เมื่ออิสรภาพถูกริดรอนด้วยอำนาจแห่งขัตติยา เงินตราถูกนำมาต่อรองซื้อศักดิ์ศรีชาย ทวิภาคจึงเลือกใช้ความเย็นชาเข้าฟาดใส่ ตอบโต้ทุกวิถีทางอย่างซาตานไร้หัวใจ ราชาวดีจึงเป็นได้แค่เพียงเจ้าสาวที่แสนชัง… คำโปรยปกหลัง : กฎมณเทียรบาล... สตรีไม่มีสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์ ราชาวดี … ไม่มีทางเลือกจำต้องใช้อำนาจทุกอย่างบีบบังคับให้ทวิภาคชายที่ตนหลงรักแต่เขาหาได้รักหล่อนไม่ มาเป็นพระสวามี เพื่อโค่นล้างแผนการร้ายของเจ้าสมถวิลพระอนุชาของบิดาตนเอง ทวิภาค... ชายหนุ่มผู้หยิ่ง ผยอง ในศักดิ์ศรีของตนเอง ต่อต้านทุกทางเพื่อให้ตนเองหลุดจากบ่วงร้ายในครั้งนี้ แต่เมื่อถูกใช้ชีวิตของคนสนิทมาต่อรอง เขาจึงไม่มีทางเลือก เมื่อห้องหอกลายเป็นสมรภูมิรบ น้ำผึ้งพระจันทร์ที่ควรจะหวานกลายเป็นรสขมทรมาน ความไร้หัวใจ แข็งกร้าวถูกขว้างใส่หน้าแทบทุกวินาที และสุดท้ายเขาก็จากไป... พร้อมกับหยิบยื่นตำแหน่งเจ้าหญิงไร้บัลลังก์ใส่มือให้กับหล่อนอย่างเลือดเย็น...
พระราชวังสีทองอร่ามที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ทำให้ทวิภาคถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ มันกว้างใหญ่ไพศาลหาใครเทียม แถมอาณาเขตโดยรอบเกือบทั้งหมดยังเป็นภูเขาซะส่วนใหญ่ และอานิสงส์ของผืนป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้เขียวขจีก็ทำให้ความรู้สึกขุ่นเคืองใจหายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่ความร่มเย็นผ่อนคลาย
ชายหนุ่มไม่อาจจะบรรยายสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำพูดได้เลยว่ามันงดงามมากเพียงใด เพราะคำใดๆ ในโลกนี้คงเทียบกับความประณีตวิจิตรบรรจงที่ได้พบเห็นไม่ได้อีกแล้ว
“เชิญคุณทางนี้ค่ะ”
เสียงใสๆ ของนางกำนัลในชุดคล้ายๆ กับชาวไทยวน คาดอกด้วยผ้าสีน้ำเงินเข้ม ไหล่เปลือยถูกคลุมทับด้วยผ้าคลุมสีฟ้าอ่อน และสวมผ้าซิ่นสีพื้น ขณะที่ทรงผมถูกเกล้ามวยไว้กลางศีรษะมีดอกเอื้องแซมพองาม ช่วยกระชากเขาให้ออกจากความงดงามตรงหน้า
ชายหนุ่มได้สติ รีบเดินตามนางกำนัลเข้าไปในพระราชวังโอ่อ่านั้นอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างที่ก้าวเดินก็ยังอดสอดส่ายสายตาไปรอบๆ วังนี้ไม่ได้ และก็ได้เห็นผู้ชายวัยฉกรรจ์เปลือยอก นุ่งผ้าฝ้ายสีน้ำเงินสีเดียวกับผ้าคาดอกของนางกำนัลที่เดินอยู่เบื้องหน้า มีผ้าสีขาวคาดที่หน้าผาก มือถือดาบเดินเป็นแถวไปมาเป็นระเบียบ
นี่คงเป็นลักษณะการแต่งกายของคนในวังเชียงรุ้งล่ะมั้ง ทวิภาคคิดอยู่ภายในใจ เดินตามไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาถึงห้องหนึ่งที่ถูกตกแต่งไว้อย่างวิจิตรงามตา บานประตูไม้ถูกแกะสลักด้วยลวดลายโบราณ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นลายที่เป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองนี้ เพราะเขาเห็นลายนี้มาเกือบตลอดทางที่เดินผ่านมา
“เชิญคุณพักผ่อนตามสบาย ขาดเหลืออะไรให้บอกข้าน้อยได้ ข้าน้อยจะรีบจัดหามาให้...”
หญิงสาวคนนั้นพูดเสียงอ่อนหวาน ก้มหน้าให้ด้วยความเคารพ ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่
ทวิภาคสำรวจภายในห้องพักของตนเองช้าๆ แล้วก็อดทึ่งไม่ได้ ห้องนี้กว้างขว้าง แถมถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม อ่อนช้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกับหลงเข้าไปอยู่ในยุคของพวกไทลื้อไทยวนโบราณ แต่ในขณะเดียวกันเชียงรุ้งก็มีลักษณะเด่นของตัวเองไม่น้อย
“ฉันไม่ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว เธอออกไปเถอะ”
“เพคะ...”
นางกำนัลรับคำเสียงอ่อนหวาน ย่อตัวลงถอนสายบัวให้อย่างเคารพ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนย้ายตัวเองออกไปจากห้องอย่างเงียบกริบ
ทวิภาควางกระเป๋าเดินทางของตนเองลงกับพื้น ขณะเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ไม้แกะสลักที่ตั้งอยู่ใกล้กับระเบียงที่ยื่นออกไปจากตัวห้อง สายตาคมกล้าจ้องมองผ่านระเบียงไม้ไปยังสวนสวยที่ถูกตัดแต่งอย่างดีด้วยความประณีต น้ำพุเล็กๆ ให้บรรยากาศเหมือนกำลังนั่งทอดอารมณ์อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ขณะเอนกายพิงพนักเก้าอี้ช้าๆ ดวงตาเคลิ้บฝัน ลืมเรื่องทุกข์ร้อนไปจนหมดสิ้น ลืมไปแม้กระทั่งว่าตัวเองมาที่นี่ทำไม และมาเพื่อใคร
ดวงตาคมกล้าค่อยๆ ปรือลงคล้ายกับกำลังถูกถ่วงด้วยหินก้อนใหญ่หลายก้อน และในที่สุดจิตของทวิภาคก็หลุดหลงเข้าไปสู่ภวังค์อันแสนสุข ผ่อนคลายที่สุดในชีวิต
“เขาชอบห้องที่หญิงเลือกให้หรือเปล่ามาลา...”
เสียงสดใสที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นร้องถามนางกำนัลที่ตนส่งให้ไปรับทวิภาคที่หน้าวังไปส่งที่ห้องพักทันทีเมื่อเห็นเดินเข้ามา
“ข้าน้อยดูเขาไม่ออกจริงๆ เพคะ เขาไม่พูดอะไร หน้าตาก็เรียบเฉย มองนู่นมองนั่นไปทั่วเพคะ” มาลาเอ่ยเสียงอ่อนหวาน ซึ่งเป็นลักษณะการพูดกันของคนในวังนี้
หญิงสาวสูงศักดิ์ในชุดเครื่องแต่งกายที่มีผ้าคาดอกสีแดงพันรอบอกสาวขาวผ่องเอาไว้ คลุมทับด้วยผ้าคลุมไหล่สีชมพูอ่อนปักดิ้นทอง และสวมผ้าซิ่นไหมยกดอกลำพูน ซึ่งผ้าซิ่นชนิดนี้จะทอไว้เฉพาะเจ้านายผู้สูงศักดิ์แห่งเมืองนี้เท่านั้น ขณะที่เส้นผมสีดำขลับถูกเกล้าเป็นมวยไว้กลางศีรษะ ปักด้วยดอกไม้ไหวงดงาม อ่อนช้อย เดินกลับไปกลับมาอย่างร้อนใจ
“อย่างนั้นหรือ... หญิงกลัวว่าเขาจะไม่ถูกใจจังเลยรสา”
ราชาวดีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวของพระราชาสุขเกษมกับเจ้านางดารารัศมี หันไปพูดกับรสาคนสนิทด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หญิงสาวงดงามล้ำเกินหญิงใดในแว่นแคว้นนี้ ความงามเลื่องลือระบือไกล เจ้าชายจากแคว้นต่างเมืองมาเจริญสัมพันธไมตรีด้วย แต่ก็ถูกองค์หญิงปฏิเสธอย่างไม่ใยดี เพราะในพระหทัยของราชาวดีแล้ว หล่อนผูกใจรักใคร่อยู่กับหนุ่มไทยนามว่า ‘ทวิภาค’ เพียงคนเดียว
“อย่าทรงคิดมากเลยเพคะองค์หญิง ผู้ชายคนนั้นจะต้องพอใจกับสิ่งที่องค์หญิงได้เตรียมไว้ให้อย่างแน่นอน เชื่อรสานะเพคะ”
ราชาวดีไม่ได้ตรัสออกมา แต่เดินไปเกาะขอบหน้าต่าง ชะเง้อมองไปยังตำหนักที่ตนเลือกให้กับทวิภาคตาละห้อย
อยากให้เขาพอใจจังเลย... สาวน้อยสูงศักดิ์รำพึงรำพันอยู่ภายในใจ
อุตส่าห์จัดห้องพักให้ตรงข้ามกัน เพื่อที่จะได้แอบมองยามที่เขาเดินออกมาสูดอากาศที่ระเบียงห้อง คิดว่าเขาจะชอบ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ทวิภาคไม่เอ่ยชม แถมยังไม่พูดอะไรทั้งนั้น
องค์หญิงสาวถอนใจออกมายืดยาว ก่อนจะหันมามองคนสนิท
“รสาจ๊ะ แล้วเย็นนี้หญิงจะทำยังไงดี เขาต้องมาทานข้าวกับหญิงในห้องอาหาร หญิงกลัวเขาโกรธจังเลย กลัวเขาจะมองหญิงไม่ดี... แต่หญิงอยากเจอเขา...”
รสามองเด็กสาวที่ตนเลี้ยงมากับมือด้วยความเห็นใจ ราชาวดีมอบใจให้กับทวิภาคมาตั้งแต่ตอนที่พ่อหนุ่มคนนั้นช่วยเหลือหล่อนครั้งที่ถูกลอบทำร้ายในเมืองไทย และตั้งแต่นั้นมาดวงตาขององค์หญิงผู้งดงามก็ไม่เคยมองใคร
“ถ้ายังไม่พร้อม เราก็เลื่อนการเผชิญหน้าออกไปก่อนดีไหมเพคะ องค์หญิงจะได้มีเวลาเตรียมใจ จะได้ไม่ทรงกังวล”
คำแนะนำของรสาก็ดีอยู่หรอก แต่มันเสียอยู่นิดเดียวก็คือ หล่อนจะไม่ได้เห็นหน้าทวิภาคอย่างที่ใจต้องการน่ะสิ
ไม่ได้ต้องคิดหาทางออก... คิดๆ ๆ ๆ คิดให้ออกนะราชาวดี หญิงสาวร้องสั่งตัวเองอยู่ภายในใจ เดินกลับไปกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า นานทีเดียว... ก่อนที่เจ้าหญิงคนงามจะฉีกยิ้ม และดีดนิ้วอย่างถูกใจออกมา
“หญิงคิดออกแล้ว...”
“องค์หญิงจะทำยังไงหรือเพคะ”
มาลาบังอาจถามด้วยน้ำเสียงอยากรู้ แต่ก็ถูกรสามองตาดุๆ จนต้องก้มหน้ามองพื้น มาลีผู้เป็นเพื่อนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเบาๆ
“หญิงจะปลอมตัวเป็นมาลี แล้วให้มาลีมาเป็นหญิงแทน...”
“ไม่ได้นะเพคะ”
รสาร้องลั่น พอๆ กับมาลีที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจกับความคิดแผลงๆ ของเจ้าหญิงสูงศักดิ์ที่ยืนทำหน้าตาจริงจังอยู่ตรงหน้า
“ได้สิจ๊ะรสา หญิงจะเป็นนางกำนัลไปดูแลเขาเอง...” ราชาวดียิ้มกริ่มกับความคิดที่ตัวเองคิดว่าเข้าท่าที่สุดของตนเอง
“ถ้าพระราชากับพระมเหสีทรงทราบเข้ามีหวังทั้งข้าน้อย ทั้งมาลีได้ถูกประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตรแน่ๆ เลยเพคะ” รสาพยายามอธิบาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่ออาญาบ้านเมือง
ราชาวดีเดินเข้ามาโอบกอดรสาอย่างประจบประแจง ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานเชื่อม จนคนแก่อย่างรสาอดใจอ่อนไม่ได้
“เจ้าพ่อกับเจ้าแม่ไม่อยู่สักหน่อย อีกตั้งเป็นอาทิตย์กว่าจะเสด็จกลับ น่านะ...รสา หญิงขอแค่ไม่กี่วันเอง ส่วนมาลีก็ให้แต่งเป็นหญิงยามที่ทวิภาคต้องการพบองค์หญิงราชาวดีแค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไรหรอกน่า เชื่อหญิงนะจ๊ะ...”
