กล่าวถึงแม่ทัพใหญ่นามว่า "หลิง ซู่หมิง" ผู้ถูกศัตรูต่างแคว้นลอบสังหาร ร่างถูกฝัง ณ สุสานของตระกูล จนวิญญาณถูกสาป แต่ โชคชะตาจึงนำพาให้พบกับ "ชุน เป่าอัน" บุรุษรูปงามจากตระกูลชุน
กล่าวถึงแม่ทัพใหญ่นามว่า "หลิง ซู่หมิง" ผู้ถูกศัตรูต่างแคว้นลอบสังหาร ร่างถูกฝัง ณ สุสานของตระกูล จนวิญญาณถูกสาป แต่ โชคชะตาจึงนำพาให้พบกับ "ชุน เป่าอัน" บุรุษรูปงามจากตระกูลชุน
กล่าวถึงเมืองตงหยาง แคว้นฉี ตำนานรักลือเลื่องสะเทือนทุ่งแดนร้าง
เรื่องเล่าขานนานมากล่าวถึงแม่ทัพใหญ่นามว่า "หลิง ซู่หมิง" นามรอง "หลิง อู๋หยาน" ผู้ถูกศัตรูต่างแคว้นลอบสังหาร ร่างถูกฝัง ณ สุสานของตระกูล(ตระกูลหลิง)
วิญญาณอาภัพจิตแค้นหยั่งรากลึก ไพรกว้างเปลี่ยวเหงาเฉาตาย หมู่ไม้พฤกษาทั้งเนินเขาแห้งเหี่ยวไม่ฟื้นคืน
วิญญาณยังคิดอาฆาตหมายสังหารเหล่าชีวิตน้อยใหญ่ที่บังอาจเข้าใกล้ให้มอดมวย ชาวบ้านต่างหวาดผวา ไม่อาจหาญย่างกรายผ่านเนินเขาสุสานตระกูลหลิง
จนกระทั่งการกลับมาของบุรุษรูปงามนาม "ชุน เป่าอัน" นามรอง "ชุน เจียเฉิน" คุณชายสี่แห่งตระกูลชุน
ซึ่งมีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติฝั่งมารดาเป็นญาติผู้น้องของประมุขตระกูลหลิง "หลิง อู่จง" เป็นบิดาของ "หลิงซู่หมิง" แม่ทัพใหญ่ผู้ล่วงลับ
คุณชายสี่ตระกูลชุนจึงมีคามใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่ทัพหลิงมาแต่เล็กแต่น้อย เมื่อวัยเยาว์ได้ผันผ่านทั้งสองจึงต้องแยกกันไปคนละทาง คุณชายใหญ่ตระกูลหลิง ได้เป็นถึงแม่ทัพของกองกำลังพิทักษ์ชายแดนแคว้นฉี
แต่บทสุดท้ายกลับถูกฝ่ายศัตรูลอบสังหาร ส่วนคุณชายสี่ตระกูลชุนเริ่มต้นชีวิตวัยหนุ่มด้วยการทำการค้าพลอยจากแดนตะวันตก
ความทุกข์ยากของชาวบ้านแถบชานเมืองตงหยางแพร่สะพัดเป็นวงกว้างทำให้เกิดการจราจล ชาวจึงบ้านรวมตัวกันเพื่อที่จะทำลายสุสานตระกูลหลิงบนเนินเขา
เพราะทำตามคำบอกเล่าของนักพรตเต๋าจากต่างแคว้น ที่เข้ามาปลุกปั่นชาวบ้านให้เชื่อกันว่าแม่ทัพหลิงกลายเป็นวิญญาณอาฆาต สาปส่งดินแดนโดยรอบให้แห้งแล้ง อีกทั้งดูดกลืนวิญญาณสังหารผู้คนที่เดินทางผ่านเนินเขาที่ตั้งสุสาน
ทางประมุขตระกูลหลิง ไม่รู้จะทำเช่นไรในเมื่อ
ชาวบ้านแถบชานเมืองเดือนร้อนเพราะวิญญาณของบุตรชายของตน ที่จู่ๆก็กลายเป็นวิญญาณอาฆาตราวกับปีศาจที่จ้องจะทำร้ายหมายเอาชีวิตผู้คนบริสุทธิ์อย่างไร้เหตุผล
ด้วยเหตุนี้อาจจึงต้องจำยอมให้ทำลายสุสานของตระกูลเสีย ความวุ่นวายทั้งหลายจึงจะสงบ
แต่กลับกันในสายตาคุณชายสี่ตระกูลชุนกลับเล็งเห็นถึงความผิดปกติของสุสานตระกูลหลิง และการปรากฎตัวของนักพรตนิรนาม ที่เข้าปลุกปั่นชาวบ้านด้วยความเชื่อที่ไร้การพิสูจน์
ชุน เป่าอัน จึงตัดสินใจเป็นตัวแทนจากสองตระกูลเข้าไปเจรจากับกลุ่มชาวบ้านและนักพรตเต๋านิรนามเพื่อยุความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
เขายื่นคำขาดให้ส่งหญิงสาวคนหนึ่งในตระกูลคอทลินไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ใครบ้างจะไม่รู้ว่านี่เป็นกับดัก ไม่มีทางที่ตระกูลคอทลินจะส่งลูกสาวสุดที่รักไปเด็ดขาด ดังนั้นใครจะเหมาะสมไปมากกว่าลูกนอกกฏหมายกัน
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
จะเป็นอย่างไรเมื่อเขาและได้กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่คืนนั้นทั้งสองได้มีความสัมพันธ์กันได้ เมื่ออีกฝ่ายอยากลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับโหยหาสัมผัสที่เขาไม่อาจลืมได้ ความสัมพันธ์ที่เกิดทางกายจะแปรผันมาเป็นความรักได้หรือไม่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะลงเอยกันอย่างไร.....
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตระกูลซูล่มสลาย จวนเจิ้นกั๋วทั้งตระกูลถูกประหารชีวิตในคืนเดียว ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งถูกน้องสาวหลอกใช้ ถูกชายเจ้าชู้เล่นตลก ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งใช้ชีวิตอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แคว้นเป่ยเหลียงสิบกว่าปี แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคบคิดกับศัตรู คนทั้งแคว้นเซิ่งถังต่างก็ด่าทอยกใหญ่ ชาติก่อน… ซูเฉิงอิ้งต้องยืนมองน้องสาวกับรักแรกของตนสนิทสนมกัน ครองโลก ส่วนตัวเองกลับโดนประหารชีวิต เลือดสาดตะวัน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้ง… ซูเฉิงอิ้งถือดาบกลับมา ฟาดแรก… ตัดสายเลือด ฟันน้องสาวอกตัญญู ฟาดที่สอง… ตัดความรัก ฟันรักแรกที่หน้าเนื้อใจเสือ ฟาดที่สาม… ตัดคำพูด ฟันทุกเสียงนินทาของเป่ยเหลียงที่บิดเบือนความจริง ฟาดที่สี่… ตงฟางไป๋เยว่ “หรือว่าฮูหยินอยากจะฆ่าสามีผู้นี้ด้วยหรือ” ซูเฉิงอิ้ง“หุบปาก…”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด