นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
กลางดึกยามจื่อคืนนี้ครึกครื้นนัก ภายในจวนใหญ่ของอ๋องเจ็ดเต๋อลู่หานผู้ที่กำลังเกิดความต้องการอันบ้าคลั่ง สองมือปลดเปลื้องชุดแต่งงานของสตรีที่ชื่อว่าเป็นพระชายาของตนเองออกโดยแรง กระทั่งชุดแต่งงานขาดออกเป็นชิ้น ๆ กระจายอยู่เต็มพื้น
สตรีนางหนึ่งกลับนอนแน่นิ่ง ปล่อยให้เต๋อลู่หานย่ำยีร่างกายตนเองตามที่เขาปรารถนาโดยไร้อาการต่อต้านอย่างสิ้นเชิง
เมิ่งลี่เฟยมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังจับร่างของตนด้วยอาการหยาบโลนด้วยสายตาอันว่างเปล่าไร้ความรู้สึก
นางได้แต่คิดถึงงานมงคลของตนเองที่เพิ่งจะผ่านพ้น
ช่างเป็นวันมงคลที่น่าอดสูสิ้นดี
สามีเกลียดชัง ไร้การคล้องแขนดื่มสุราอวยพร ไร้ซึ่งการเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างที่ควรจะเป็น
เสียงของผู้คนภายนอกยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอากาศด้านนอกนั้นจะหนาวจัด แต่ผู้คนยังปักหลักอยู่ในจวน ร่ำสุราฟังเสียงหวานของนักดนตรีผู้งดงามขับกล่อมด้วยความสนุกสนาน
ผ้าสีแดงถูกประดับเต็มอาณาเขต ภายนอกเรือนหอผู้คนเริงสำราญ ทว่าบรรยากาศภายในเรือนนั้นกำลังเดือดพล่านด้วยความร้อนแรงของเต๋ออ๋องที่คล้ายจะคลุ้มคลั่งด้วยความหื่นกระหายจนไม่อาจควบคุม
อ๋องเจ็ดเต๋อลู่หานปลดผ้าคาดเอวของตนเองออกแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่แยแส มือของเขาสั่นเทา รู้สึกปวดร้าวไปทั่วกายราวกับว่าหากเขามิได้ปลดปล่อยความใคร่ออกไปในยามนี้ เขาคงต้องตายเป็นแน่แท้
สายตาของเต๋อลู่หานเต็มไปด้วยไฟราคะกวาดมองร่างงดงามจนทั่ว พระชายาของเขาผู้นี้มีผิวพรรณขาวผ่องรูปร่างเย้ายวล ใบหน้างดงามประดุจเทพเซียนที่ลงมาจุติจากสวรรค์ ในยามที่เขามองนางด้วยสายตาหื่นกระหายนั้นเมิ่งลี่เฟยกลับไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของนางยังราบเรียบไร้ความเขินอาย ไร้แววยินดี คล้ายกับว่าเต๋อลู่หานที่กำลังย่ำยีนางอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงแค่บุรุษที่อยู่ในฝันร้ายเท่านั้น
นางได้ยินเสียงหัวเราะหยันของเขาชัดเจน เขาผู้นี้แม้ไม่ต้องการแตะต้องกายนางทว่ายามนี้กลับไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้
สองมือใหญ่กดข่มร่างบางเอาไว้ ลมหายใจของเขาเป่ารดใบหน้างามกระทั่งเมิ่งลี่เฟยได้กลิ่นสุรารุนแรง
ใบหน้าหล่อเหลาของเต๋อลู่หานแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา มีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏชัด เขาแยกขาของนางออกอย่างรวดเร็วแล้วชำแรกร่างกายใหญ่โตเข้ามาในช่องทางคับแคบทันใด
สตรีนางนี้ใจกล้าเป็นอย่างยิ่ง เมิ่งลี่เฟยไม่รู้หรือว่าเขาเกลียดคนเช่นนางมากเพียงใด ในเมื่อนางต้องการให้เขาเป็นสามีโดยที่เขาไม่เต็มใจ เขาก็จะทำให้นางรู้จักคำว่าอยู่ไม่สู้ตาย
“อ๊ะ!”
เมิ่งลี่เฟยรู้สึกเจ็บแสบที่ช่วงกึ่งกลางร่างกายจนต้องกัดฟันทนเอาไว้ มีเพียงเปล่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยเท่านั้นแม้จะเจ็บปวดเพียงใดก็ยังอดทน ด้วยทั้งหมดคือความต้องการของนางเอง เช่นนั้นนางก็ยินดียอมรับผลที่ตามมาด้วยความเต็มใจ
ไฟร้อนแรงที่กำลังเผาไหม้เต๋อลู่หานยิ่งทำให้การกระทำนั้นรุนแรงขึ้น เขากระแทกบดอัดโดยไม่สนใจว่าร่างบอบบางของนางจะเป็นเช่นใด
ระหว่างคนสองคน มิได้มีความรักใคร่ มิได้มีการเล้าโลม มีเพียงความป่าเถื่อนและจุมพิตที่หนักหน่วงจนริมฝีปากของนางแตกยับ ในยามที่เขาก้มลงมาขบกัดครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงเย็นแหบแห้งของเขาพลันดังขึ้น
"พระชายาคงไม่อยากตายดีสินะ จึงกล้าหาญวางยาข้าเช่นนี้ ทำกรรมใดไว้ก็ให้ผลกรรมนั้นคืนสนองเถิด"
เขาบดอัดร่างกายรุนแรงยิ่งขึ้นสะโพกซอยไม่ยั้งกระทั่งเกิดเสียงดังสนั่น เขากัดลำคอขาวผ่องจนเป็นรอยแผล เมิ่งลี่เฟยเจ็บปวดทว่ากลับแหงนใบหน้ารับด้วยความหยิ่งทะนง
สัมผัสของเต๋อลู่หานนับว่าป่าเถื่อน ยามนี้เขาเพียงคิดเล่นงานเมิ่งลี่เฟยด้วยบทพิสวาสของตนเอง ไม่สนใจสิ่งใดขอเพียงตนได้รับการปลดปล่อยความอัดอั้นภายในออกไปเท่านั้น
ในขณะที่เมิ่งลี่เฟยยังคงอดกลั้นต่อความรู้สึกเจ็บปวดมหาศาล ราวกับร่างกายของนางกำลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เหงื่อของนางเปียกชื้นเต็มตัว บุรุษผู้นี้แม้ว่าวาจาจะเผ็ดร้อน แต่ไม่อาจละจากร่างกายของนางได้เลยแม้แต่น้อย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมา กัดเข้าที่ลำคอขาวผ่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทางราวกับสุนัขป่าที่กำลังขย้ำเหยื่อ ทั้งดูดกินทั้งกลืนด้วยความกระหาย
เสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่รุนแรงขึ้น ในขณะที่เมิ่งลี่เฟยรู้สึกคล้ายจะไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป แท่งหยกของเขาใหญ่โตเกินไป แม้ว่านางจะเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ก็ยังเจ็บปวดอยู่จนเกินทนไหว
"อ๊ะ เจ็บ!"
สุดท้ายแล้วนางก็อดที่จะร้องออกมาไม่ได้
เต๋อลู่หานคล้ายวิญญาณหลุดลอยจากร่างกายเมื่อเมิ่งลี่เฟยเปล่งเสียงออกมา
เสียงของนางหวานใสดุจจักจั่นในเดือนหงาย หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าที่ทำให้คนเคลิบเคลิ้มอยากลิ้มลอง
ดวงตากลมโตของนางเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากคู่นั้นครอบครองที่ปทุมถันอันหวงแหน สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาจุดนี้นางจากบ่าวข้างกายที่ปรนนิบัติยามอาบน้ำแล้ว ไม่เคยมีสักคนที่จะได้ยลและล่วงล้ำ
ความรู้สึกแปลกใหม่กับสัมผัสจากริมฝีปากทำให้นางต้องพยายามตั้งสติ ปลายถันของนางเปียกชุ่มยามที่เขาอ้าปากรวบดูดตวัดเลีย นิ้วมือร้อนจัดบีบเขี่ยยอดถันไม่หยุด
"อื้ม ไม่คิดว่าจะดีเพียงนี้"
นางได้ยินเสียงของเขาครางชัดเจน และยังมีเสียงดูดเลียอันน่าละอายที่ดังขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าเมิ่งลี่เฟยแดงก่ำรู้สึกเหมือนตนเองเป็นสตรีที่ไร้ยางอายยิ่งนัก
เขาขยับท่อนล่าง ปากรวบดูดสองเต้าสลับไปมาคล้ายจะหลงใหลจุดนี้ไปเสียแล้ว
"ใหญ่โตยิ่งนัก กินอร่อยยิ่งนัก คนชั่วช้าเช่นเจ้าไม่สมควรได้รับร่างกายที่งดงามเพียงนี้"
เสียงกระซิบหยาบคายดังขึ้น เมิ่งลี่เฟยตอบเสียงต่ำ
"ใช่ ข้าชั่วช้าแล้วอย่างไร ท่านมิใช่พระสวามีของข้าหรือ"
"ข้ามิใช่สามีของเจ้าแม้แต่น้อย ความรู้สึกนี้ไม่อาจฝืนได้อย่าได้เพ้อว่าข้าจะยอมรับเจ้าเป็นอันขาด"
น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยไฟโทสะ เมิ่งลี่เฟยเชิดใบหน้าตอบโต้ไม่ลดละ
"ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไร แต่ฐานะพระชายาของข้าท่านก็มิอาจปฏิเสธได้มิใช่หรือ"
กระแสเสียงของนางเองก็เต็มไปด้วยความชิงชังอย่างเปิดเผย แม้ว่าจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยปากจากการละเลียดดูดกลืนปทุมถัน แต่วาจาที่เปล่งออกมากลับเต็มไปด้วยน้ำเสียงแห่งความเดียดฉันท์
"แล้วอย่างไรเล่า แม้เรื่องจะเกิดขึ้นแล้ว ข้าจะไม่มีวันให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ ไม่มีทาง"
เมิ่งลี่เฟยข่มโทสะ คิดเพียงว่าอย่างไรนางต้องเอาชนะคนผู้นี้ให้จงได้ นางไม่ได้โต้เถียงเขาอีก เมื่อปากของเขาบอกว่ารังเกียจแต่ในความจริงแล้วเขากลับโอบกอดร่างของนางอยู่เช่นนี้
เต๋อลู่หานสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายอันหอมหวานของเมิ่งลี่เฟยทำให้เขาเจียนบ้า ถึงจะถูกนางวางยาและรู้อยู่เต็มอก ในยามนี้กลับไม่สามารถถอยห่างจากความงดงามของนางได้
ริมฝีปากร้อนรุ่มถูไถที่ปลายถัน สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดให้เกิดขึ้นกับนางทว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาอีกครั้งทำให้นางแทบอยากจะถีบเขาออกจากร่างของตน
เมิ่งลี่เฟยได้แต่ข่มใจของตนเองเอาไว้ เพื่อตนเอง เพื่ออำนาจของสกุลเมิ่ง นางต้องทำให้คนผู้นี้กลายเป็นสามีของนางจริง ๆ
คนผู้นี้เคยสาปส่งนางอยู่หลายคราและแสดงอาการรังเกียจอย่างเปิดเผย การแต่งเข้าจวนเต๋ออ๋องแม้ว่าจะอยู่ในฐานะพระชายา แต่จะมีประโยชน์อันใดหากเขาไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
เมิ่งลี่เฟยยังคงคิดเอาตัวรอด ยามนี้ยังมีคนของไทเฮาที่เฝ้าดูและจดบันทึกไว้ไม่ขาด หากอ๋องเจ็ดไม่แตะต้องนางและนำไปรายงาน อย่างไรไทเฮาก็ต้องไม่พอพระทัยและต้องหาเรื่องสกุลเมิ่งที่มีบุตรสาว ไร้ความสามารถเช่นนางเป็นแน่ เมิ่งลี่เฟยย่อมไม่ทำให้ท่านพ่อพลอยได้รับความลำบากไปด้วย
ในเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว นางจำต้องมีบุตรชายสักคนเพื่อ คงสถานะอันสูงส่งนี้เอาไว้ แผนการวางยาอ๋องเจ็ดในคืนแต่งงานจึงเกิดขึ้นโดยทันใด
"อ๊ะ อื้อ"
แต่แล้วสมองของนางพลันพร่าเลือน เมื่อริมฝีปากของเขาขบกัดเข้าที่ปลายถัน รู้สึกเจ็บไปพร้อมกับความรู้สึกเสียวจนยากจะบรรยาย ร่างกายของนางอ่อนเปลี้ยความเจ็บปวดนั้นแม้จะหลงเหลืออยู่ทว่าความสุขสมที่กำลังเกิดขึ้นกำลังกลบความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะไม่หลงเหลือ
ในยามนี้นี่เองที่นางเผลอคิดว่า
เขาคงยอมรับนางแล้ใช่หรือไม่!
