เจ้านายคนใหม่อย่าง“ฟีนิกซ์” ที่แสนจะบ้าอำนาจสุดๆ แถมยังเอาแต่ใจ หื่น บ้ากามสารพัด ตีค่าทุกอย่างด้วยเงิน แม้แต่ความรัก ซึ่งเธอจะไม่ยอมเขาเด็ดขาด เธอจึงทำทุกอย่างเพื่อต่อต้านเขา ไม่ให้มามีสิทธิ์เหนือเธอ ในเวลางานยังพอทน แต่ถ้านอกเวลางานคนอย่าง“แพรพิรยา” จะไม่ยอมทนเด็ดขาด แล้วเขาถือสิทธิ์อะไรเข้ามาอยู่ร่วมใต้ชายคาเดียวกันกับเธอ อย่างหน้าด้านๆ เวลาไม่พอใจอะไรเธอหรือโกรธเธอ เป็นอันต้องใช้กำลัง ด้วยการจูบเธอบ้างล่ะ จับกดลงกับเตียงแล้ว….!? เธอบ้างล่ะ อย่างกับฉากละครในทีวีที่พระเอกกับนางเอกทะเลาะกันยังไงยังงั้นเลย คนเรามันต้องมีเหตุผลกันทั้งนั้น แล้วเหตุผลของเขาล่ะคืออะไรกัน บางครั้งเขาก็เป็นผู้ชายที่แสนจะอบอุ่นและอ่อนโยน และอะไรกันที่ทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์และร้ายกาจได้ขนาดนี้กัน
รถเก๋งฮอนด้าสีขาวจอดลงตรงหน้าคอนโดแห่งหนึ่ง สุดาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดโทรหาแพรพิรยาแต่คนที่เธอจะโทรหาดันลงมาพอดี
“แพรขอโทษนะดา รอนานมั้ยพอดีตื่นสายน่ะ” แพรพิรยารีบขอโทษสุดาผู้เป็นเพื่อน พร้อมกับเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
“ไม่เป็นไร ดาเพิ่งมาถึงเองว่ากำลังจะโทรตามแพรพอดีเลยแต่แพรลงมาซะก่อน”
“เหรอ แพรนึกว่าดารอนานแล้วซะอีก เลยรีบลงมาเนี่ยยังไม่ได้กินอะไรเลยด้วย ช่วยแวะหาอะไรกินกันก่อนระหว่างทางได้มั้ย”
“ได้สิ ว่าแต่แพรเอาของไปแค่นี้เองเหรอ” สุดาก้มลงมองกระเป๋าเดินทางของแพรพิรยาที่เธอชวนไปเที่ยวภูเก็ตด้วยกัน
“แค่นี้ก็พอแล้วที่เหลือค่อยไปหาซื้อเอาข้างหน้าก็ได้”
“ดาชวนแพรไปเที่ยวนะ ไปส่องผู้กันน่ะต้องแต่งสวยหน่อยสิ”
“แพรรู้ไงว่าดามีอุปกรณ์แต่งสวยครบแน่นอน เลยไม่พาไปกะจะใช้ของดาเอา ฮ่าๆ”
“งกตลอดเลยแกนี่”
“เขาเรียกว่าประหยัดต่างหากเล่า”
“จ้า! ว่าแต่เมื่อคืนนอนดึกเหรอเนี่ยขอบตาดำเชียว”
“จริงเหรอ รีบออกมาแพรเลยไม่ทันสังเกต เมื่อคืนแพรโทรคุยกับแม่น่ะเลยนอนดึกไปหน่อย เพราะไม่ได้คุยกันหลายวันแล้ว” แพรพิรยาพูดไป แต่งหน้าแต้มที่ขอบตาเพิ่มไปด้วย
“หวังว่าแม่แพรไปอยู่ที่โน่นคงจะมีความสุขดีนะ”
“แพรก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นแหละดา แม่จะได้มีความสุขกับเขาสักที”
แม่ของแพรพิรยาแต่งงานใหม่จึงย้ายไปอยู่ต่างประเทศ สุดาจึงอดคิดไม่ได้เพราะว่าเรื่องของแม่แพรพิรยาที่ต้องเลิกราไปกับพ่อของแพรพิรยาไปและต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่กันหมด จึงทำให้แพรพิรยามีโลกส่วนตัวสูงและค่อนข้างที่จะกลัวความรักหรือเปล่า ทำให้เธอนั้นไม่กล้าคบหากับใครสักที ทั้งที่มีคนมาจีบออกเยอะแยะ แพรพิรยาเป็นคนที่สวยมากเพียงแต่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเองเท่านั้น
ทั้งสองมาถึงยังโรงแรมที่จ้องไว้ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมที่ราคาค่อนข้างแพงมากเมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว ด้วยบริษัทของสุดาต้องการรับรองลูกค้ากลุ่มนี้ให้ดีที่สุดเพราะเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ติดต่อธุรกิจกันยังจริงจัง
“ไปหาอะไรกินเถอะ หิวแล้วไม่ใช่เหรอเดี๋ยวดาพาไปร้านอร่อยๆ”
“หิวมาก จะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย”
“จ้ะ แม่คนกินเท่าไรก็ไม่อ้วน” สุดาหยุดเดินกะทันหัน ทำให้แพรพิรยาที่เดินตามหลังมาชนเข้าอย่างจัง
“อ๊ะ! ดา หยุดเดินทำไมเห็นมั้ยแพรชนเลยเนี่ย” แพรพิรยาพูดเสียงดังทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ไม่ไกลตรงหน้าเคาน์เตอร์ และพนักงานตรงนั้นอีก 2-3 คน เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน
“ยัยแพร แกเห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย อย่าบอกนะว่าเขาพักที่นี่ด้วยที่เดียวกันกับเรา”
สุดาดึงแพรพิรยาเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบบอกเธอและชี้ไปทางผู้ชายร่างสูงลูกครึ่ง ไหล่กว้าง ผิวสีแทน สวมเสื้อโปโลและกางเกงสแล็คสีดำที่กำลังเงยหน้าขึ้นจากเคาน์เตอร์มองมายังพวกเธอ ความสูงความหล่อเหลาของเขาโดดเด่นกว่าทุกๆ คนในตรงนั้น
“เห็นแล้วทำไมเหรอ เขาพักที่นี่ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยนี่มันโรงแรมนะใครจะพักก็ได้”
ดวงตาคมสบตากับแพรพิรยาชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเมินสายตานั้นไปและก้มลงเซ็นเอกสารต่ออย่างกับต้องการหลบสายตาคู่นั้นของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าโลกทั้งโลกมันกำลังหยุดหมุน เพียงแค่ได้สบตากับผู้ชายคนนั้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น
ความรู้สึกต่างๆ มันถาโถมเข้ามา หัวใจของเธอเต้นแรงแทบจะไม่เป็นจังหวะ ไม่สิ เธอต้องไม่หวั่นไหวและไม่ให้ผู้ชายคนไหนมีอิทธิพลต่อจิตของเธอสิ แพรพิรยารีบดึงสติของตัวเองกลับมา
“เปล่า ฉันแค่อยากให้แกดูว่าหล่อมั้ย เขาหล่อมากใช่มั้ยแพร” เสียงกระซิบของสุดา ปลุกความคิดของแพรพิรยาให้กลับมายังปัจจุบัน
“ก็...หล่อดี แต่ดูเย็นชาไปหน่อย”
“ก็จริงนะ ถึงจะดูหน้าตาอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อคนที่อยู่ใกล้ไปหน่อยก็เถอะ แต่ดูรวมๆ แล้วก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบนะ”
“ไปกินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวเธอต้องมารับลูกค้าไม่ใช่เหรอ ไหนล่ะร้านอร่อยที่จะพาไป รีบๆ พาฉันไปสิ”
แพรพิรยาเร่งสุดาให้รีบเดินออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จึงเปลี่ยนเรื่องคุย ก่อนจะลากเพื่อนสาวตรงออกไปยังร้านอาหารของโรงแรม
เธอถูกพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งพบหน้าฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ในตอนแรกเธอคิดว่าคงไม่ชีวิตรอดเป็นแน่ ที่จะเจอผู้ชายที่เป็นหนี้ชีวิตเธออีกครั้ง แต่อยู่ๆ เธอกลับฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของน้องสาวของเธอเอง และโชคชะตาของเธอทำให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่เธอรักจนหมดใจ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออัศวินอยากจะมีลูกน้อยเพื่อเป็นโซ่คล้องใจ แต่พลอยไพลินยังคงรักสนุก เธอยังคงยึดติดกับชีวิตการทำงานและวัยสาวของเธอ ทำให้เธอไม่พร้อมที่จะมีลูกในช่วงเวลานี้ อัศวินจึงต้องวางแผนทุกแผนการเพื่อที่จะมีลูกกับเธอ
ชาลีมาเฟียหนุ่มแห่งอิตาลีเจ้าของกาสิโน เขาเกลียดผู้หญิงไทยเพราะแม่ที่เคยทอดทิ้งเขาในวัยเด็ก เขามีน้องสาวต่างมารดาหนึ่งคนที่เป็นคนไทยชื่อว่าจันทร์เจ้า สามีของจันทร์เจ้าเคยเป็นคู่หมั้นของเอมอรหญิงไทยคนหนึ่งที่กำลังครรภ์ แม้เอมอรจะปฏิเสธว่านั้นไม่ใช่ลูกของภูชิตสามีของน้องสาวตน แต่ชาลีก็ไม่เชื่อคำพูดของเธอ เขาจึงจับตัวเอมอรมาและบังคับให้เธอจดทะเบียนสมรสกับเขา
จะเป็นอย่างไรเมื่อสาวน้อยวัย 18 ปี อย่างพลอยไพลิน ต้องแต่งงานกับหนุ่มใหญ่วัย 32 ปี อย่างอัศวิน เพราะสถานะทางครอบครัว และเขาดันเข้ามาสอนในมหาลัยที่เธอสอบติด ทำให้เธอและเขามีสถานะเพิ่มอีกหนึ่ง คือ “ลูกศิษย์กับอาจารย์”
ความสัมพันธ์ของเธอและเขาเริ่มจากเจ้านายกับลูกน้อง เพราะเขาต้องการใช้เธอเป็นสะพานเข้าไปหาเพื่อนรักของเธอ แต่เพราะความใกล้ชิดทำให้เรา....จนต้องเกิดการรับผิดชอบเกิดขึ้นในสองเดือนคือการทดลองคบกัน
จะเป็นอย่างไงเมื่อสาวน้อยอย่าง "รถเมล์" ต้องกลายเป็นคุณแม่วัยยังสาว และหนุ่มหล่ออย่าง "บิ๊กเอ็ม" ต้องกลายเป็นคุณพ่อซุปตาร์ เพราะเพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนของทั้งคู่ทำให้เธอท้อง เธอกลับมาเจอเขาอีกครั้งในวันที่ถ่ายแบบด้วยกัน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์คืนนั้นมันก็ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน เธอที่เพิ่งเข้าวงการกับเขาที่อยู่ในวงการถ่ายแบบมานานแล้วและเขากำลังจะเป็นดาราดัง แล้วอย่างนี้ทั้งสองจะทำอย่างไรกับเด็กน้อยที่กำลังจะเกิด
ปลัมน์ นักธุรกิจหนุ่มหล่อลูกครึ่ง ถูกแม่สั่งให้ทำยังไงก็ได้ ที่จะกัน พลอยหยก ออกไปจากชีวิตน้องชายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า พอถึงคราวของตัวเอง เขากลับกันเธอออกจากชีวิตตัวเองไม่ได้ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่มีเธอ ----------------------- “ปวดแผลจัง สงสัยต้องนอนพัก คุณล่ะทำอะไรตั้งหลายอย่างผมว่านอนพักก่อนดีกว่ามั้ย” เขาเอ่ยเมื่อพลอยหยกกลับจากเอาทุกอย่างไปล้างในทะเลเรียบร้อยแล้ว “ฉันยังไม่เหนื่อยเท่าไหร่ค่ะ แต่คุณนอนก็ดี เดินไกลกว่าทุกวันแล้วค่ะ” พลอยหยกเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยเดินมาคอยประคองให้เขานอนลงได้อย่างสะดวก โดยมีเสื้อชูชีพสองตัววางซ้อนกันเป็นหมอนให้ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะอีกแล้วเมื่อจ้องมองใบหน้าของเขาที่หล่อเหลากว่าทุกวัน ยิ่งเขาจ้องมองมาหาด้วยแล้วก็ยิ่งเกิดอาการประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก “คุณนอนพักก่อนดีกว่านะแกว จะได้มีแรงไว้สู้กับการสอยมะพร้าวไง” มือข้างขวาของเขารั้งเอวเธอเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน แถมยังออกแรงกดบังคับให้เธอโน้มกายลงไปหาพื้นข้างๆ อย่างไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บแผลอยู่บ้างแขนข้างขวาของเขาก็ยังมีเรี่ยวแรงมาพอที่จะหยัดตัวให้นอนตะแคงไปหาเธอ ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้าที่เขาเดาว่าคงจะแดงเพราะความอายที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขาเป็นแน่ และเขาก็ช่วยให้ห้วงเวลาที่เธอคงจะอึดอัดนั้นสั้นลงด้วยการก้มลงไปหาริมฝีปากนุ่มช้าๆ มอบจุมพิตอันแผ่วเบาให้เจ้าของริมฝีปากที่ไม่ได้ขัดขืนใดๆ อีกทั้งยังโอบกอดตัวเขาไว้อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วย ใบหน้าสวยก็แหงนเงยขึ้นเพื่อให้เขาได้ดอมดมปลายคาง ลำคองามระหงอย่างสะดวก ก่อนจะกลับขึ้นไปดูดดื่มริมฝีปากอีกวาระ แขนข้างซ้ายที่เคยเจ็บบัดนี้ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไปแล้ว และใช้มันยกสอดเข้าไปใต้เสื้อยืด แถมมันยังมีเรี่ยวแรงมากพอที่จะถลกบราเซียออกจากสองบัวงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเมื่อไม่ใคร่ถนัดนักเขาเลยเลื่อนมือขวาลงมาช่วยด้วยการถลกเสื้อยืดขึ้น โดยเจ้าของเสื้อคอยให้ความร่วมมือพยุงกายขึ้นจากพื้น แล้วแอ่นอกให้กับอุ้งปากอุ่นของเขาได้ลิ้มลองอย่างไม่หวงแหน แม้ใจจะบอกตัวเองว่าต้องห้ามเขา แต่พลอยหยกก็ไม่อาจจะทำได้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร รู้แต่ว่าตอนนี้เป็นสุขใจจนลืมทุกอย่างเพียงเพราะมีเขาอยู่แนบชิดขณะนี้ จนไม่อาจจะผลักไสเขาไปไหนได้นอกจากยินยอมพร้อมใจให้เขาได้เชยชมเพื่อชดเชยความสุขสมที่พึงมีด้วยกันนับตั้งแต่วันได้นอนแนบชิดกันโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว ปลัมน์ก็ไม่คิดจะห้ามตัวเองด้วยเช่นกัน เขาไม่แคร์ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ไม่มีแม้แต่ถุงยางอนามัยติดตัว และไม่แคร์ด้วยว่าเธอคืออดีตคนรักของหลานชาย ด้วยหัวใจไม่อาจจะหักห้ามความต้องการทั้งทางกายและทางใจได้อีกต่อไปแล้ว ผ่านมาหลายค่ำคืนที่เขามีสติล้วนแล้วแต่เป็นการกล้ำกลืนฝืนทนสุดๆ สำหรับเขาแล้ว แผงอกเปลือยทั้งสองบดเบียดแนบชิดกันเนิ่นนานกว่าปลัมน์จะค่อยๆ เลื่อนมือขวาลงไปหาหน้าท้องแบนราบจนพานพบตะขอกางเกงยีนส์ เขาใช้เวลาปลดไม่นานพอๆ กับการรูปซิปออก