เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
ซือเจียเหลย:
ฉันออกมาจากห้องน้ำโดยสวมชุดนอนกระโปรงเซ็กซี่ตัวหนึ่ง เป็นผ้าลูกไม้ที่มีความโปร่งบางและเย้ายวน เป็นแบบโลว์คัท โชว์ช่วงเอว กระโปรงสั้นจนปิดได้แค่บั้นท้าย
เฉินหลีซือที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานหันหน้ากลับมา เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำลายทางสีดำตัวหนึ่ง ผูกปมที่เอวไว้อย่างลวก ๆ ที่แผงอกอันกำยำของเขาเปลือยครึ่งท่อน
สายตาของเขาจับจ้องมาที่ตัวของฉัน แล้วทันใดนั้นแววตาของเขาก็ลุกเป็นไฟขึ้นมา
ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่า ฉันดึงดูดความสนใจจากเฉินหลีซือสำเร็จแล้ว
ฉันแต่งงานกับเฉินหลีซือมาสามปีแล้ว แต่ฉันกับเขาไม่เคยได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เลย
ฉันรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ฉัน ดังนั้นหลังจากที่แต่งงานกัน ฉันจึงไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสทันที
เมื่อหลายวันก่อน คุณย่าของเฉินหลีซือโทรมาหาฉัน และบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลเฉินจะต้องมีเด็กเพิ่มขึ้นมาสักที
ฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ถ้าให้พูดตามตรง ฉันก็ไม่ได้รู้สึกไม่โอเคอะไรเลย แถมยังรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ
เพราะ ในที่สุดฉันก็มีเหตุผลที่จะได้กลับไปหาเฉินหลีซือแล้ว
ผู้ชายที่ฉันคิดถึงมาตลอดสามปี
ฉันเดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าเฉินหลีซือช้า ๆ โดยเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้ แล้วก็ปล่อยให้เขามองมาที่ฉันจากระยะไกลได้อย่างเต็มที่
ฉันเห็นถึงความตกตะลึงในแววตาของเขา
“มานี่มา” เสียงของเฉินหลีซือมีความแหบแหบเล็กน้อย ราวกับถูกกระดาษทรายบาดเส้นเสียงอย่างไรอย่างนั้น
ฉันกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้เขา จากนั้นก็เอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาเอาไว้
ฝ่ามือของเฉินหลีซือที่ร้อนระอุแตะมาที่เอวของฉัน เขาโน้มตัวเข้ามาที่ข้างหูของฉันและพูดว่า “นี่คุณกำลังอ่อยผมอยู่เหรอ?”
ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขารดอยู่ที่ข้างหูของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“แล้ว ฉันทำสำเร็จไหมล่ะ?”
เฉินหลีซือหรี่ตามองฉัน แล้วทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “นี่คือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาจากที่ฝรั่งเศสตลอดหลายปีที่ผ่านมางั้นเหรอ?”
“คุณชอบรึเปล่า?” ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ หัวใจของฉันเต้นแรงผิดจังหวะ
“ซือเจียเหลย คุณสวยมาก” เสียงของเขาเบาและนิ่งมาก
เขากำลังชื่นชมฉันอยู่ หมายความว่า ในใจของเขามีฉันอยู่แล้วใช่ไหม?
“เฉินหลีซือ พวกเรา......”
“ซือเจียเหลย เราหย่ากันเถอะ!”
เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
สมองของฉันมันว่างเปล่าไปหมด คำพูดที่ฉันยังไม่ได้พูดออกมามันถูกชะงักไปทันที
ฉันกำลังจะบอกว่า เฉินหลีซือ เรามามีลูกกันเถอะ......
แต่เขากลับต้องการที่จะหย่ากับฉัน
เฉินหลีซือถอยหลังไปสองก้าว ราวกับจงใจเว้นระยะห่างจากฉัน “ร่างกายของเหรินธากำลังจะยื้อไม่ไหวแล้ว ผมต้องการแต่งงานกับเธอ”
ที่แท้ ข่าวในสื่อต่าง ๆ ที่บอกว่าเขากับเหรินธากำลังจะแต่งงานกันมันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
ฉันเองนั่นแหละเป็นคนที่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่า นักข่าวเขียนข่าวขึ้นมาแบบมั่ว ๆ
“หลังจากหย่ากันแล้ว ผมจะให้เงินชดเชยคุณเพิ่มอีกหนึ่งร้อยล้านตามเนื้อหาในสัญญา” น้ำเสียงของเขาเบาและสงบนิ่งมาก แต่ฉันกลับไม่สามารถที่จะโต้แย้งอะไรได้เลย
น้ำตาร้อน ๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาของฉัน ฉันรีบก้มหน้าลงทันที ไม่อยากให้เฉินหลีซือเห็นความเปราะบางนี้ของฉัน
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
ฉันรีบเช็ดหน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่รู้สึกดีใจน่ะ”
ในแววตาของเฉินหลีซือดูสงสัยอย่างมาก:“ดีใจอะไรเหรอ?”
“ในที่สุดก็ไปจากคุณได้สักที แล้วจะไม่ให้ฉันดีใจได้ยังไงล่ะ?” ฉันพูดไปด้วยน้ำเสียงติดตลก ด้วยความที่กังวลว่าเขาจะไม่เชื่อฉัน ฉันจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้มออกมาให้ดูสดใสที่สุด
ทันใดนั้น สีหน้าของเฉินหลีซือก็มืดมนลง แล้วเขาก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “หึ คุณคงจะคิดได้แล้วสินะ”
ฉันพยายามฝืนยิ้มออกมาอย่างเต็มที่ “แล้วมีอะไรให้ต้องคิดไม่ได้อีกล่ะ?”
ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาทางหน้าต่าง กระโปรงของฉันปลิวขึ้นเล็กน้อย
ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ฉันยังสวมชุดนอนที่แสนเซ็กซี่อยู่นี่นา
ช่างน่าตลกสิ้นดี
ฉันหาเสื้อโค้ทตัวหนึ่งมาคลุมตัวเอาไว้ เพื่อปกปิดร่างกายของฉันส่วนที่มันโชว์อยู่ ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง
“ถ้าคุณแต่งงานกับเหรินธา ฉันก็จะได้ไปตามจีบคนที่ฉันชอบสักที ถือว่าเป็นเรื่องดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นเนาะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยไง”
เฉินหลีซือขมวดคิ้ว แล้วก็ถามขึ้นมาว่า “คุณมีคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฉันพยายามฝืนทนเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วก็จงใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายว่า “ประมาณเมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ......”
ฉันอยากบอกเขาตรง ๆ มากว่า คนที่ฉันรักก็คือเขานั่นแหละ
“บอกชื่อเขามา!”
ฉันไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะถามลึกขนาดนี้ วินาทีนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อคน ๆ นั้นว่าอะไรดี
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
“เหรินธา? มีอะไรเหรอ?” เฉินหลีซือรับสาย แล้วก็เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเขาเดินออกมาอีกครั้ง เขาก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว กำลังผูกหูกระต่ายอยู่หน้ากระจกยาวแบบเต็มตัว
“เหรินธามีเรื่องจึงให้ผมไปหา ผมไปก่อนนะ รอผมกลับมา เราค่อยคุยกันอีกที”
หลังจากพูดจบ เขาก็ออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้รั้งรออะไรเลย
เหมือนกับเรียกตอนไหนก็มาตอนนั้นได้เลยจริง ๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“เฉินหลีซืออยู่รึเปล่า?” มีเสียงที่หวานหยาดเยิ้มดังมาจากปลายสาย ซึ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อน ๆ ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดมาก
แม้ว่าฉันจะไม่ได้ติดต่อเธอมาหลายปี แต่ฉันก็ยังจำเสียงของเหรินธาได้เป็นอย่างดี
ฉันกัดริมฝีปากล่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“เฉินหลีซืออยู่ไหน? เขาสัญญาว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนกับฉันคืนนี้” เหรินธาพูดไปเรื่อยอยู่คนเดียว น้ำเสียงของเธออ่อนหวาน แต่กลับเป็นแหลมแทงใจของฉันมาก
“คุณโทรหาเขาแล้วไม่ใช่รึไง?” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บแนมออกไป
“อุ๊ย ฉันลืมไปเลย”
เหรินธาหัวเราะชอบใจออกมา ราวกับเป็นเสียงระฆังที่ดังแสบแก้วหู “ซือเจียเหลย ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ นะ ที่ขอให้สามีของคุณมาอยู่กับฉันกลางดึก......”
“สรุปแล้วคุณจะทำอะไรกันแน่?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่อยากจะโทรมาทักทายคุณเฉย ๆ แล้วก็อยากจะถามคุณด้วยว่า เฉินหลีซือได้ขอหย่ากับคุณรึยัง?”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังจอแจดังมาจากในโทรศัพท์ เป็นเสียงของเฉินหลีซือที่ดังขึ้นมาจากในสาย “เหรินธา คุณโอเคไหม?”
ช่างเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนซะจริง ๆ ฉันยังไม่เคยได้ยินเฉินหลีซือพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนั้นมาก่อนเลย
โทรศัพท์ถูกตัดสายไป
ฉันนอนไม่หลับเลยทั้งคืน
การยั่วยุของเหรินธามันทำให้ฉันนอนไม่หลับ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บปวดยิ่งกว่านี้ก็คือ ความเฉยเมยของเฉินหลีซือ
ตลอดทั้งคืน เขาไม่ได้โทรมาหาฉันเลยแม้แต่สายเดียว!
ก็ใช่นะสิ ตอนนี้เฉินหลีซือก็อยู่กับเหรินธาด้วย แล้วเขาจะมาคิดถึงฉันได้ยังไงล่ะ?
ฉันเจ็บปวดมาก ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสว่าง
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
เป็นเฉินหลีซือที่ไม่ได้กลับมาเลยทั้งคืน
“วันนี้ไปเจอกับเหรินธาสักหน่อยนะ” น้ำเสียงของเฉินหลีซือไม่ปล่อยให้ฉันปฏิเสธได้เลย
ใต้ขอบตาของเขาดำนิดหน่อย เมื่อคืนเขากับเหรินธาทำทั้งคืนเลยรึไง......
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?” ฉันฝืนยิ้มออกมา
“อย่าทำให้เธอโทษตัวเองและรู้สึกผิด บอกเธอว่า คุณมีคนที่คุณชอบอยู่แล้ว เธอจะได้สบายใจ” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วจ้องมองตาฉัน
“ได้”
สีหน้าของเฉินหลีซือดูประหลาดใจ ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าฉันจะตอบตกลงอย่างง่ายดายขนาดนี้
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ ผมจะไปรอคุณข้างล่าง” เฉินหลีซือพูดจบแล้วก็เดินออกไปทันที
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา เป็นเถียนน่าเพื่อนรักของฉันเอง
“ฮัลโหล เถียนน่า!”
“เพื่อนรัก ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจ้ะ!”
“ขอบใจนะ”
“คราวนี้จะกลับมาแล้วยังจะไปอีกไหม?”
“ว่าจะยังไม่ไปตอนนี้นะ”
“งั้นก็มาที่สถานีโทรทัศน์ของพวกเราสิ! เธอเรียนนิเทศศาสตร์มา มีเสียงไพเราะ แล้วหน้าตาก็ดี เธอเหมาะมากเลยนะ!”
“ได้สิ”
“ได้เจอเฉินหลีซือรึยัง?” ทันใดนั้น เสียงของเถียนน่าก็เบาลง ราวกับว่าเธอกำลังกระซิบถามหยั่งเชิงดู
“อื้ม”
“เขาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนังผู้หญิงเลวคนนั้นไหม?”
“อื้ม”
“หน้าไม่อายจริง ๆ เลย! เขายังจะมีหน้ามาบอกเธออีกเหรอ”
“เขาขอให้ฉันไปเจอกับเหรินธาวันนี้ด้วย”
“เธอจะไปเจอนังเลวนั่นเนี่ยนะ? นังนั่นมันจะต้องเกลี้ยกล่อมให้เฉินหลีซือหย่ากับเธอแน่ ๆ แล้วก็ให้เขาไปแต่งงานกับมันแทน! ตระกูลเฉินเมื่อสามปีก่อนไม่ยอมรับมันยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับมันเหมือนเดิมนั่นแหละ!” เสียงของเถียนน่าที่พูดด้วยความโมโหดังมาจากในสาย
“มันเป็นอดีตไปแล้วล่ะ” ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อดีตงั้นเหรอ? ซือเจียเหลย เธอยังรักเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฉันไม่ได้ตอบ ต้องรักอยู่แล้วสิ ก็รักมาตั้งหลายปีขนาดนั้น
“ซือเจียเหลย?” เสียงของเถียนน่าดังมาจากปลายสาย ทำให้ฉันดึงสติกลับมาได้
“ฉันกำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว ไว้เจอกันวันหลังนะ”
เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
ในเมื่อความปรารถนาสูงสุดของอีกฝ่ายไม่ใช่ครอบครัว เธอจึงกลายเป็นคนที่เขาอยากเขี่ยทิ้งไปให้พ้นตัว เหตุผลที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของเธอ ใช้ถ้อยคำหวานหลอกล่อจนหญิงสาวตายใจ ในที่สุดเธอก็ได้ตัดสินใจแต่งานกับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใด ๆ ท้ายที่สุดแล้วความจริงก็ปรากฏขึ้น เพราะปรเมศเข้าใจผิด คิดว่าเขมิกาคือสาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นมารดาของเขาต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่ได้เอ่ยคำบอกลา “เขมท้อง!” หญิงสาวตัดสินใจพูดเรื่องทารกน้อยในครรภ์ เพราะลึก ๆ แล้วยังแอบหวังที่จะได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา อารมณ์ของเขมมิกาแปรปรวน เธอเองไม่อาจควบคุมได้ บางทีก็คิดอยากอยู่ประเดี๋ยวก็อยากไป “กี่เดือน” “หกสัปดาห์แล้วค่ะ” “เด็กคนนี้เป็นลูกของใคร” “คุณปรเมศ!” เขมมิการู้สึกผิดหวังในตัวชายหนุ่ม เขาไม่ควรตั้งคำถามนี้กับเธอ “เอาเด็กนั่นออกซะ! นี่คือเงินที่ผมจะจ่ายให้กับคุณ นับจากนี้ไปเราสองคนเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าสำหรับกัน” “คุณคิดดีแล้วใช่ไหมคะ” “ผมไม่เคยลังเลที่อยากเก็บเด็กคนนี้เอาไว้เลยสักนิด” คำตอบที่ได้ทำเอาหญิงสาวพูดไม่ออก มันจุกในอกเสียจนเธอแทบเสียสติ แต่ก็กลับมาได้เพราะทารกน้อย เธอต้องปกป้องเด็กคนนี้ให้ถึงที่สุด ปรเมศจะต้องเสียใจกับถ้อยคำที่เขาพูดกับเธอในวันนี้
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้