนิน้องสาวแล้วย่อตัวก้มลงเก็บเอกสารให้น้องสาว ขณะเก็บเอกสารช่วยน้องสาวอยู่นั้น เขาก็ไล่สายตาอ่านผ่านๆ
“เนี่ยอะไรโอลิเวีย?” ลูคัสดึงเอกสารหนึ่งแผ่นไว้ไม่ยอมให้เจ้าของ
“อะไรคะพี่ลูคัส”
“ทำไมมีข้อมูลเกี่ยวกับการทำกิฟต์ฮึ” เขายืนขึ้นเต็มความสูง
โอลิเวียได้แต่ก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้าสบตาพี่ชาย
“ตอบพี่มา อย่าบอกนะว่าคิดจะทำกิฟต์”
“ไม่ใช่โอลิเวียสักหน่อย”
“ไม่ใช่แล้วทำไมต้องอ่านเอกสารพวกนี้”
“ปิ่นปักต่างหากค่ะ อุ๊บ!” ไม่ทันแล้ว ยกมือปิดปากไม่ทันแล้ว แม้เพื่อนรักบอกว่าให้ปิดเป็นความลับ ปิดมาตลอดหนึ่งปี แต่วันนี้ความลับมาแตกเสียแล้ว แถมคนที่รู้ก็ดันเป็นพี่ชายเผด็จการของเธออีก
“ว่าไงนะ ปิ่นปักเพื่อนเราน่ะเหรออยากทำกิฟต์”
“เอ่อ...โอลิเวียขอตัวนะคะพี่ลูคัส” แล้วโอลิเวียก็วิ่งเข้าบ้านไป ไม่สนใจเอกสารอีกแผ่นในมือพี่ชายของตน
ลูคัสในเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว เขาตั้งใจจะมาว่ายน้ำผ่อนคลายก่อนมื้อเย็นสักหน่อย แต่ตอนนี้เขาไม่ได้คิดจะไปว่ายน้ำแล้ว ร่างใหญ่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านตามคนที่วิ่งหนีตนเพื่อจะเค้นเอาความจริงเรื่องนี้
ปึก! ปึก! ปึก!
มือใหญ่ทุบตีประตูห้องน้องสาวให้มาเปิดประตูให้ตนเอง
“โอลิเวียเปิดประตู” เสียงเข้มห้วนตะโกนสั่งเจ้าของห้องพร้อมทุบประตูเรียก
ปึก! ปึก! ปึก!
“ทุบอะไรหนักหนาพี่ลูคัส” เจ้าของห้องโวยวายพร้อมเปิดประตูห้อง
พอประตูห้องเปิดออก ร่างใหญ่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวก็แทรกตัวเข้าไปในห้อง
“มีอะไรคะพี่ลูคัส”
“มันหมายความว่ายังไง เล่ามาเดี๋ยวนี้” ลูคัสถามพร้อมยื่นกระดาษที่ตนถืออยู่ในมือให้น้องสาว
เฮ้อ!
โอลิเวียรู้นิสัยพี่ชายดี ถ้าอยากรู้ต้องได้รู้ และตนก็หนีไม่ได้แล้วจึงถอนหายใจแล้วปิดประตูห้องเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงนอนนุ่ม
ลูคัสเดินตามน้องสาวไปทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงข้างโอลิเวีย
“ว่ามา คิดจะทำอะไรกับปิ่นปัก”
“เปล่าสักหน่อย”
“เปล่าแล้วทำไมต้องทำกิฟต์ รู้ไหมว่าการจะมีลูกหนึ่งคนต้องแต่งงานก่อนถึงจะมีได้ และเขาถึงจะยอมทำกิฟต์ให้”
“รู้ค่ะ ตอนนี้โอลิเวียกับปิ่นปักกำลังหาคนที่จะบริจาคอสุจิให้อยู่ค่ะ และจะขอให้เขาจดทะเบียนเป็นสามีให้ด้วยค่ะ”
“คิดน้อย” ลูคัสเอ่ยสั้นๆ
“คิดน้อยอะไรคะ โอลิเวียกับปิ่นปักเตรียมกันมาเป็นปี ตอนนี้ก็เจอคนที่จะไปขอให้ช่วยได้แล้วค่ะ”
“ไร้สาระ!”
“อย่ามาดูถูกความตั้งใจของปิ่นปักนะคะพี่ลูคัส พี่ไม่รู้หรอกว่าปิ่นปักน่ะอยากมีลูกแค่ไหน”
“แล้วทำไมไม่มีแฟนแต่งงานดีๆ ล่ะ จะทำกิฟต์ทำไม”
“ก็เพราะผู้ชายดีๆ มันไม่มีไงคะ จึงอยากมีแค่ลูกไม่อยากมีผัว”
“เฮอะ! ดีเสียจริงความคิดเด็กสมัยนี้ เลิกคิดเรื่องพวกนี้ได้เลย พี่ไม่ยอมให้เราสองคนทำอะไรเด็กๆ แบบนี้หรอกนะ แล้วผู้ชายที่ไหนจะยอมจดทะเบียนแค่ในนามแล้วบริจาคอสุจิให้”
“ไม่ลองถามจะรู้ได้ไงคะ อีกอย่างเราก็ไม่ได้ให้บริจาคฟรี จดทะเบียนฟรีสักหน่อยค่ะ เรามีค่าจ้าง อีกอย่างระยะเวลาสองปีเอง หรือถ้าท้องก่อนกำหนดสัญญาก็หย่าได้ทันที เพราะเราต้องการแค่ลูกไม่ได้ต้องการพ่อ”
“ถ้าผู้ชายคนนั้นมันคิดอยากทำอะไรปิ่นปักเพื่อนเราจะทำยังไงโอลิเวีย”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ พี่โอบออกจะแสนดี อบอุ่น เขาไม่มีทางคิดเรื่องแบบนั้นกับปิ่นปักแน่นอนค่ะ”
“เฮอะ! โลกสวยจริงๆ”
“โลกสวยอะไรกันพี่ลูคัส อีกอย่างมีแค่พี่โอบแล้วตอนนี้ที่เหมาะที่สุด”
“แน่ใจว่ามีแค่นี้ที่เหมาะสม”
“แล้วจะมีใครอีกนอกจากพี่โอบ รุ่นพี่ของโอลิเวียกับปิ่นปัก”
“คิดดีๆ โอลิเวีย”
เธอขมวดคิ้วครุ่นคิด แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก
“ไม่มีแล้วจริงๆ นะคะพี่ลูคัส”
“พี่ชายของเธอไงโอลิเวีย” ว่าจะไม่พูดแล้ว แต่น้องสาวก็คิดไม่ออก มองไม่เห็นตัวเองสักที ลูคัสจึงเอ่ยบอก
“ฮะ! พี่ลูคัสเนี่ยนะ พี่จะยอมเป็นสามีในทะเบียนสมรสให้ปิ่นปักและยอมบริจาคอสุจิให้เพื่อนโอลิเวียจริงๆ เหรอคะ”
“ก็ดีกว่าให้เพื่อนโอลิเวียไปจดทะเบียนกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ สู้จดทะเบียนสมรสกับคนที่ตนคุ้นเคยตั้งแต่เด็กไม่ดีกว่าเหรอ” ลูคัสเอ่ยอย่างมีเหตุผล
โอลิเวียเห็นด้วยกับความคิดของพี่ชายตน
“พี่ลูคัสพูดมามีเหตุผล แต่ปิ่นปักไม่ยอมแน่นอนค่ะ ถ้าเป็นพี่ลูคัส”
“ทำไมจะไม่ยอม พี่ก็ไม่ได้ขี้เหร่สักหน่อย อีกอย่างไอคิว อีคิวพี่ก็ใช่จะน้อย ยังไงซะท้องลูกพี่ก็ดีกว่าท้องลูกของผู้ชายที่เราจะไปจ้างไม่ใช่เหรอ พี่ไม่คิดเงินด้วย”
“พี่ลูคัสมีแผนอะไรรึเปล่าคะ ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“ก็เพื่อนเราอยากมีลูก พี่ก็แค่อยากช่วยเหลือ” ตอนแรกเขาไม่เห็นด้วยจริงๆ แต่พอคิดดูแล้วเขาอยากฉวยโอกาสนี้ครอบครองแม่คนตัวเล็ก อยากรู้นักว่าจะทำหน้าเย็นชากับตนไปถึงเมื่อไหร่กัน
“แต่พี่ลูคัสแน่ใจนะคะว่าตัวเองปลอดภัยไม่ได้ติดโรคอะไร”
“พี่ป้องกันโอลิเวีย”
“อือ...ค่ะ งั้นโอลิเวียจะคุยกับปิ่นปักดูนะคะ”
“ไม่ต้อง หมดหน้าที่ของเราแล้ว ที่เหลือพี่จะคุยกับเพื่อนเราเอง”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
โอลิเวียไม่ทันได้ตอบพี่ชายกลับ เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้น
“คุณท่านให้มาตามไปทานข้าวค่ะ” เสียงเรียกดังจากหน้าประตูห้อง
“ค่ะ เดี๋ยวโอลิเวียจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” โอลิเวียตอบกลับแล้วสาวใช้ก็เดินจากไป
“เรื่องนี้เก็บไว้เป็นความลับนะคะ เพราะมีแค่โอลิเวียกับปิ่นปักรู้กันสองคน ตอนนี้เพิ่มพี่ลูคัสมาอีกคน”
อืม!
ลูคัสครางรับปากแล้วก็ลุกจากเตียงเดินไปยังประตูห้องด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
เขาเป็นหมอที่มีรักเดียวมาตลอดหลายสิบปี แอบเฝ้ามองน้องน้อยตั้งแต่แรกเกิด ส่วนน้องน้อยก็หาได้รักเขาแบบชู้สาวไม่ สำหรับจงกลนีแล้วเขาคืออาจารย์หมอหน้านิ่งหน้าเดียว ไร้อารมณ์ทางสีหน้า แม้แต่ยิ้มเขาก็ยิ้มไม่เป็น แต่ก็ตกใจเมื่อเขายิ้มให้ตัวเองคนเดียว จะบ้าเหรอเขาเป็นอาจารย์ของเธอ และเธอกก็เคารพเขามาตลอด จะให้รักได้ยังไงกัน ++++++ “เอ้า...ปากกา เซ็นเอกสารแล้วค่อยนอนต่อก็ได้” “ค่ะ” เธอรับปากกาที่เขายื่นให้พร้อมกับเซ็นชื่อตรงที่เขาชี้มือ “เรียบร้อย ตอนนี้เธอเป็นเมียฉันแล้วนะ” “ยังไงคะ?” ถามทั้งๆ ที่นั่งหลับ “ก็เราจดทะเบียนสมรส..
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"