เขาโอบร่างงดงามของนางแนบแน่น ไต่เลียและเล็มจนนางต้องแหงนใบหน้าคราง ริมฝีปากคู่นั้นตามมาประกบ ช่วงท้องของหญิงสาวบิดเกร็ง สองมือเรียวโอบรอบร่างหนา
เมิ่งลี่เฟยจิกเล็บแหลมทั้งลากนิ้วข่วนลงบนเนื้อแข็งแกร่งจนเกิดรอยแดงและเลือดซิบ
เสียงครางดังออกมาเมื่อเขากดแท่งหยกเข้ามาในกายของนางอย่างลึกล้ำ เขาขยับช่วงสะโพกเร็วขึ้นพร้อมทั้งส่งเสียงครางในลำคอไม่หยุด
"อ๊า อืม อืม"
ริมฝีปากบางเฉียบถูกเขาครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งขบกัดดูดลิ้นเล็กของนางไม่หยุด ในใจของเต๋อลู่หานรู้สึกรังเกียจ ทว่ามิอาจต้านทานฤทธิ์ของยากำหนัดของเมิ่งลี่เฟยผู้ชั่วช้าผู้นี้ได้
เขาดึงลิ้นนางออกมาด้วยปากของเขา พัวพันและดูดกลืนหลายครั้งอย่างรุนแรง พิษของยาปลุกกำหนัดก่อให้เกิดความใคร่ที่มิอาจหยุดยั้ง ท่วงท่าแปรเปลี่ยนเมื่อเขาขยับตัวแล้วกระเตงนางขึ้นมาอุ้ม
"โอบขารอบเอวข้าเอาไว้"
นางจำต้องทำตามคำสั่ง ปากของเขายังคงดูดปากของนาง ในยามที่จับแก้มก้นงอนด้วยสองมือแล้วจับกระแทกเข้าหาร่างของเขา
ปัก ปัก ปัก
"อื้อ อื้อ ข้าเจ็บ"
เพราะอยู่ในท่านี้ทำให้เขาเข้าลึกเกินไป ร่างกายของเมิ่งลี่เฟยบัดนี้เกินจะรับไหวจริง ๆ แล้ว สองมือน้อยโอบรอบลำคอของเขาและก่อนที่นาง จะรู้สึกว่าร่างกายกำลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ หน้าท้องของนางพลันร้อนระอุและของบางสิ่งบางอย่างพลันวิ่งเข้าไปสู่ช่องท้องของนาง
ในยามนั้นที่เขากอดนางแนบแน่น ร่างกายเกร็งกระตุกและครางออกมาราวกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บสาหัส
นางหอบหายใจปวดร้าวไปตั้งแต่ช่วงกลางกระทั่งถึงปลายเท้า ศีรษะเล็กซบที่อกแข็งแกร่งอย่างอ่อนแรง กระทั่งร่างบางถูกกระชากออกจากอกของเขาโดยทันใด ในยามนี้นางรู้สึกคล้ายตกจากที่สูงเมื่อเขาโยนร่างของนางลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว
"กล้าที่จะทำก็รับผลที่ตามมาเถิด"
นางเจ็บไปทั้งแผ่นหลังยังไม่ทันหวีดร้องร่างสูงก็ทาบทับลงมาขบกัดริมฝีปากอย่างร้อนแรง มือใหญ่ยึดสะโพกกลมกลึงเอาไว้ ปลายลิ้นพัวพันดูดกลืนลิ้นนางไม่หยุด
เป็นอีกครั้งที่นางต้องแยกขาออกให้เขาเข้ามาภายใน เขากัดนางกระทั่งเลือดไหลออกมา รุนแรงเกินที่สตรีในห้องหอเช่นนางจะรับได้ ทว่าแม้จะทรมานเพียงใดเมิ่งลี่เฟยก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้สุดกำลัง
เขาจับนางให้หันหลัง ยกขาเรียวงามข้างหนึ่งให้สูงขึ้น ส่งเสียงคำรามต่ำอยู่ข้างหูในขณะที่ทาบปากลงมาที่ลำคอแล้วกัดจนเกิดรอยช้ำไปทั่วบริเวณ
ฮึ่ก!
หลังจากหลุดพ้นจากความทรมานร่างกายบัดนี้กลับรับรู้ความเป็นเจ้าของ เขากลืนกินนางแทบจะทุกสัดส่วนทั้งไม่ยอมถอนริมฝีปากจากปทุมถันคู่งามของนางด้วยความหลงใหล
"อื้มเต้าเต่งตึงงดงามยิ่งนัก ข้ามิเคยพบมาก่อน"
"อ๊า ซี๊ด อืมม ท่านอ๋อง อ๊า"
ราตรีนี้ผ่านไปพร้อมกับเสียงครางและร่างกายอันบอบช้ำจนแทบจับไข้ของคุณหนูสกุลเมิ่งผู้เลื่องชื่อเรื่องความยโสโอหังที่สุดในแผ่นดิน
พิษความใคร่จากยาปลุกกำหนัดเลือนหายไปแล้ว ร่างเล็กถูกจับห่อเอาไว้ในห่อผ้าสีแดง บัดนี้นางกำลังรู้สึกสะลึมสะลือเพราะยังไม่คลายจากฤทธิ์ยาอันรุนแรงที่เขาเอาคืน!
คนของไทเฮาที่มาเฝ้าสังเกตการณ์ร่วมหอครานี้ ได้เห็นคาตาจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ผ้าสีขาวเปื้อนเลือดบริสุทธิ์ถูกโยนออกมาจากด้านในด้วยฝีมือของเต๋อลู่หาน
คนเหล่านั้นสำรวจจนเรียบร้อย เมื่อพบว่าถูกต้องจึงหายตัวไปพร้อมผ้าผืนนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อคนไปจนหมดแล้ว ครานี้เต๋อลู่หานอุ้มนางขึ้นมาท่าทางยามแรกคล้ายจะอ่อนโยน ทว่าในดวงตากลับฉายแววเหี้ยมโหดยิ่งนัก
"กฎของการกล้าวางยาข้า แม้ว่าจะเป็นพระชายาก็ต้องรับโทษไม่มีละเว้น"
“ทะ ท่านอ๋อง มิ ใช่ท่านเต็มใจรับข้าแล้วหรือ”
เดิมทีเมิ่งลี่เฟยคิดว่าแผนของตนเองสำเร็จแล้ว เต๋อลู่หานได้ยอมรับนางแล้วเป็นแน่ ทว่าท่าทางของเขาในยามนี้ทำให้นางรู้แล้วว่าตนเองคิดผิดเพียงใด
เมิ่งลี่เฟยเจ็บปวดยิ่งนัก เมื่อเต๋อลู่หานเพียงแต่ส่งสายตาเย็นชาปนเกลียดชังออกมา
เต๋อลู่หานอุ้มนางขึ้นมาคิดจะนำนางไปลงโทษด้วยใบหน้าเฉยชา แม้ว่าเมิ่งลี่เฟยจะอ้อนวอนเพียงใด เขาผู้นี้ก็ไม่คิดที่จะใจเป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง ข้าคือพระชายาของท่านมิใช่หรือ คืนที่ผ่านมาเราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์แล้ว”
“เรื่องที่ผ่านมาล้วนเกิดเพราะแผนอันต่ำช้าของเจ้า เมิ่งลี่เฟยชื่อเสียงอันเลวทรามของเจ้ามิได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย เรือนเย็นท้ายจวนคือโทษของเจ้าจงรับผลกรรมเสีย”
