เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
ซือเจียเหลย:
ฉันออกมาจากห้องน้ำโดยสวมชุดนอนกระโปรงเซ็กซี่ตัวหนึ่ง เป็นผ้าลูกไม้ที่มีความโปร่งบางและเย้ายวน เป็นแบบโลว์คัท โชว์ช่วงเอว กระโปรงสั้นจนปิดได้แค่บั้นท้าย
เฉินหลีซือที่ยืนอยู่ด้านหน้าของหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานหันหน้ากลับมา เขาสวมชุดคลุมอาบน้ำลายทางสีดำตัวหนึ่ง ผูกปมที่เอวไว้อย่างลวก ๆ ที่แผงอกอันกำยำของเขาเปลือยครึ่งท่อน
สายตาของเขาจับจ้องมาที่ตัวของฉัน แล้วทันใดนั้นแววตาของเขาก็ลุกเป็นไฟขึ้นมา
ฉันจึงรู้ได้ทันทีว่า ฉันดึงดูดความสนใจจากเฉินหลีซือสำเร็จแล้ว
ฉันแต่งงานกับเฉินหลีซือมาสามปีแล้ว แต่ฉันกับเขาไม่เคยได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ เลย
ฉันรู้ว่าเขามีคนที่เขาชอบอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ฉัน ดังนั้นหลังจากที่แต่งงานกัน ฉันจึงไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสทันที
เมื่อหลายวันก่อน คุณย่าของเฉินหลีซือโทรมาหาฉัน และบอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลเฉินจะต้องมีเด็กเพิ่มขึ้นมาสักที
ฉันเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ถ้าให้พูดตามตรง ฉันก็ไม่ได้รู้สึกไม่โอเคอะไรเลย แถมยังรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ
เพราะ ในที่สุดฉันก็มีเหตุผลที่จะได้กลับไปหาเฉินหลีซือแล้ว
ผู้ชายที่ฉันคิดถึงมาตลอดสามปี
ฉันเดินไปหยุดอยู่ต่อหน้าเฉินหลีซือช้า ๆ โดยเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังเอาไว้ แล้วก็ปล่อยให้เขามองมาที่ฉันจากระยะไกลได้อย่างเต็มที่
ฉันเห็นถึงความตกตะลึงในแววตาของเขา
“มานี่มา” เสียงของเฉินหลีซือมีความแหบแหบเล็กน้อย ราวกับถูกกระดาษทรายบาดเส้นเสียงอย่างไรอย่างนั้น
ฉันกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้เขา จากนั้นก็เอามือทั้งสองข้างโอบรอบคอของเขาเอาไว้
ฝ่ามือของเฉินหลีซือที่ร้อนระอุแตะมาที่เอวของฉัน เขาโน้มตัวเข้ามาที่ข้างหูของฉันและพูดว่า “นี่คุณกำลังอ่อยผมอยู่เหรอ?”
ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขารดอยู่ที่ข้างหูของฉัน ทำให้ฉันรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
“แล้ว ฉันทำสำเร็จไหมล่ะ?”
เฉินหลีซือหรี่ตามองฉัน แล้วทันใดนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา “นี่คือสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาจากที่ฝรั่งเศสตลอดหลายปีที่ผ่านมางั้นเหรอ?”
“คุณชอบรึเปล่า?” ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ หัวใจของฉันเต้นแรงผิดจังหวะ
“ซือเจียเหลย คุณสวยมาก” เสียงของเขาเบาและนิ่งมาก
เขากำลังชื่นชมฉันอยู่ หมายความว่า ในใจของเขามีฉันอยู่แล้วใช่ไหม?
“เฉินหลีซือ พวกเรา......”
“ซือเจียเหลย เราหย่ากันเถอะ!”
เราสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
สมองของฉันมันว่างเปล่าไปหมด คำพูดที่ฉันยังไม่ได้พูดออกมามันถูกชะงักไปทันที
ฉันกำลังจะบอกว่า เฉินหลีซือ เรามามีลูกกันเถอะ......
แต่เขากลับต้องการที่จะหย่ากับฉัน
เฉินหลีซือถอยหลังไปสองก้าว ราวกับจงใจเว้นระยะห่างจากฉัน “ร่างกายของเหรินธากำลังจะยื้อไม่ไหวแล้ว ผมต้องการแต่งงานกับเธอ”
ที่แท้ ข่าวในสื่อต่าง ๆ ที่บอกว่าเขากับเหรินธากำลังจะแต่งงานกันมันก็เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
ฉันเองนั่นแหละเป็นคนที่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่า นักข่าวเขียนข่าวขึ้นมาแบบมั่ว ๆ
“หลังจากหย่ากันแล้ว ผมจะให้เงินชดเชยคุณเพิ่มอีกหนึ่งร้อยล้านตามเนื้อหาในสัญญา” น้ำเสียงของเขาเบาและสงบนิ่งมาก แต่ฉันกลับไม่สามารถที่จะโต้แย้งอะไรได้เลย
น้ำตาร้อน ๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาของฉัน ฉันรีบก้มหน้าลงทันที ไม่อยากให้เฉินหลีซือเห็นความเปราะบางนี้ของฉัน
“คุณเป็นอะไรรึเปล่า?”
ฉันรีบเช็ดหน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่รู้สึกดีใจน่ะ”
ในแววตาของเฉินหลีซือดูสงสัยอย่างมาก:“ดีใจอะไรเหรอ?”
“ในที่สุดก็ไปจากคุณได้สักที แล้วจะไม่ให้ฉันดีใจได้ยังไงล่ะ?” ฉันพูดไปด้วยน้ำเสียงติดตลก ด้วยความที่กังวลว่าเขาจะไม่เชื่อฉัน ฉันจึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยิ้มออกมาให้ดูสดใสที่สุด
ทันใดนั้น สีหน้าของเฉินหลีซือก็มืดมนลง แล้วเขาก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “หึ คุณคงจะคิดได้แล้วสินะ”
ฉันพยายามฝืนยิ้มออกมาอย่างเต็มที่ “แล้วมีอะไรให้ต้องคิดไม่ได้อีกล่ะ?”
ลมเย็น ๆ พัดเข้ามาทางหน้าต่าง กระโปรงของฉันปลิวขึ้นเล็กน้อย
ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ฉันยังสวมชุดนอนที่แสนเซ็กซี่อยู่นี่นา
ช่างน่าตลกสิ้นดี
ฉันหาเสื้อโค้ทตัวหนึ่งมาคลุมตัวเอาไว้ เพื่อปกปิดร่างกายของฉันส่วนที่มันโชว์อยู่ ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง
“ถ้าคุณแต่งงานกับเหรินธา ฉันก็จะได้ไปตามจีบคนที่ฉันชอบสักที ถือว่าเป็นเรื่องดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นเนาะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยไง”
เฉินหลีซือขมวดคิ้ว แล้วก็ถามขึ้นมาว่า “คุณมีคนรักตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ฉันพยายามฝืนทนเก็บความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วก็จงใจพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายว่า “ประมาณเมื่อหลายปีก่อนแล้วล่ะ......”
ฉันอยากบอกเขาตรง ๆ มากว่า คนที่ฉันรักก็คือเขานั่นแหละ
“บอกชื่อเขามา!”
ฉันไม่คาดคิดเลยว่า เขาจะถามลึกขนาดนี้ วินาทีนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าควรจะตั้งชื่อคน ๆ นั้นว่าอะไรดี
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
“เหรินธา? มีอะไรเหรอ?” เฉินหลีซือรับสาย แล้วก็เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อเขาเดินออกมาอีกครั้ง เขาก็ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว กำลังผูกหูกระต่ายอยู่หน้ากระจกยาวแบบเต็มตัว
“เหรินธามีเรื่องจึงให้ผมไปหา ผมไปก่อนนะ รอผมกลับมา เราค่อยคุยกันอีกที”
หลังจากพูดจบ เขาก็ออกไปทันทีโดยที่ไม่ได้รั้งรออะไรเลย
เหมือนกับเรียกตอนไหนก็มาตอนนั้นได้เลยจริง ๆ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย
“เฉินหลีซืออยู่รึเปล่า?” มีเสียงที่หวานหยาดเยิ้มดังมาจากปลายสาย ซึ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อน ๆ ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกอึดอัดมาก
แม้ว่าฉันจะไม่ได้ติดต่อเธอมาหลายปี แต่ฉันก็ยังจำเสียงของเหรินธาได้เป็นอย่างดี
ฉันกัดริมฝีปากล่าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
“เฉินหลีซืออยู่ไหน? เขาสัญญาว่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนกับฉันคืนนี้” เหรินธาพูดไปเรื่อยอยู่คนเดียว น้ำเสียงของเธออ่อนหวาน แต่กลับเป็นแหลมแทงใจของฉันมาก
“คุณโทรหาเขาแล้วไม่ใช่รึไง?” ฉันอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บแนมออกไป
“อุ๊ย ฉันลืมไปเลย”
เหรินธาหัวเราะชอบใจออกมา ราวกับเป็นเสียงระฆังที่ดังแสบแก้วหู “ซือเจียเหลย ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ นะ ที่ขอให้สามีของคุณมาอยู่กับฉันกลางดึก......”
“สรุปแล้วคุณจะทำอะไรกันแน่?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันก็แค่อยากจะโทรมาทักทายคุณเฉย ๆ แล้วก็อยากจะถามคุณด้วยว่า เฉินหลีซือได้ขอหย่ากับคุณรึยัง?”
จู่ ๆ ก็มีเสียงดังจอแจดังมาจากในโทรศัพท์ เป็นเสียงของเฉินหลีซือที่ดังขึ้นมาจากในสาย “เหรินธา คุณโอเคไหม?”
ช่างเป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนซะจริง ๆ ฉันยังไม่เคยได้ยินเฉินหลีซือพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนั้นมาก่อนเลย
โทรศัพท์ถูกตัดสายไป
ฉันนอนไม่หลับเลยทั้งคืน
การยั่วยุของเหรินธามันทำให้ฉันนอนไม่หลับ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันเจ็บปวดยิ่งกว่านี้ก็คือ ความเฉยเมยของเฉินหลีซือ
ตลอดทั้งคืน เขาไม่ได้โทรมาหาฉันเลยแม้แต่สายเดียว!
ก็ใช่นะสิ ตอนนี้เฉินหลีซือก็อยู่กับเหรินธาด้วย แล้วเขาจะมาคิดถึงฉันได้ยังไงล่ะ?
ฉันเจ็บปวดมาก ได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสว่าง
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
เป็นเฉินหลีซือที่ไม่ได้กลับมาเลยทั้งคืน
“วันนี้ไปเจอกับเหรินธาสักหน่อยนะ” น้ำเสียงของเฉินหลีซือไม่ปล่อยให้ฉันปฏิเสธได้เลย
ใต้ขอบตาของเขาดำนิดหน่อย เมื่อคืนเขากับเหรินธาทำทั้งคืนเลยรึไง......
“ฉันต้องทำอะไรบ้าง?” ฉันฝืนยิ้มออกมา
“อย่าทำให้เธอโทษตัวเองและรู้สึกผิด บอกเธอว่า คุณมีคนที่คุณชอบอยู่แล้ว เธอจะได้สบายใจ” เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วจ้องมองตาฉัน
“ได้”
สีหน้าของเฉินหลีซือดูประหลาดใจ ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าฉันจะตอบตกลงอย่างง่ายดายขนาดนี้
“คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ ผมจะไปรอคุณข้างล่าง” เฉินหลีซือพูดจบแล้วก็เดินออกไปทันที
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นมา เป็นเถียนน่าเพื่อนรักของฉันเอง
“ฮัลโหล เถียนน่า!”