“แต่มาลีกลัวอาญาเพคะ เปลี่ยนเป็นมาลาไม่ได้หรือเพคะ” มาลีรีบโยนให้กับมาลา จนถูกเพื่อนตีแขนเบาๆ อย่างไม่ยอมเช่นกัน
“อย่าเอาฉันไปเกี่ยวข้องด้วยสิ มาลี...”
ราชาวดีระบายยิ้ม “ทวิภาคเห็นมาลาแล้วนี่จ๊ะ มาลีนั่นแหละเหมาะที่สุด นะถือว่าช่วยหญิงก็แล้วกัน นะจ๊ะ...” ยามที่เจ้าหญิงทรงออดอ้อนแบบนี้ทีไรไม่มีใครใจแข็งกับนางได้แม้แต่คนเดียว
มาลีสาวน้อยหน้าแป้นขาวเนียนนัยน์ตาเรียวเล็กจำต้องก้มหน้ารับคำบัญชาขององค์หญิงราชาวดีด้วยภาวะจำยอม
“องค์หญิงไม่ทรงมอบทางเลือกให้ข้าน้อยเลยนี่เพคะ”
“ขอบใจมาลีมากจ้ะ งั้นมาลีช่วยไปหาชุดนางกำนัลใหม่ๆ มาให้หญิงสักสองสามชุดนะจ๊ะ หญิงจะไปหาเขาในคราบนางกำนัลวันนี้เลย...”
“เพคะ องค์หญิง” มาลีก้มตัวถอนสายบัวงดงาม ก่อนจะรีบไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที
รสามองตามร่างเล็กของมาลีไปจนสุดตา ก่อนจะหันมามองเจ้าหญิงน้อยของตน และพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง
“รสาคิดว่ามันจะไม่งามนะเพคะ หากองค์หญิงจะไปใกล้ชิดกับบุรุษต่างชนชาติแบบนั้น รสาขอตามเสด็จไปด้วยดีกว่า...”
“นี่รสาไม่ไว้ใจหญิงหรือจ๊ะ รสาเลี้ยงหญิงมากับมือน่าจะรู้จักนิสัยหญิงมากกว่าใคร...”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตัดพ้อ ดวงตากลมโตที่มีแพขนตางอนยาวสีดำขลับล้อมรอบอยู่มีน้ำตาเอ่อคลอ รสาเห็นแล้วก็ถอนใจออกมาหนักๆ เพราะเจ้าหญิงน้อยของตนใช้วิธีนี้อีกแล้ว
“ก็ได้เพคะ รสาจะเชื่อใจองค์หญิง แต่รสาไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลย ตอนเจอที่เมืองไทยคราวนั้นก็แทบจะเสวยพระเศียรขององค์หญิงเข้าไปทางปากอยู่แล้ว...”
หญิงสาวสูงศักดิ์ระบายยิ้ม ตามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ “แหม รสาก็พูดเกินไป เขาคงโมโหที่หญิงไปขวางรถเขานั่นแหละ รสาอย่าอคตินักสิ นะนะ...” ออดอ้อนอ่อนหวาน แถมหอมซ้ายหอมขวาแบบนี้ มีหรือรสาจะไม่ใจอ่อน เพราะในที่สุดก็พยักหน้า
“รสาเคยขัดพระทัยขององค์หญิงได้ที่ไหนกันล่ะเพคะ”
ราชาวดียิ้มกว้าง พลางกอดคนสนิทแน่น “ขอบใจรสามากจ้ะ หญิงรักรสาที่สุดเลย...” รสาได้แต่แอบถอดถอนใจกับความแก่นแก้วของเจ้าหญิงน้อยของตนเองอยู่เพียงลำพังในอก
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"