เมิ่งลี่เฟยพูดไม่ออกแล้ว นางเจ็บไปทั้งกายและใจ เขาพานางไปที่เรือนเย็นท้ายจวนด้วยตนเอง ร่างอรชรมีเพียงผ้าห่มสีแดงผืนนั้นห่อกาย ความเจ็บปวดพุ่งชนไปทั่วทุกส่วนในร่างกาย เจ็บเจียนตายทว่ากลับไม่ยอมเปล่งเสียงใดออกมา
อากาศภายนอกบัดนี้เยียบเย็นเสียดแทงไปจนถึงกระดูก ร่างเล็กของเมิ่งลี่เฟยถูกผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีโยนทิ้งไว้ที่ตำหนักร้างอันหนาวเหน็บ
นางได้ยินเสียงสั่งอันเหี้ยมเกรียมดังขึ้นก่อนที่เขาจะสบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่แยแสคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย
"เฝ้าเอาไว้ให้ดีอย่าปล่อยให้นางไปทำเรื่องชั่วช้าอีกเด็ดขาด"
หลิวฉูฉู่นางเอกดังย้อนเวลากลับเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ตัวเองแสดง ทว่าเรื่องไม่ง่ายเลยสักนิด เมื่อเธอ ต้องเข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายที่สุดท้ายต้องตายตอนจบเพราะถูกพระเอกฆ่าตาย! หลิวฉูฉู่จึงต้องทำทุกวิธีที่จะให้รอดพ้นจากความตายนี้ "ฝ่าบาท รักนะเพคะ" นิยายเรื่องนี้ เป็นแนวสุขนิยม สายคลั่งรักไม่ควรพลาด ไม่มีดราม่าค่ะ อ่านคลายเครียด นุบนิบหัวใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดวัน หมายเหตุ ซื้อในเวบถูกกว่าแอปเปิ้ลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
ตอนเด็กถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว แม่ถูกทำร้าย ฉือเนี่ยนสาบานว่าจะเอาทุกอย่างที่เป็นของตัวเองกลับคืนมา!ครั้งแรกที่กลับมาที่เมืองจิง เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้การศึกษาและสำส่อนหลายคนบอกว่าลู่เหยียนสือต้องตาบอดแน่ๆ ถึงได้มาสนใจฉือเนี่ยนแต่มีแค่ลู่เหยียนสือเท่านั้นที่รู้ ว่าเธอที่เขารักและทะนุถนอมนั้นมากความสามารถ สามารถสร้างความวุ่นวายให้ทั้งเมืองจิงได้ด้วยตัวคนเดียวเธอคือหมอมือหนึ่ง เธอคือแฮ็กเกอร์มือทอง และยังเป็นนักปรุงน้ำหอมชั้นยอดที่ได้รับการยกย่องจากบุคคลสำคัญคนภายนอก: "คุณลู่ คุณจะเอาใจภรรยาจนไม่มีขอบเขตเลยเหรอ ทำไมแม้แต่ประชุมยังต้องอุ้มเธอไว้ด้วย!"ลู่เหยียนสือ "ต้องเอาใจภรรยาถึงจะรุ่งเรืองเฟื่องฟู"ต่อมาความลับของเธอถูกเปิดเผย ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหันมาชื่นชมและยกย่องเธอ...