แล้วส่งนิ้วเรียวเข้าไปลูบไล้ผิวกายนุ่มนวลนอกแพนตี้สีหวานที่ชวนให้หลงใหลจนเขาปล่อยใจให้เตลิดเปิดเปิงไปเลยขั้นที่เกินจะควบคุมได้อีกต่อไป ไม่แตกต่างจากพลอยหยกนักที่เป็นสุขใจเกินคณากับการมีเขามาแนบชิดอยู่อย่างนี้ สองฝ่ามือนุ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้างบึกบึนของเขาอย่างลืมตัว ริมฝีปากนุ่มก็จูบตอบเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้จะไร้ซึ่งประสบการณ์ก็ตามที แต่การถูกเขามอบจุมพิตให้บ่อยครั้งก็คือเป็นความคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่งแล้ว หญิงสาวสะดุ้งเฮือกกับอุ้งปากอุ่นของเขาที่กำลังครอบครองปลายยอดชูช่อประหนึ่งรอให้เขามาเยี่ยมเยือนก็ไม่ปาน แผ่นหลังนุ่มแทบไม่ติดพื้นใบมะพร้าวเมื่อเธอเผลอแอ่นกายขึ้นเพื่อให้เขาได้ดูดดื่มอย่างสะดวก เธอรับรู้ได้ว่ากายเขาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อมือบางเผลอออกแรงบีบตรงหัวไหล่ซ้ายของเขาเพราะความเจ็บร้าวไปทั่วกายจากความต้องการที่จะมีเขาเข้าครอบครอง “แกว! ตัวผมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว ผมต้องการคุณเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเขาแหบพร่าอยู่ใกล้ๆ หู ก่อนจะซอกไซ้ปลายจมูกไปกับซอกคอระหงแล้วเลื่อนลงไปหาอกอวบอิ่ม อ้อยอิ่งอยู่กับปลายยอดอีกข้างอย่างหลงใหลอีกครั้ง พลอยหยกรับรู้ถึงความต้องการของเขาได้ตรงสะโพกผายตึงเมื่อความแข็งแกร่งของเขาส่งสัญญาณมาหาโดยไม่ต้องบอกกล่าวทางวาจาเพราะด้วยภาษาทางกายแจ้งอย่างชัดเจนกว่าเรียบร้อยแล้ว “คุณปลัมน์คะ!” พลอยหยกส่งเสียงติดๆ ขัดๆ ไปหาเขา สองมือบางก็พยายามจะดันอกเขาออกอย่างยากลำบาก “แกว! อย่าห้ามผมเลยนะ เราต่างก็ต้องการกันและกัน อย่าสนใจอะไรอีกเลยนะ” เขาส่งน้ำเสียงอ้อนวอนมาให้ขณะพรมจูบไปตามผิวกายขาวและกำลังเลื่อนต่ำลง พลอยหยกต้องพยายามสะกัดกลั้นความรู้สึกวาบหวานเอาไว้และพยายามใช้สองแขนหยัดกายให้ลุกขึ้น “คุณปลัมน์คะ! ฟังสิคะ” “บนเกาะนี้มีแค่เราสองคน ไม่รู้ว่าจะมีใครมาช่วยเราหรือเปล่า และไม่แน่ว่าเราอาจจะต้องติดอยู่นี่ไปเป็นปีๆ ก็ได้ ถ้าถึงตอนนั้นเราก็คงไม่พ้นต้องทำเรื่องนี้ด้วยกันอยู่ดี แล้วจะให้ผมรออะไรอีกแกวคุณอยากให้ผมลงแดงตายเพราะต้องการคุณหรือไง” แต่ก็ถูกกายกำยำเขาทาบทับไว้ ส่วนมือขวาที่ใช้การได้ก็กำลังเลื่อนขอบกางเกงยีนส์ออกจากสะโพกผายตึง “แต่เสียงนั่นค่ะ คุณฟังสิคะ” แม้จะเป็นเสียงแห่งความช่วยเหลือกำลังมาถึง แต่ปลัมน์ก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น และอยากฆ่าคนที่กำลังมาด้วย เพราะมันไม่ถูกเวลาเอาเสียเลย “คุณหูฝาดไปเอง ผมไม่เห็นได้ยินอะไรสักนิด” เขางับยอดบัวงามไว้ในอุ้งปากแล้วดูดดื่มอย่างหิวกระหายและควบคุมตัวเองแทบไม่อยู่ “คุณปลัมน์คะ แต่เสียงนั่นใช่เสียงเครื่องบินหรือเปล่าคะ ฉันได้ยินค่ะ คุณฟังสิคะ”
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี