เขาบีบบังคับให้เธอขึ้นเตียงได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่สามารถหลอกล่อให้ตนเองปล่อยเธอไปได้... คีแรน จอห์นสโตน คือผู้ชายสายดาร์ก เขามีพร้อมทั้งอำนาจและเงินตรา ความปรารถนาเดียวของผู้ชายเถื่อนคนนี้ก็คือการได้ครอบครองสาวใช้ของตนเอง เขายอมทำทุกอย่าง แลกด้วยทุกสิ่งที่ตนเองมี เพื่อให้ได้หล่อนมาอยู่ใต้ร่าง โดยไม่สนใจเลยว่าแม่สาวคนสวยที่เขาปรารถนาจะเต็มใจหรือไม่ สำหรับ พราวเนตร เขาคือผู้ชายใจดำอำมหิต เขาเหี้ยมโหด และไม่มีหัวใจ เขาแย่งชิงหล่อนมาจากชายคนรัก หักหาญน้ำใจของหล่อนอย่างป่าเถื่อน กักขังหล่อนเอาไว้ใต้เรือนร่างทรงพลังทุกค่ำคืนด้วยไฟปรารถนา หล่อนเกลียดเขาที่สุด เกลียดผู้ชายแสนเอาแต่ใจ ชอบบงการคนนี้นัก แต่ทำไมหนอหัวใจ ถึงได้หวั่นไหวไปกับจอมมารร้ายตนนี้ ทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด
บทที่ 1
ยามตะวันคล้อยลอยลิ่วหย่อนลงหลังเส้นโค้งฟ้า ร่างอรชรสมส่วนในชุดฟอร์มสาวรับใช้ของคฤหาสน์หรู จอห์นสโตน ที่ยืนอยู่นอกรั้วกำลังพูดคุยกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง
“เมื่อไหร่พราวจะออกไปเที่ยวกับพี่ได้สักทีครับ พี่ชวนพราวมาหลายปีแล้วนะ แต่พราวก็ไม่เคยออกไปเที่ยวไหนกับพี่ตามลำพังเลย จนตอนนี้พี่ชักงงแล้วว่าเราสองคนเป็นแฟนกันหรือแค่คนรู้จักกันแน่”
คำตัดพ้อของ อภิชัย เกิดประสพ คนรักหนุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาเนิ่นนาน ทำให้ พราวเนตร ทองบุญลือ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด เพราะสิ่งที่อภิชัยพูดมันคือเรื่องจริง ตลอดเวลาที่คบกันยาวนานมาเกือบห้าปี หล่อนออกไปเที่ยวกับอภิชัยนับครั้งได้เลย แถมไปแต่ละครั้งก็มีเพื่อนไปด้วยเสียทุกครั้ง
หล่อนก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากไปไหนมาไหนกับอภิชัยตามลำพัง รู้เพียงว่าหล่อนไม่สะดวกใจที่จะทำแบบนั้น แม้ว่าหล่อนจะคบหากับเขาด้วยสถานะคนรักก็ตาม
“พราวงานยุ่งน่ะพี่ชัย”
“ก็เห็นบอกพี่แบบนี้มาไม่รู้กี่ปีแล้ว” สีหน้าของอภิชัยยังคงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“พราวขอโทษค่ะพี่ชัย เอาเป็นว่าพราวจะพยายามหาเวลาไปเที่ยวกับพี่ชัยนะคะ”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะพราว พี่รอพราวจนผมจะหงอกหมดหัวแล้วนะเนี่ย”
“พราว...”
“ไม่รู้ล่ะ พี่ต้องการพาพราวไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยเสาร์อาทิตย์นี้ พราวไปลาพักร้อนเลยนะ”
“แต่พราว...ไม่แน่ใจว่าจะลาได้ไหม”
หล่อนไม่ได้อยากไปเลยสักนิด
“ไอ้เจ้าของบ้านนี่มันยังไงนะ พี่ชักอยากเห็นหน้ามันแล้วสิ ทำไมคนจะลาไปทำธุระบ้างมันยากนัก ฮึ!”
“เอ่อ...”
ยังไม่ทันที่หล่อนจะเอ่ยตอบความสงสัยของอภิชัย รถสปอร์ตสีดำทะมึนคันงามก็พุ่งทะยานตรงเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง และก็ทำให้ทั้งหล่อนและอภิชัยต้องกระโดดหลบกันไปคนละทิศละทาง
“เฮ้ย!!! เมายาหรือไงขับรถแบบนี้น่ะ!”
อภิชัยที่กระโดดหลบทันและไม่ได้หกล้มรีบตะโกนด่าดังลั่น ในขณะที่พราวเนตรล้มก้นกระแทกลงไปกองกับพื้น กว่าจะรวบรวมแรงลุกขึ้นได้ก็ปาเข้าไปหลายนาที หล่อนหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นว่าเป็นรถของใคร
“คุณ...คีแรน...”
หล่อนช็อกและรีบส่งสัญญาณให้อภิชัยหยุดตะโกนด่า แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง
“ถ้าเหยียบคนตายจะทำยังไง ไปคุยกันที่โรงพักเลย จะเรียกค่าทำขวัญให้หมดตัวเชียว!”
“พี่ชัยพอเถอะ...พราวขอร้อง...”
หล่อนพยายามห้ามปรามอภิชัย ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่กระจกรถสปอร์ตคันงามฝั่งข้างคนขับลดลงเกือบหมดทั้งบาน และนั่นก็ทำให้หล่อนมองเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยจัดคนหนึ่งนั่งในรถเคียงข้างมากับคีแรน
ทำไมหล่อนจะต้องรู้สึกไม่ชอบใจด้วยนะ?
“บ้านฉันไม่ใช่โรงแรม ถ้าอยากจะผสมพันธุ์กันก็ไปที่อื่น อย่ามายืนขวางหน้ารั้วบ้านฉัน!” น้ำเสียงของคีแรนเต็มไปด้วยโทสะ สายตาที่เขาตวัดมองมายังหล่อนช่างเลือดเย็นนัก “พาผัวเธอไปขย่มที่อื่น พราวเนตร!”
“คือว่า...ไม่ใช่...”
หล่อนหน้าชาดิกและพยายามปฏิเสธ แต่กระจกรถเลื่อนขึ้นปิดสนิทเสียแล้ว พร้อมกับที่รถสปอร์ตคันงามสีดำสนิทพุ่งหายเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสน์หรู
อภิชัยรีบเดินเข้ามาหาพราวเนตรแล้วประคองหญิงสาวเอาไว้ ขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องมองตามท้ายรถของคีแรนไปตลอดเวลา
“ไอ้หมอนั่นเป็นใครเหรอพราว”
พราวเนตรเบือนหน้าที่ซีดเผือดของตัวเองมามองอภิชัย พร้อมกับบิดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มอย่างสุภาพ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
“คุณคีแรน เป็นเจ้าของบ้านนี้ค่ะ”
“ฮะ? เจ้าของที่นี่?”
“ค่ะพี่ชัย”
“งั้นก็แสดงว่าไอ้หมอนี่ใช่ไหมที่มันไม่ยอมให้พราวลางานไปเที่ยวกับพี่น่ะ” สีหน้าของอภิชัยขึงขังขึ้นทันที
พราวเนตรถอนหายใจออกมาด้วยความวิตกกังวล ก่อนจะเอ่ยขอตัวกับอภิชัย “พราวเข้าบ้านก่อนนะพี่ชัย”
อภิชัยเห็นสีหน้าของพราวเนตรไม่สู้ดีนักจึงไม่อยากเซ้าซี้ฉุดรั้งเอาไว้ “โอเค แล้วหัวเข่าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“แค่ถลอกน่ะค่ะ” หล่อนยิ้มบางๆ ก่อนจะกล่าวลาอภิชัยอีกครั้ง แล้วเดินกะเผลกกลับเข้าไปในอาณาเขตของคฤหาสน์หลังงาม มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพักของตัวเองที่อยู่ร่วมกับครอบครัว
“หัวเข่าเอ็งไปโดนอะไรมาน่ะนังพราว”
แม่ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเห็นหัวเข่าของหล่อนเข้าก็ร้องถามด้วยความตกใจระคนเป็นห่วง
“เอ่อ...พราวหกล้มน่ะแม่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
แม่ของหล่อนถอนหายใจอย่างเอือมระอา “เอ็งก็เดินให้มันระวังๆ หน่อยสิ เดี๋ยวแผลก็เต็มตัวพอดี”
“ฉันจะระวังให้มากกว่านี้จ้ะแม่”
แม่ของหล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องพักที่แบ่งแยกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน หล่อนเองก็กำลังจะกลับเข้าห้องพักเช่นกัน แต่เสียงของลำดวนเพื่อนร่วมงานดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
หล่อนหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของเสียงเรียก และพยายามที่จะยิ้มแย้มอย่างปกติ
“มีอะไรกับพราวเหรอคะพี่ลำดวน”
ลำดวนสาวใช้อายุมากกว่าหล่อนสามปียืนอยู่ตรงหน้า ในมือถือกล่องปฐมพยาบาลพลาสติกเอาไว้
“เอายามาให้น่ะ” ลำดวนพูดพร้อมกับยื่นกล่องยามาให้ตรงหน้า หล่อนมองอย่างแปลกใจ แล้วก็รับมาถือเอาไว้อย่างงงๆ
“ยา? เอามาให้พราวทำไมเหรอคะ”
“ก็พี่เห็นว่าหกล้มน่ะ กลัวจะเจ็บก็เลยเอายามาให้”
ลำดวนเห็นหล่อนหกล้มตอนไหนกัน พราวเนตรคิดอย่างสับสน ก่อนจะถาม
“พี่ลำดวนเห็นด้วยเหรอจ๊ะ”
“เอ่อ...” ลำดวนอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบ “ก็...เห็นสิ ไม่อย่างนั้นจะเอายามาให้ทำไม ทาซะ ถ้าไม่ทาพรุ่งนี้แผลจะตึง แล้วจะเจ็บเอานะ”
“แผลนิดเดียวเองค่ะพี่” หล่อนระบายยิ้มมองคู่สนทนาอย่างซาบซึ้ง “แต่ก็ขอบคุณพี่ลำดวนมากนะคะ พราวปวดหัวตัวร้อน หกล้มเมื่อไหร่ ก็ได้พี่ลำดวนนี่แหละที่คอยหาหยูกหายาให้กิน ขอบคุณจริงๆ นะคะพี่”
หล่อนรีบยกมือไหว้คู่สนทนา และก็อดที่จะเอ่ยถามถึงใครบางคนไม่ได้
“เอ่อ...คุณคีแรน...พักผ่อนแล้วเหรอคะ”
“น่าจะเข้าห้องไปแล้วล่ะ ก็มากับผู้หญิงนี่นา”
ลำดวนตอบ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างแคลงใจ
“แล้วทำไมสีหน้าของพราวไม่ค่อยดีเลยล่ะ กังวลอะไรหรือเปล่า”
พราวเนตรรีบส่ายหน้าและฝืนยิ้ม “เปล่านี่คะ พราวสบายดีค่ะ”
“ก็เห็นพูดถึงคุณคีแรนแล้วหน้าเศร้าๆ พี่ก็นึกว่ามีอะไรไม่สบายใจเสียอีก”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
หล่อนฝืนยิ้มอีกครั้ง
“งั้นก็ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วทายาซะนะ อ้อ ในกล่องมียาแก้ปวดด้วย เผื่อคืนนี้ปวดแผลขึ้นมา”
“ขอบคุณนะคะพี่ลำดวน”
“จ้ะ ไม่เป็นไร พี่ไปนะ”
“พราวเดินไปส่งค่ะ”
หล่อนกำลังจะก้าวเท้าเดินไปส่ง แต่ลำดวนร้องห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอก พราวไปพักผ่อนเถอะ ห้องพักพี่อยู่แค่นี้เอง”
เมื่อลำดวนยืนกรานเช่นนั้น พราวเนตรจึงไม่อยากจะเอ่ยขัด หล่อนกล่าวราตรีสวัสดิ์กับลำดวนอีกครั้ง และยืนรอจนร่างของลำดวนหายไปจากสายตาจึงหมุนตัวหิ้วกล่องยาเข้าไปในห้องพัก
หล่อนดึงบานประตูให้ปิดสนิท วางกล่องยาลงบนโต๊ะริมหน้าต่าง จากนั้นก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"