“ปล่อยฉันนะ” “ไม่ เก่งมากไม่ใช่เหรอ ทำไมจะต้องหนี” “ฉันจะอยากอยู่กับพวกนายทำไม ไอ้พวกมาเฟีย อย่าให้เครื่องร่อนลงนะ ฉันจะแจ้งตำรวจจับพวกนายตั้งแต่ยังไม่ออกจากสนามบินเลย” “ก็ลองดูสิ อย่างน้อยถ้าคุณหลุดออกจากห้องน้ำนี้ไป... รับรองว่าผมจะให้ลูกน้องผมเวียนเทียนคุณครบทุกคน... เลือกเอาสิ ว่าจะยอมผมคนเดียว หรือว่า อยากไปเรียกร้องหาลูกน้องผมให้เป็นสามีด้วย” “อย่าพูดบ้าๆ นะ” รินรดาไม่รู้ตัวเลยว่าใบหน้าหล่อนซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดแล้วยังพูดตะกุกตะกักอีกต่างหาก “อย่าคิดจะทำอะไรฉันด้วย ไม่งั้นพ่อฉันเอานายตายแน่...” “ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าตายเป็นยังไง... ยังไม่เคยลองสักที แต่ก่อนที่พ่อคุณจะเอาผมตาย ผมขอเด็ดปีกนางฟ้าลูกสาวแสนสวยของพ่อคุณก่อนดีไหมหืม” เขาบอกก่อนจะก้มหน้าลงมาใกล้หล่อน รินรดาผงะถอยแต่จะไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะว่าแขนเขาค้ำผนังอยู่ทั้งสองข้างกักกันหล่อนไว้ในวงแขนนั้น... วันนี้มันวันซวยของหล่อนจริงๆ ซวยมากจนขนาดโคตรอภิมหาซวยเลยก็ว่าได้ ไม่น่าไปเล่นกับพวกนี้เลยทั้งๆ ที่ดูท่าก็ไม่น่าไว้ใจแล้วแท้ๆ “มะ ไม่ดีหรอก คุณจะทำอย่างนั้นไปทำไมกัน” หล่อนเริ่มพูดกับเขาดีๆ เพราะเห็นว่าไม่เป็นการดีที่หล่อนจะยั่วโมโหเขา “เพราะคุณทำให้ผมโกรธนะสิ... การที่คุณเทน้ำรดหัวผมมันหยามผมแค่ไหนรู้ไหม...แล้วคุณยังมาตบหน้าผมทั้งๆ ที่ไม่มีใครกล้าทำ ผมสามารถฆ่าคุณให้ตายคามือกับการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของคุณได้เลย” เขาขู่คำราม ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ขึ้นมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่หล่อนทำ... หล่อนช่างกล้าจริงๆ เลยให้ตาย “ฉันขอโทษ” หล่อนบอกเสียงแผ่วๆ ราวกับเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรจะกลัวเขา “ขอโทษ” เขาทวนคำหล่อน... “ แค่นี้คิดว่ามันจะพอเหรอ” “แล้วคุณจะต้องการอะไรเล่า... เดี๋ยวฉันขอให้คุณพ่อไม่คิดเงินคุณในเที่ยวบินนี้ก็ได้ พอใจไหม” “ผมไม่ต้องการส่วนลดบ้าอะไรนั่นหรอก เงินผมมีมากกว่าที่จะมาคิดเรื่องนี้” เขาตวาดกลับ... หน้าเขาเหมือนพวกยาจกงกเงินขนาดนั้นเชียวหรือหล่อนถึงเอาเรื่องเงินมาล่อนัก เห็นท่าทางเอาเรื่องกับดวงตาเรืองรองของเขาแล้วรินรดาก็เริ่มกลัว... เขาไม่ต้องการเงิน แล้วจะต้องการอะไรกันล่ะ ชีวิตหล่อนอย่างนั้นหรือ “ถ้าไม่อยากได้อะไรก็ปล่อยฉันไป ฉันจะออกไปข้างนอก มันอึดอัด” ใบหน้าหวานเริ่มงอขึ้นมาอีก ห้องแคบๆ นี้อยู่คนเดียวก็หายใจไม่ออกแล้ว ยิ่งมีร่างสูงโย่งของเขามาเบียดเสียดแย่งพื้นที่หายใจด้วยแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศมันย่ำแย่ขึ้นไปอีก... “ใครบอกว่าผมไม่อยากได้อะไรล่ะ” ดวงตาคมสีน้ำตาลอ่อนจ้องหน้าหล่อนไม่วางตา... ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่แต่แววตาเขามันทำให้ขนลุกได้เลยทีเดียว “ถ้าอยากให้ผมปล่อยคุณไปล่ะก็” เขาพูดแล้วก็หยุด... “ก็อะไร” หล่อนถามขึ้นมาเพราะทนรอไม่ไหว... เขาช่างมีความสามารถในการยั่วโมโหหล่อนเหลือเกินเชียว
-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด