วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
ฉู่ชิงหวงมีอมยิ้มอยู่ในปาก ขณะที่มือก็แกะกล่องเครื่องมือออกอย่างชำนาญ “คราวนี้เป็นคนใหญ่คนโตซะด้วย ไม่รู้จะผ่ายังไงดี”
“ชิงหวง เธอเป็นแพทย์นิติเวชนะ ตอนชันสูตรศพช่วยวางมาดเคร่งขรึมหน่อยจะได้ไหม แล้วก็ช่วยหยุดกินก่อนได้หรือเปล่า?” เสี่ยวตงที่เป็นเพื่อนร่วมงานมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของฉู่ชิงหวงแล้วถามขึ้นอย่างปวดเศียรเวียนเกล้า
เป็นผู้หญิงยิงเรือ ทั้งยังหน้าตาสะสวย อายุก็ตั้ง 28 แล้ว แต่กลับยังไม่มีแฟน มีคนตั้งไม่รู้เท่าไรมาตามจีบเธอเพราะใบหน้าสะสวยนั้น แต่กลับถูกความนิยมชมชอบที่มีต่อการผ่าศพจนพิลึกพิลั่นของเธอขู่จนเสียขวัญ หนีกระเกิดกระเจิงไปหมดแล้ว!
“รุ่นพี่ น้ำตาลช่วยให้สมองแล่นนะ มีประโยชน์กับงาน พี่เอาหน่อยไหม?” ฉู่ชิงหวงล้วงเอาอมยิ้มในกระเป๋าตัวเองยื่นให้กัวเสี่ยวตง
กัวเสี่ยวตงทำหน้าถมึงทึง “ไม่เอา การชันสูตรครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มา จะสะเพร่าไม่ได้ ผู้ตายเป็นถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ได้ยินว่าเกี่ยวพันกับความลับสุดยอด น่าจะถูกฆ่าปิดปาก หัวหน้าก็ไม่รู้คิดยังไง ถึงสั่งให้เราสองคนมาชันสูตร ทั้งที่รู้อยู่ว่าไม่ใช่งานที่ดีเด่อะไร...”
“อย่าเสียงดังสิ!” ฉู่ชิงหวงเอ่ยขัดกัวเสี่ยวตง ก่อนจะใช้มือช่องท้องของผู้ตายออก ไม่นึกว่าในนั้นจะมีกุญแจอยู่ดอกหนึ่งจริง ๆ ด้วย “กุญแจ”
“กุญแจอะไร?” กัวเสี่ยวตงยื่นหน้าเข้าไปถามด้วยความใคร่รู้
ฉู่ชิงหวงเอากุญแจออกมาล้างให้สะอาด แล้วเพ่งดูให้ชัด ๆ “เป็นกุญแจตู้เซฟธนาคาร ก่อนตายเขาน่าจะถูกโจมตี ก็เลยกลืนกุญแจลงท้อง”
“ได้ยินว่าตอนที่เขาตาย ที่บ้านเขาถูกรื้อค้นจนเละไปหมด หรือว่าสิ่งที่ฆาตกรต้องการก็คือกุญแจดอกนี้?” กัวเสี่ยวตงถามด้วยความสงสัย
ฉู่ชิงหวงกัดฟัน “พี่ไปแจ้งให้หัวหน้าทราบก่อน แต่ต้องแอบบอกนะ อย่าให้ใครรู้”
“ได้” กัวเสี่ยวตงรีบหันหลังเดินออกไปทันที ฉู่ชิงหวงหยิบกุญแจมาเก็บเอาไว้ ก่อนจะทำงานชันสูตรของตัวเองต่อ ราวกับเมื่อครู่ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ขณะที่ฉู่ชิงหวงกำลังจะเตรียมเย็บแผลให้ศพนั้นเอง ปืนเย็นเยียบกระบอกหนึ่งก็จ่อเข้าที่ศีรษะของฉู่ชิงหวง
“ส่งของมาให้ฉัน”
ฉู่ชิงหวงส่งเสียงจุปาก “ดูเหมือนว่าเรื่องคราวนี้ก็มีเอี่ยวกับพี่ด้วยสินะ รุ่นพี่”
“ชิงหวง ฉันไม่อยากฆ่าเธอหรอกนะ ส่งกุญแจมาให้ฉัน” มือที่ถือปืนอยู่ของกัวเสี่ยวตงกำลังสั่น “มันสำคัญกับพวกเรามาก ขอแค่เธอส่งกุญแจนั้นมาให้ฉัน แล้วฉันจะทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...”
กัวเสี่ยวตงยังพูดไม่ทันจบ ฉู่ชิงหวงก็รีบฉวยโอกาสใช้มีดผ่าตัดในมือฟันเข้าที่ข้อมือเขาเสียก่อน ปืนในมือจึงร่วงลง แต่ยังไม่ทันที่เสียงผรุสวาทจะได้หลุดออกจากปากฉู่ชิงหวง เธอก็พลันรู้สึกเจ็บที่หน้าอกขึ้นมาทันที เลือดสด ๆ ไหลทะลักออกมาย้อมเสื้อกาวน์สีขาวของเธอ
“ไหนสัญญาว่าจะไม่ฆ่าเธอไง!” กัวเสี่ยวตงตะคอกใส่เพื่อนร่วมขบวนการที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาเอื้อมมือไปรับร่างที่ทรุดลงมาของฉู่ชิงหวงเอาไว้ ทว่าเธอกลับรู้สึกได้เพียงว่าร่างกายเธอกำลังหนาวเหน็บ กระสุนนัดนี้ตรงเข้าตัดขั้วหัวใจเธอพอดี เธอไม่มีทางรอดแน่ ฉู่ชิงหวงหลับตาลง และไม่ได้ยินสิ่งที่กัวเสี่ยวตงพูดอีก...
...
พอฉู่ชิงหวงลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาเธอก็คือดาบเงาวับ กับเพชฌฆาตที่ดูโหดร้ายดุดัน นี่มันฉากประหารในสมัยโบราณชัด ๆ ฉู่ชิงหวงเริ่มลนลาน ทว่าพอเริ่มดิ้นรนก็พลันรู้สึกเจ็บที่ลำคอขึ้นมาทันที ขณะที่ศีรษะก็ปวดจนแทบระเบิด ความทรงจำมากมายนับไม่ถ้วนพลันโถมทะลักเข้ามาในสมองเธอ จนทำให้เธอแทบหมดสติไป
ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือน้องสาวที่มาส่งเธอในวาระสุดท้ายด้วยน้ำตานองหน้า “ท่านพี่ ท่านช่างอาภัพนัก...”
ฉู่ชิงหวงหวนคิดให้ละเอียดแล้วถึงได้เข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง เธอได้เปลี่ยนจากฉู่ชิงหวงที่เป็นแพทย์นิติเวช เป็นธิดาของภรรยาเอกแห่งสกุลฉู่ ราชวงศ์จ้าวหมิง ที่ต้องมารับเคราะห์หลังจากไปทำคลอดให้อนุภรรยาของแม่ทัพใหญ่ โดยนางถูกใส่ร้ายว่าทำให้ลูกชายที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกของท่านแม่ทัพใหญ่ต้องตาย!
ส่วนน้องสาวของนางที่ร้องไห้ราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝนตรงหน้านี้ ก็คือผู้สมรู้ร่วมคิด!
ท่านแม่ทัพใหญ่เดือดดาลจนถึงขีดสุด เพื่อระงับโทสะของท่านแม่ทัพใหญ่เจี่ยงซางหวู่ ฝ่าบาทจึงมีรับสั่งสั่งประหารนางเสีย ส่วนสกุลฉู่นั้นก็เกรงว่าไม่ใยดีนางไปตั้งนานแล้ว ที่ให้น้องสาวผู้นี้ของนางมาส่งนางไปปรโลก ก็เพียงเพราะอยากจะเห็นนางถูกบั่นศีรษะร่วงลงกับพื้นดินเองกับตาก็เท่านั้น!
“ยามอู่แล้ว ประหาร!” บนลานประหาร ท่านอ๋องเก้าผู้รับหน้าที่เป็นผู้คุมการประหารออกคำสั่งแล้ว เพชฌฆาตจึงชูดาบขึ้น และชั่วขณะที่ความตายอยู่ตรงหน้านั้นเอง ฉู่ชิงหวงก็ร้องตะโกนลั่น
“ข้าถูกปรักปรำ... ท่านอ๋อง อนุของแม่ทัพเจี่ยงไม่ได้ตั้งครรภ์สักหน่อย ข้าถูกปรักปรำ!”
ท่านอ๋องเก้าสวมเสื้อคลุมตัวยาวสีนิลกาฬเหลื่อมมังกร เรือนผมสีดำสนิทดั่งน้ำหมึกนั้นรวบเกล้าไว้ด้วยมาลาหยก ช่วยขับให้เจ้าตัวช่างดูสง่างามเหนือคนทั่วไป กอปรกับหน้าตาคมคายดุจคมดาบ กับนัยน์ตาดำสนิทและเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ต่อให้เป็นท่านอ๋องที่ไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังเป็นท่านอ๋องที่แฝงความดุร้ายไม่ต่างจากคมดาบในฝัก
เห็นเพียงว่าจวินโม่เฉินมอบรอยยิ้มตรึงใจให้กับสตรีบนลานประหารผู้นี้
เมื่อครู่นางคิดจะร้องขอความตายชัด ๆ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดพอดาบมาจ่อคอแล้ว จู่ ๆ นางถึงตะโกนว่าตนถูกปรักปรำไปเสียได้
“ฉู่ชิงหวง ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการลงมาแล้ว มิอาจขัดพระบัญชา เจ้าบอกว่าเจ้าถูกปรักปรำ... เช่นนั้นมีใครเป็นพยานให้เจ้าได้หรือไม่?”
“แต่ข้ามีหลักฐาน! ท่านอ๋อง ข้ามีหลักฐาน!”
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
จางลี่สตรีเกิดมาพร้อมกับความเกลียดชัง บิดามารดาไม่รัก พี่สาวรังเกียจ รอบด้านทำร้ายร่างกาย ชาติภพนี้นางถูกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทำร้ายจนตาย เมื่อเกิดพบชาติใหม่อีกครั้ง นางก็ขอตอบแทบพวกเขาอย่างสาสม อย่าคิดว่าชาติภพนี้พวกเขาจะได้อยู่สุขสบาย นางในชาตินี้จะถนอมพวกเขาเป็นอย่างดี “ข้าไม่ใช่คนดี ท่านอย่าได้หวังว่าข้าจะดีเหมือนคนอื่น หากท่านปรารถนา พบสตรีที่ดีก็เชิญไปหาที่อื่น” บุรุษปริศนาที่ติดตามนางจะเลือกเส้นทางไหน แล้วนางจะตอบแทนพวกเขาเหล่านั้นเช่นไร รอพวกเขาหาคำตอบ แต่บอกได้เลยว่านางหาได้ใจดีเหมือนชาติที่แล้วไม่ “ข้าเตือนท่านแล้ว ว่าอย่าได้หวังว่าข้าจะเป็นคนดี”
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
วามสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ทำให้เธอ...ท้องไม่มีพ่อ .................... “คูน...คุณ” ชมพลอยทรุดตัวนั่งใกล้ร่างหนาที่หันมองเธอด้วยสายตาแปลกใจ เธอทักทายเขาด้วยภาษาสากล “คูณนอนกับช้านม้าย ฉันซิงนะ” บุรุษที่ชมพลอยเข้าไปทักคือ ภาคินทร์ ภักดีธำรง หรือหมอธาม ในวัยสามสิบปีที่มาเรียนแพทย์เฉพาะทางเพิ่มเติมในประเทศเยอรมัน เขายังคงมองหน้าคนเสนอตัวให้ด้วยสายตาตกใจปนประหลาดใจ เขาพบเจอผู้หญิงที่ชวนไปหลับนอนหลายคน ทว่ากลับไม่มีใครสักคนที่บอกให้รู้ว่า ครองพรหมจรรย์ ในตอนนั้นภาคินทร์คิดว่า สาวสวยตรงหน้าเมาจึงพูดในเรื่องตรงกันข้ามกับการกระทำ ผู้หญิงบริสุทธิ์คงไม่ชวนผู้ชายหลับนอนด้วย “วันไนท์สแตนด์งาย...สนใจไหม” “ได้สิ” ภาคินทร์ยิ้มและตอบรับทันที อาจเป็นเพราะเขาถูกใจในความสวยงามบนใบหน้า ผิวขาวลออตา และรูปร่างที่น่าฟัดอย่าบอกใคร ภาคินทร์เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป กิเลสตัณหาเกิดขึ้นได้หากเจอคนถูกใจ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"