“เพื่อนรัก ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะจ้ะ!”
“ขอบใจนะ”
“คราวนี้จะกลับมาแล้วยังจะไปอีกไหม?”
“ว่าจะยังไม่ไปตอนนี้นะ”
“งั้นก็มาที่สถานีโทรทัศน์ของพวกเราสิ! เธอเรียนนิเทศศาสตร์มา มีเสียงไพเราะ แล้วหน้าตาก็ดี เธอเหมาะมากเลยนะ!”
“ได้สิ”
“ได้เจอเฉินหลีซือรึยัง?” ทันใดนั้น เสียงของเถียนน่าก็เบาลง ราวกับว่าเธอกำลังกระซิบถามหยั่งเชิงดู
“อื้ม”
“เขาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนังผู้หญิงเลวคนนั้นไหม?”
“อื้ม”
“หน้าไม่อายจริง ๆ เลย! เขายังจะมีหน้ามาบอกเธออีกเหรอ”
“เขาขอให้ฉันไปเจอกับเหรินธาวันนี้ด้วย”
“เธอจะไปเจอนังเลวนั่นเนี่ยนะ? นังนั่นมันจะต้องเกลี้ยกล่อมให้เฉินหลีซือหย่ากับเธอแน่ ๆ แล้วก็ให้เขาไปแต่งงานกับมันแทน! ตระกูลเฉินเมื่อสามปีก่อนไม่ยอมรับมันยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับมันเหมือนเดิมนั่นแหละ!” เสียงของเถียนน่าที่พูดด้วยความโมโหดังมาจากในสาย
“มันเป็นอดีตไปแล้วล่ะ” ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อย
“อดีตงั้นเหรอ? ซือเจียเหลย เธอยังรักเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ฉันไม่ได้ตอบ ต้องรักอยู่แล้วสิ ก็รักมาตั้งหลายปีขนาดนั้น
“ซือเจียเหลย?” เสียงของเถียนน่าดังมาจากปลายสาย ทำให้ฉันดึงสติกลับมาได้
“ฉันกำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว ไว้เจอกันวันหลังนะ”
เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
เมื่อสามปีก่อน ครอบครัวมัวร์ได้คัดค้านการแต่งงานของชาร์ลสกับไรลีย์ผู้หญิงที่เขารัก และบังคับเขาให้แต่งงานกับสการ์เล็ตต์ แต่ชาร์ลสไม่ได้รักสการ์เล็ตต์ อันที่จริงเขาไม่ชอบหน้าเธอด้วยซ้ำไป ไม่นานหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน สการ์เล็ตต์ก็ได้รับจดหมายตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยที่เธอใฝฝัน ซึ่งทำให้เธอปลื้มปิติเป็นอย่างมาก สามปีต่อมาไรลีย์ป่วยหนัก ชาร์ลส์ตัดสินใจเรียกสการ์เล็ตต์ให้กลับมา และขอหย่ากับเธอเพื่อทำตามความปรารถนาสุดท้ายของไรลีย์ การตัดสินใจอย่างกะทันหันของชาร์ลส์ทำให้สการ์เล็ตต์ปวดใจเป็นอย่างมาก แต่เธอก็เลือกที่จะเซ็นใบหย่า และปล่อยเขาไป ทว่าชาร์ลส์กลับชะลอการหย่า ทำให้สการ์เล็ตต์รู้สึกสับสน และไม่พอใจ ขณะนี้ความลังเลของชาร์ลส์ ทำให้สการ์เล็ตต์ยังไม่ได้รับอิสระ เธอจะหลุดพ้นจากเขาได้หรือไม่? แล้วสุดท้ายชาร์ลส์จะรู้ตัว และสามารถเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แท้จริงของตนเองได้หรือไม่?
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!